จีนปรับกลไกเศรษฐกิจเน้นสร้างความเข้มแข็งภายใน
พร้อมเดินหน้าสัมพันธ์ไทยสนับสนุนพัฒนา AI โลจิสติกส์ 5G
09.45 น. สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยร่วมกับสถานทูตจีนประจำประเทศไทย จัดการอภิปรายในหัวข้อ “มองจีนยุคใหม่ความท้าทายที่สื่อไทยควรรู้” ณ โรงเแรมอโนมา
นายมงคล บางประภา นายกสมาคมฯ กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการอบรมซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่สอง โดยทางสถานทูตจีนให้การสนับสนุนโดยไม่ได้เข้ามาก้าวก่ายแทรกแซงทั้งการเลือกวิทยากรหรือเลือกเยี่ยมชมสถานที่ ซึ่งมีคำถามว่าสมาคมนักข่าวเน้นจัดกิจกรรมกับทางสถานทูตจีนเป็นพิเศษหรือไม่ ต้องขอชี้แจงว่าสมาคมไม่ได้ร่วมจัดกิจกรรมกับเฉพาะแค่ทางฝ่ายจีนแต่เปิดกว้างร่วมกับทุกฝ่ายซึ่งที่ผ่านมามีการพูดคุยประสานงานกับหลายประเทศ
อย่างไรก็ตาม การให้ความสำคัญกับประเทศจีนในช่วงนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการช้าเกินไปด้วยซ้ำเพราะในสภาพสังคมเศรษฐกิจ สังคม การเมือง โลกและในภูมิภาค เราจะเห็นบทบาทจีนอย่างมาก ถ้าเราไม่เรียนรู้ก็จะตกขบวน ที่ผ่านมานักลงทุนไทยไปลงทุนในจีน นักลงทุนจีนมาลงทุนในไทยเยอะมาก นักท่องเที่ยวเดินทางไปมาหาสู่กันเยอะมีความใกล้ชิด
ด้าน นางหยาง หยาง ที่ปรึกษาฝ่ายการเมือง สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า กิจกรรมนี้ทางสมาคมเป็นผู้ริเร่ิมและทางสถานทูตเป็นผู้สนับสนุนแค่ออกเงินไม่ได่้ต้องบอกว่าไปดูอะไรเชิญวิทยากรคนไหนซึ่งกิจกรรมนี้จะเป็นการสร้างสะพานเชื่อมโยงความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย ซึ่งหวังว่าการเดินทางไปดูงานที่ประเทศจีนจะทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงในมุมที่หลากหลายไม่เหมือนในความทรงจำที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในปีนี้จะเป็นปีที่ครบรอบ 70ปีแห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะเห็นว่าเศรษฐกิจจีนมีความเจริญเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1978 ซึ่งเป็นปีที่เปิดประตูสู่ภายนอก จากจีดีพีที่อยู่ประาณ 2.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพ่ิมขึ้นเป็น 13.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จีดีพีคิดเป็น 2 ใน 3 ของสหรัฐและคิดเป็น 2.8 เท่าของญี่ปุ่น จีดีพีเฉลี่ยต่อหัวเกือบ 1 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2013 -2018 จีนช่วยให้เศรษฐกิจเติบโต 28.1 % ในเนื้อหา
สำหรับรายละเอียด ทางด่วนของจีน ทะลุ 1.4 แสนกิโลเมตร รถยนต์ส่วนตัวมี 200 ล้านคันเป็นอันดับหนึี่ง รถไฟเร็วสูง 2.9 หมื่นกิโลเมตร เป็นอันดับหนึ่ง มีแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า สมาร์ทโฟนเป็นที่รู้จัก มีบริษัท 120 แห่ง เข้าบริษัทท็อป 500 มากกว่าสหรัฐอเมริกา ในแง่ชีวิตความเป็นอยู่พัฒนาจนจะขจัดความยากจนสิ้นเชิง ด้วยการออกแบบการการขจัดความยากจนด้วยการตั้งเป้าหมายตรงจุดโดยจะสามารถขจัดคนจน 82.3 ล้านคนได้อย่างสิ้นเชิงในปีหน้า
