“ศึกเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา ชี้ชะตาโลก” 

         “ไทยจะแสดงออกอย่างไรให้ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นว่า อยากคบกับทั้ง 2 ประเทศจริงๆพร้อมกัน และเราไม่ใช่นก 2 หัว รวมทั้งยึดหลักของการต่างประเทศทั่วโลก คือ ประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก แม้ว่าสุดท้ายจะรักษาความเป็นกลาง หรือบางเรื่องอาจจะเข้าหาประเทศใดประเทศหนึ่งมากกว่า ก็จะไม่มีปัญหา หากยึดผลประโยชน์ของคนในประเทศชาติมาก่อน”

            “ชาญชัย ประทีปวัฒนะวงศ์ รองบรรณาธิการ TNN World” วิเคราะห์ “การเลือกตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา ผลกระทบต่อโลกและไทยอย่างไร” ใน “รายการช่วยกันคิดทิศทางข่าว” ว่า 

“คาด นโยบายต่างประเทศผู้นำคนใหม่ของสหรัฐไม่ต่างกัน แต่ดีกรีต่างกันเยอะ”

            ชาญชัย บอกว่า  ไม่ว่าอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันหรือ คามาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครตจะชนะการเลือกตั้ง นโยบายต่างประเทศที่ออกมาจะคล้ายกัน แต่ดีกรีความแรงแตกต่างกันเยอะ คาดว่าทั้ง 2 ฝ่ายน่าจะปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกามากขึ้น และพยายามทวงตำแหน่งความเป็นหนึ่งของอเมริกากลับมาทุกด้าน แม้นโยบายต่างประเทศคนอเมริกันจะให้ความสำคัญค่อนข้างน้อย

            ชาญชัย บอกว่า  โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศแล้วว่า “Make America Great Again” อะไรก็ตามผลประโยชน์ของอเมริกาต้องมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปิดพรมแดน ขึ้นมาภาษีการค้ากับประเทศต่างๆ จะแตกหักโดยถอดอเมริกาออกจากกลุ่มประเทศนาโต้ ก็พร้อมที่จะแตกหักกับทุกกลุ่มและทุกทุกประเทศ ถ้าหากว่าทำให้อเมริกาได้ประโยชน์

“คาดนโยบายต่างประเทศแฮร์ริส ไม่ต่างจากไบเดน”

            ชาญชัย บอกว่า ที่ผ่านมาแฮร์ริสพูดนโยบายด้านต่างประเทศ ค่อนข้างน้อยมาก แต่ก็มีการประกาศจุดยืนชัดเจนในที่ประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตว่า จะทำให้อเมริกาเป็นผู้ชนะในการแข่งขันของศตวรรษที่ 21 แต่ไม่ได้บอกชัดเจนว่าจะทำอะไรบ้าง แต่เชื่อว่าแฮร์ริสจะปกป้องผลประโยชน์ของอเมริกาที่อาจจะทดถอยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่รู้ดีกรีความแรงของแฮร์ริสว่าจะทำอะไรบ้าง

“เป็นตัวแทนชิงตำแหน่งกระทันหัน สื่อ-คนอเมริกันไม่รู้จุดยืนแน่ชัด”

            ชาญชัย บอกว่า นักวิเคราะห์มองว่านโยบายของแฮร์ริส ไม่น่าจะแตกต่างจาก โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน แต่ปัญหาอย่างหนึ่งของแฮร์ริส คือ เข้ามาเป็นตัวแทนชิงตำแหน่งค่อนข้างกระทันหัน ทำให้คนส่วนใหญ่รวมทั้งนักข่าวอาจจะรู้จักแฮร์ริสค่อนข้างน้อย ไม่รู้ว่าอะไร คือ เรื่องที่เธออินมาก โดยเฉพาะเรื่องของการต่างประเทศ แต่ที่ผ่านมา เรารู้ว่าแฮร์ริสอินกับเรื่องการทำแท้งเสรี , การปกป้องสิทธิมนุษยชน ต้องรอดูว่าหากแฮร์ริสได้เป็นประธานาธิบดีจริงๆ จะแต่งตั้งใครเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ และมีนโยบายอะไรที่สำคัญเป็นพิเศษ 

“คนอเมริกันแบ่งขั้ว เชียร์ข้าง”   

