อวสานกัญชาเสรี: ตีกรอบ “กัญชาการแพทย์”

“เรื่องกัญชา เป็นเรื่องที่จะต้องหาจุดสมดุล และหาสมดุลได้ยากมาก ๆ ซึ่งผมลำบากใจที่จะพูดเรื่องนี้ ถ้าฟันธงไปเลยก็จะมีอีกฝั่งหนึ่งไม่ถูกใจ ถ้าเราเชียร์ไปมาก ๆ อีกฝั่งหนึ่งก็ไม่ถูกใจ แต่กฎที่ออกมาล่าสุดเพื่อให้เป็นการแพทย์จริง ๆ”

"วชิรวิทย์ เลิศบำรุงชัย" ผู้สื่อข่าว (สายสาธารณสุข) สถานีโทรทัศน์ ThaiPBS ให้มุมมอง “อวสานกัญชาเสรี เตรียมกลับเข้าบัญชียาเสพติด” ใน “รายการช่วยกันคิดทิศทางข่าว” ว่า หากนำกัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติด จะกระทบผู้ขายอยู่แล้ว เพราะกฎระเบียบเยอะขึ้น และขายไม่เสรีมากขึ้น ผู้ประกอบการต้องคิดแล้วว่า จะไปต่อหรือไม่ เหมือนเป็นการบีบให้หายไปตามกฎระเบียบที่ออกมา ซึ่งล่าสุดตนได้สอบถาม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขว่า ถ้าจะให้แพทย์มาประจำอยู่ที่ร้าน ร้านก็คงต้องปิดแน่ เพราะหาแพทย์มาประจำร้านไม่ทัน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า ให้ปรับตัวไปก่อน ตอนนี้อาจจะยังไม่ต้องมีแพทย์ก็ได้ เพราะยังไม่ได้ทำกฎกระทรวง ตอนนี้เป็นเพียงประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2568 ใช้ควบคุม “ช่อดอกกัญชา” เน้นทางการแพทย์

"กัญชา" หาจุดสมดุลยาก - ผู้ขายหวั่นนโยบายกระทบธุรกิจ
วชิรวิทย์ เล่าว่า หลังจากที่มีการประกาศควบคุมช่อดอก ตนได้ลงพื้นที่ถนนข้าวสาร ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นแหล่งร้านแอลกอฮอล์ และแน่นอนว่า มีกัญชา เพราะอยากรู้ว่า ร้านตามแหล่งท่องเที่ยวแบบนี้ ยังจะทำธุรกิจต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งจะมี 1 เวิ้งที่ขายกัญชาหลายร้าน มีทั้งช่อดอก และต้น รวมทั้งอุปกรณ์การสูบ ซึ่งเขาบอกว่า รู้สึกกังวล เพราะประกาศที่ออกมาชัดเจนแล้วว่า ผู้ขายได้รับใบอนุญาตไม่ได้แล้ว จะต้องมีแพทย์แผนไทย และผู้ประกอบวิชาชีพมาอยู่ประจำร้าน ส่วนผู้ซื้อต้องเป็นผู้ป่วย เพราะประกาศของรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข ที่ออกมาพยายามที่จะให้กัญชาต้องใช้ในทางการแพทย์

“เรื่องกัญชาเป็นเรื่องที่จะต้องหาจุดสมดุล และหาสมดุลได้ยากมาก ๆ ซึ่งผมลำบากใจที่จะพูดเรื่องนี้ ถ้าฟันธงไปเลย ก็จะมีอีกฝั่งหนึ่งไม่ถูกใจ ถ้าเราเชียร์ไปมาก ๆ อีกฝั่งหนึ่งก็ไม่ถูกใจ แต่กฎที่ออกมาล่าสุดเพื่อให้เป็นการแพทย์จริง ๆ จึงมีการถกเถียงกันว่า ออกมาคุมเข้มไปหรือไม่ ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจเครือข่ายที่เป็นเยาวชน ที่ต้องการจะปิดช่องโหว่ตรงนี้อยู่แล้ว บอกว่า อย่างน้อยเป้าของเขา อยากให้เป็นยาเสพติดประเภท 5 ตอนนี้เป็นแค่สมุนไพรควบคุมก่อนก็ได้ ทำให้ทั้งสองฝ่ายถกเถียงกันไม่จบ” วชิรวิทย์ กล่าว