นางหยาง หยาง กล่าวว่า ที่ผ่านมามีเพื่อนคนไทยชอบถามเรื่องสงครามการค้าเราไม่ยอมทำสงครามกับใครทั้งสิ้น แต่เป็นเพราะสหรัฐบังคับ เพราะท่าทีเราชัดเจนว่าสงครามการค้าไม่มีฝ่ายชนะ แต่ขอย้ำว่าเราไม่กลัว แต่ก็ต้องยอมรับว่าจีนได้ผลกระทบและสหรัฐก็โดนเองด้วย โดยเศรษฐกิจจีนประสบแรงกดดันแรงในครึ่งปีแรกเศรษฐกิจจีนเติบโตลดลง 6.4% ตำ่สุดในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจีนยังไหวซึ่งที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นว่าจีนไม่มีวันล้ม ยอดมูลค่าส่งออกนำเข้าเพ่ิมขึ้น แค่ปรับจากเดิมที่เคยเน้นการเติบโตความเร็วสูงมาเป็นเน้นการเติบโตที่เน้นคุณภาพ โดย 1. เน้นความต้องการภายในเป็นหลักอาศัยการส่งออกลดลง 2.นวัตกรรม โดยการลงทุนด้านวิจัยศึกษาของจีนเพิิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 20 % ต่อปี หรือ 2 ล้านล้านหยวน การลงทุนด้านอุตสาหกรรมไฮเทคเพิ่มขึ้นกว่า 10 %
3. ชีวิตความเป็นอยู่มีความพยายามผลักดันโครงสร้างพื้นฐานระบบใหม่ ทั้ง โครงสร้าง 5G ระบบการส่งไฟฟ้าเร็วสูงเชื่อมระหว่างเมือง อาคารจอดรถ มีเสาชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยน์ ไปจนถึงเรื่อง IoT Big Data 4.เปิดประตูกว้างรับการลงทุน ที่ผ่านมามีการลดภาษีศุลกากรจาก 9.8 %เหลือ 7.5% รวมทั้งผ่านกฎหมายการลงทุนต่างประเทศ อีกทั้งล่าสุดเกิดปรากฏากรณ์โคสต์โค ห้างสรรพสินค้้าจากอเมริกาที่ไปเปิดในจีนได้รับความนิยมจนรถติด 3 ชั่วโมงกว่าจะได้ที่จอดรถ แสดงให้เห็นถึงการเปิดกว้างรับนักลงทุนทุกคนรวมถึงสหรัฐอเมริกาแม้ในภาวะใต้สงครามการค้าเราก็ยินดีให้นักลงทุนมากค้าขาย ซึ่งนักลงทุนต่างชาติเองหากมีวิสัยทัศน์ ก็คงไม่ทิ้งตลาดจีนซึ่งมีขนาดมโหฬารง่ายๆ
"สงครามการค้าไม่ใช่ฝ่ายจีนริริ่ม แต่เป็นฝ่ายอเมริกาเริ่ม เป็นฝ่ายที่พยายามขยายขอบเขตสงครามการค้าด้วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอเมริกาทำให้เศรษฐกิจอเมริกาประสบภัย และอาจตกอยู่ในสภาวะอันตราย เอง วอลสตรีทเจอร์นอลเคยมีบทความเตือนอเมริกาว่าการโจมตีทางการค้าที่ไร้ระเบียบอาจทำให้เศรฐกิจอเมริกาล่ม"
ทั้งนี้ รัฐบาลทรัมป์ เอาประเทศจีนเป็นแพะรับบาป ของการต่อสู้การเมืองภายในประเทศและความขัดแย้งด้านเศรษฐกิจเชิงลึก แต่ถามว่าจีนจะเจรจากับอเมริกาต่อไหม เราไม่ได้ปิดประตูเจรจา แต่ติดต่อกับอเมริกามาตลอด แต่ท่าทีของจีนชัดเจนคือการเจรจาต้องดำเนินบนพื้นฐานเสมอภาคเคารพผลประโยชน์แท้จริง ซึ่งกันและกันถึงจะดำเนินการได้
นางหยาง หยาง กล่าวว่า ในแง่ความสัมพันธ์ปีนี้ครบรอบ สถาปนา 70แห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับคนไทยจะมีการยกระดับความร่วมมือเข้าสู่อีกระดับ เรายินดีจูงมือฝ่ายไทย ผลิต ผลักดัน วันเบลท์ วันโรดเชื่อมโยงการพัฒนาระยะกลาง ระยะยาว ไทยมีจุดเด่นด้านภูมิศาสตร์หลายประการ เป็นศูนย์กลางอาเซียนซึ่งยินดีจะร่วมมือฝ่ายไทยเร่งเดินหน้ารถไฟเร็วสงูเชื่อมโยงลาว เปิดตลาดกว้างใหญ่ รวมทั้งร่วมมือผลักดันเศรษฐกิจดิจิตอล เอไอ โลจิสติกส์ โทรคมนาคม ผลักดันอุตสาหกรรมใหม่ พัฒนาอีคอมเมอร์ส เทคโนโลยี 5G
ถ่ายทอดสด "มองจีนยุคใหม่ความท้าทายที่สื่อไทยควรรู้" ปีที่2