            ชาญชัย บอกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องยอมรับว่า สังคมอเมริกันแบ่งเป็น 2 ขั้วจริงๆ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเชียร์โดนัลทรัมป์ ส่วนฝ่ายเสรีนิยมเชียร์แฮร์ริส ซึ่งมีการไปสัมภาษณ์คนอเมริกันหลายคนกลัวว่า หลังการเลือกตั้งจะมีจลาจลเกิดขึ้นอีก หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และเชื่อว่าผลจากการก่อจลาจลเมื่อคราวที่แล้ว ซึ่งคนอเมริกันตอนนั้นตกใจมากเหมือนกับเป็น Wakeup call ว่าประเทศของเราแตกแยกกันขนาดนี้เลยหรือ แค่ผลการเลือกตั้งคนที่ฉันเชียร์ไม่ชนะ ต้องไปปลุกให้มีการจราจลยึดอาคารรัฐสภา ซึ่งเป็นภาพที่ค่อนข้างช็อคคนอเมริกัน แม้ว่าคนที่ก่อเหตุจะเป็นคนกลุ่ม เล็กๆและเป็นหัวโจกไม่กี่ 100 คน ส่วนคนที่ไปก็ไปตามอารมณ์ความรู้สึกที่พลุ่งพล่าน และความอินหลังการเลือกตั้ง เพราะคนอเมริกันยังเชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตย โดยส่วนใหญ่เคารพผลการเลือกตั้ง แม้ว่าคนที่เป็นหัวโจกไม่ยอมก็มีอยู่บ้าง 

“จนท.เตรียมรับมือ นำเลือกตั้งครั้งก่อนเป็นบทเรียน”      

            ชาญชัย ประเมินว่า เจ้าหน้าที่มีการเตรียมการไม่ให้ก่อเรื่อง แบบการเลือกตั้งครั้งที่แล้วอีก ขณะที่คนอเมริกันเตือนสติตัวเองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ หากคนที่ฉันเชียร์จะไม่ชนะแต่ก็ต้องยอมรับผลการเลือกตั้ง แม้คนอเมริกันบางส่วนแบ่งแยกชัดเจน ว่าไม่ชอบ ทรัมป์หรือแฮร์ริสก็ตาม แต่เชื่อว่าความรุนแรงไม่น่าจะเกิดขึ้น หรือเกิดก็คงจะมีการประท้วงทุบกระจกร้านค้าบ้าง แต่คงไม่ถึงขั้นบุกยึดอาคารรัฐสภาเหมือน 4 ปีที่แล้ว

“เรื่อง ศก.เป็นอันดับ 1 ที่คนอเมริกันให้ความสำคัญ” 

            ชาญชัย บอกว่า คนอเมริกันให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจมากที่สุด ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะตอนนี้ปัญหาเศรษฐกิจหนักจริงๆ เช่น ปัญหาเงินเฟ้อ คนตกงาน ( ช่วงหลังโรงงานผลิตรถยนต์อเมริกัน ขายค่อนข้างยาก เพราะเจอรถไฟฟ้าจีนเข้าไป ทำให้โรงงานของอเมริกาปิดตัวไปค่อนข้างเยอะ ) ค่าครองชีพ ค่าซื้อบ้าน แม้แต่เงินซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ตอนนี้คนอเมริกันชนชั้นกลางค่อนข้างลำบากมาก และปัญหาเศรษฐกิจตอนนี้ไม่ใช่ว่าจะแก้ไขได้ง่ายเหมือนในอดีต เพราะอิทธิพลภายนอกทั้งเรื่องของ สงครามยูเครน สงครามในตะวันออกกลาง และเรื่องของจีนที่เข้ามามีอิทธิพล ในเรื่องของการค้าโลกมากขึ้น

 “นโยบาย ศก.ตอบโต้สินค้าต่างชาติ-พึ่งพาตนเอง เป็นความท้าทายของสหรัฐ” 

            ชาญชัย บอกว่า สมมุติว่าทรัมป์ประกาศว่าอาจจะขึ้นภาษีสินค้าจีน 60%-100% และขึ้นสินค้าจากประเทศอื่นๆ 20% เพื่อที่จะปกป้องงานในอเมริกาและให้สินค้าจากต่างประเทศเข้ามาขายในอเมริกาได้ยากขึ้น คนอเมริกันจะได้ซื้อของใช้กันเอง แต่ว่าจะทำอย่างไรโดยที่ยังร่วมมือกับประเทศอื่นๆได้อยู่ หากอเมริกาขึ้นภาษีสินค้า ก็อาจจะทำให้ประเทศที่โดนขึ้นภาษีสินค้า ต้องปรับขึ้นตามไปด้วย เป็นการตอบโต้กันไป-มา เป็นสงครามการค้า จะทำให้สินค้าของอเมริกาไปขายประเทศอื่นได้ยากขึ้น ฉะนั้นการทำให้เศรษฐกิจในประเทศโตขึ้น โดยพึ่งต่างชาติน้อยลงเป็นความท้าทายใหญ่มาก