ผู้ประกอบการระทม นโยบาย-การเมืองไม่แน่นอน
วชิรวิทย์ ยังบอกว่า บริเวณถนนข้าวสารบางร้านปิดตัวไปแล้ว บางร้านปิดปรับปรุง โดยเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น ส่วนร้านที่เปิด ก็รอดูประกาศฉบับนี้ ซึ่งตอนที่ตนลงพื้นที่ไป เพิ่งจะมีการประกาศราชกิจจานุเบกษา วันที่ 26 มิถุนายน ผู้ประกอบการก็ยังงง ๆ อยู่ และมีคำถามว่า อะไรทำได้-อะไรทำไม่ได้ และตอนนี้ ถ้ายังไม่มีเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบ ร้านค้าก็ยังขายกัญชาได้อยู่ แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบร้านดังกล่าว จะผิดแน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่ต้องเริ่มเรคคอร์ดแล้วว่า ขายให้ใคร คนมาซื้อป่วยเป็นอะไร และต้องถ่ายสำเนาเอกสารใบซื้อไว้ด้วย ฉะนั้น ถ้าลงไปตรวจตอนนี้ มีหวังร้านค้าต่าง ๆ ถูกถอนใบอนุญาตแน่นอน ซึ่งตรงนี้ คือ ข้อกังวลของผู้ประกอบการ เมื่อเป็นลักษณะเช่นนี้ เขาก็มองกันว่า อาจจะมีการจ่ายใต้โต๊ะหนักขึ้น เพื่อให้ธุรกิจไปต่อได้

“ผู้ประกอบการบอกว่า เขาโกรธการเมืองจนเลิกโกรธไปแล้ว และโทษระบบมากกว่า ที่ตอนมีนโยบายมาให้ทำเขาก็ทำ แต่อยู่ ๆ ปุบปับ ถอนตัวออกมาจากรัฐบาล ก็มาทำแบบนี้ เขาได้รับผลกระทบ และไม่หวังพึ่งการเมืองแล้ว เพราะอยากจะผลักดัน พ.ร.บ.ให้ผ่านเร็ว ๆ แต่แน่นอนว่า คงไม่ผ่านในรัฐบาลนี้ เพราะไม่มีกฎหมายอีกหลายฉบับที่รัฐบาลอยากผลักดัน และหาคนรับผิดชอบไม่ได้ว่า ใครจะต้องรับผิดชอบกับนโยบายที่กลับไปกลับมา และได้รับผลกระทบแบบนี้ น่าจะวางแผนไว้ก่อน เพื่อสังคมจะได้ไม่สับสนจนถึงทุกวันนี้ และไปผลักดัน พ.ร.บ.ก็น่าจะราบรื่น และถ้าไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาปุบปับแบบนี้ คิดว่า ขั้นตอน 1-2-3 จะราบรื่นกว่านี้” วชิรวิทย์ กล่าว

คาด! 3 เดือนคลอดกฎกระทรวงคุมกัญชาการแพทย์ 100%
วชิรวิทย์ บอกว่า การดำเนินการจาก "ประกาศกระทรวง" ไปเป็น "กฎกระทรวง" คาดว่า ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ซึ่งขณะนี้ กำลังเร่งยกร่างอยู่ และภายใน 3 เดือนข้างหน้า ทุกอย่างจะต้องเป็น "กัญชาทางการแพทย์ 100%" และจะต้องมีแพทย์แผนไทย และผู้ประกอบวิชาชีพอยู่ประจำร้านกัญชา 100% เพื่อจำหน่าย ฉะนั้น ตอนนี้ร้านยังเปิดได้ แต่ผู้ที่จะเข้าไปซื้อจะต้องมีใบสั่งจ่ายตรงนี้ และแพทย์ที่จะออกใบสั่งจ่ายได้ จะต้องเป็นแพทย์เวชกรรม, แพทย์แผนไทย, แพทย์แผนไทยประยุกต์, ทันตกรรม, เภสัชกรรม, ผู้ประกอบศิลปะสาขาแพทย์แผนจีน และแพทย์พื้นบ้าน

กฎกระทรวงคุม "ที่มาช่อดอก-คุมผู้สั่งจ่าย-ผู้ป่วย"
วชิรวิทย์ บอกว่า 2 เรื่องที่เปลี่ยนแปลงจากฉบับเดิม คือ
1.) "ตัวช่อดอก" ที่นำมาขาย จะต้องมีที่มาที่ไปชัดเจน เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีการตรวจสอบว่า ช่อดอกที่นำมาขายในร้านกัญชาทั่วประเทศ เป็นช่อดอกจากที่ไหน ซึ่งเครือข่ายที่หนุนกัญชาขอคัดค้านกฎข้อนี้ และจะมีผู้ชุมนุมใหญ่ เดินทางมาพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ ที่กระทรวงสาธารณสุขแน่นอน เพื่อถามถึงประกาศกฎกระทรวงว่า ทำไมต้องระบุที่มาที่ไป ซึ่งต้องฟังทั้ง 2 ด้าน และกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงว่า การกำหนดที่มาที่ไปของช่อดอก เป็นมาตรฐานของกรมแพทย์แผนไทย เพราะอาจมีสารปนเปื้อน และไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้ รวมถึงเครือข่ายอนาคตกัญชาไทย ก็ยังมีข้อถกเถียงว่า การกำหนดสเปคช่อดอกเป็นการเอื้อทุนใหญ่ให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่

ประเด็นที่ 2 มีการล็อกว่า "ต่อไปนี้กัญชาไม่เสรีแล้ว" คือ ตัวใบสั่งจ่ายสมุนไพรควบคุม ต้องระบุว่า ใครเป็นคนออกใบสั่งจ่าย แพทย์คนใดเป็นคนเขียน จึงต้องมีทั้งชื่อแพทย์ และชื่อผู้ป่วย

วชิรวิทย์ บอกว่า ประกาศกระทรวงยังไม่แรงเท่ากฎกระทรวง ตนคิดว่า ในช่วงที่เป็นประกาศของกระทรวงอยู่ คงยังไม่เข้มงวดเท่าไรนัก แต่ทุกคนรู้ว่า หลังจากนี้ สิ่งใดทำได้ สิ่งใดทำไม่ได้ ก็จะต้องเตรียมตัว ฉะนั้น คนที่ยังสู้ในธุรกิจนี้เพื่ออยู่ต่อ ก็ต้องทำให้ถูกต้อง แต่ถ้าคิดว่า ถึงจะทำถูกต้องอย่างไรก็ขายไม่ได้อยู่แล้ว จำนวนร้านกัญชา ก็ต้องลดลงในอนาคตอันใกล้นี้

หลังจากนี้แพทย์ต้องวินิจฉัยอาการก่อนสั่งจ่ายกัญชา
วชิรวิทย์ ยังยกตัวอย่างว่า กลุ่มอาการโดยใช้กัญชา มีทั้งปวดเรื้อรัง มะเร็ง คลื่นไส้อาเจียน พากินสัน ลมชัก หอบหืด นอนไม่หลับ วิตกกังวล เบื่ออาหารซึ่งบางอาการ ไม่ต้องตรวจกับหมอก็ได้ ถ้าไปบอกว่า เรามีอาการแบบนี้ เช่น นอนไม่หลับและเบื่ออาหาร เราทึกทักได้เลยบอกว่า ถ้าเราใช้กัญชาทางการแพทย์ เพราะนอนไม่หลับ แต่หลังจากนี้ ถ้านอนไม่หลับ แพทย์ต้องเป็นคนวินิจฉัยว่า นอนไม่หลับจริงหรือไม่ถึงจะใช้กัญชาได้ ตรงนี้ทำให้เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย มองอีกมุมว่า แรงเกินไป และละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเกินไป ลดทอนภูมิปัญญาพื้นบ้าน และไปจำกัดสิทธิ์ เพราะเห็นว่า บางอาการไม่จำเป็นต้องให้แพทย์มาวินิจฉัย