“เชื่อ สหรัฐปรับขึ้นภาษี กระทบไทยและหลายปท.แน่นอน”

            ชาญชัย เชื่อว่า การประกาศจะปรับเพิ่มภาษีของสหรัฐ น่าจะกระทบประเทศไทยมาก ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าจะหมายถึงสินค้าจีน ที่ผลิตในประเทศอื่นด้วยหรือไม่ เพราะว่าประเทศไทยและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นฐานการผลิตสินค้าจีนหลายอย่าง  ถ้าหากว่า ทรัมป์บอกว่าไม่ใช่ว่าแค่ขึ้นภาษีสินค้าที่ผลิตในจีนอย่างเดียว แต่รวมถึงบริษัทของประเทศจีนไม่ว่าจะผลิตที่ไหนในโลกก็ตาม ตรงนี้จะกระทบกับประเทศไทยเยอะมากแน่นอน และการขึ้นภาษีสินค้าอื่นๆ 20% ก็สูงอยู่แล้ว เพราะว่าอเมริกาเป็นคู่ค้าหลักของประเทศไทย หากเจออย่างนี้เข้าไปก็ต้องกระทบเรื่องตัวเลขแน่นอน

            ชาญชัย ประเมินว่า แต่สมมุติว่าหากแฮร์ริสได้เป็นประธานาธิบดี ก็มีแนวโน้มขึ้นภาษีเหมือนกัน แต่เชื่อว่าจะเป็นการขึ้นภาษีเฉพาะกลุ่มสินค้า ที่กระทบและอ่อนไหวกับอเมริกาจริงๆ ที่เขาต้องการปกป้องจริงๆ อาจจะเลือกขึ้นภาษีกับบางประเทศ ที่เป็นคู่แข่งกับอเมริกาโดยตรง ดังนั้นหากแฮร์ริสเป็นประธานาธิบดีจริง ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยกว่าทรัมป์

“จุดยืนด้านต่าง ปท.ของไทยต่อสหรัฐ อาจปรับเปลี่ยนหลังการ ลต.สหรัฐ” 

            ชาญชัย บอกว่า สำหรับจุดยืนนโยบายต่างประเทศของไทย คือ พยายามรักษาความเป็นกลางทุกเรื่องและพยายามไม่เลือกข้าง ไม่สามารถเอ็นเอียงไปฝ่ายใดไปหนึ่งได้ แต่หลังการเลือกตั้งสหรัฐครั้งนี้การรักษาจุดยืนความเป็นกลางของไทยน่าจะยากมากยิ่งขึ้น สมมุติว่าประเทศจีนพยายามที่จะเข้ามาขยายอิทธิพลในไทยอย่างเงียบๆ แม้ว่าแต่ละประเทศจะบอกว่าไม่บีบบังคับ ว่าคุณจะคบกับใครอย่างไรทุกอย่างอยู่ที่ความเต็มใจ แต่ก็จะมีการบีบเรื่องความร่วมมือต่างๆ ถ้าหากคุณไปอยู่กับฝ่ายนั้นมากขึ้น เราอาจจะลดความร่วมมือกับคุณตรงนี้ลง เราอาจจะไม่ขายอันนี้ให้คุณไปขายให้คนอื่นแทน

“ไทยต้องยึดผล ปย.ชาติเป็นหลัก ขณะที่ทำอย่างไรไม่ให้ถูกมองว่าเป็นนก 2 หัว”

            “ไทยจะแสดงออกอย่างไรให้ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นว่า อยากคบกับทั้ง 2 ประเทศจริงๆพร้อมกัน และเราไม่ใช่นก 2 หัว รวมทั้งยึดหลักของการต่างประเทศทั่วโลก คือ ประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก แม้ว่าสุดท้ายจะรักษาความเป็นกลาง หรือบางเรื่องอาจจะเข้าหาประเทศใดประเทศหนึ่งมากกว่า ก็จะไม่มีปัญหา หากยึดผลประโยชน์ของคนในประเทศชาติมาก่อน”

            ติดตาม “รายการช่วยกันคิดทิศทางข่าว” ทุกวันอาทิตย์ 11.00-12.00 น.โดย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และคลื่นข่าว MCOT News FM 100.5