จ่อเปิด "คอร์สอบรมผู้ขาย" ทดแทนใช้บุคลากรการแพทย์
วชิรวิทย์ ยังระบุว่า แม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บอกอีกว่า ขณะนี้ อยู่ในช่วงปรับตัว แต่ในอนาคตจะมีทางออกให้กับผู้ประกอบการ คือ ถ้าไม่สามารถหาแพทย์แผนไทยมาประจำร้าน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 18,000 ร้าน ที่ขออนุญาตอย่างถูกต้องจากกรมการแพทย์แผนไทยได้ และตอนนี้มีบุคลากรทางการแพทย์แผนไทยประมาณ 30,000 คน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เชื่อว่า เพียงพอที่จะมาทำตรงนี้ แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อาจลืมนึกไปว่า บุคลากรจำนวนดังกล่าว อาจจะมีภาระงานอยู่แล้ว จึงอาจจะจัดคอร์สอบรมขึ้นมาให้เจ้าของร้าน หรือผู้ขาย โดยจะถือว่าเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ ไม่ต้องมีแพทย์อยู่ประจำร้านก็ได้ ซึ่งไม่ถือว่าผิด ตรงนี้ก็ถือว่า เป็นการปลดล็อคทางหนึ่ง ส่วนอีกข้อคือ คนซื้อจะต้องมีใบสั่งจ่าย

“ปลดล็อกกัญชาผิดพลาด: พิษการเมือง-ไร้ พ.ร.บ.ควบคุม”
วชิรวิทย์ บอกว่า กระทรวงสาธารณสุข เก็บข้อมูลผู้ป่วยเห็นชัดเจนว่า มีตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงระดับ 6-7 เท่าในช่วงหลังจากที่ปลดล็อค จึงเป็นข้อมูลที่ต้องนำมาคิดว่า ที่ผ่านมาผิดพลาดอะไรหรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่า ผิดพลาดตรงที่ปลดล็อคออกมาแล้ว ไม่มี พ.ร.บ.ควบคุม และตัวพ.ร.บ.ก็เป็นเรื่องการเมืองอีก ขนาดพรรคภูมิใจไทย สมัยนั้นเป็นรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ยกมือกัน ก็ยังไม่ผ่านที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเลย เพราะพรรคร่วมรัฐบาลไม่ยกมือให้ พอมายุครัฐบาลเศรษฐา ก็พยายามทำ พ.ร.บ.ก็ยื้อกันไปยื้อกันมา ยังไม่ได้เสียที เมื่อไม่มีพ.ร.บ.ควบคุม ก็อยู่ในภาวะสุญญากาศมา 3 ปี คนก็เสพก็เสพมา 3 ปีแล้วทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น

แนะ อย.ชี้ให้ชัดอาหาร-เครื่องดื่มผสมช่อดอกกัญชาจะขัด กม.หรือไม่
ส่วนเครื่องดื่มบางชนิด หรืออาหาร และขนมผสมกัญชา จะขายได้หรือไม่ หลังมีประกาศกระทรวงออกมานั้น วชิรวิทย์ บอกว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะต้องออกมาให้ความชัดเจนในเรื่องนี้ด้วย เพราะตอนนี้ หน่วยงานที่ออกมา จะมีแค่กรมแพทย์แผนไทยเท่านั้นที่ให้ข้อมูลเรื่องของการซื้อ และการใช้ ทั้งนี้ต้องดูว่า ร้านค้าที่จำหน่ายอาหาร และเครื่องดื่ม ใช้ช่อดอกหรือไม่ในการเป็นวัตถุดิบ ถ้ามีก็อาจจะเข้าข่ายว่า ใช้ผิดประกาศตัวนี้ เพราะว่า ประกาศตัวนี้ควบคุมการใช้ช่อดอก ถ้าสาร THC ที่ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์เสพติดในเชิงกล่อมประสาท เกิน 0.2% ถือว่าเป็นสารเสพติดอยู่แล้ว และถือว่า มียาเสพติดครอบครอง ทั้งนี้ ประกาศความเข้มข้นของสาร THC ในดอก มีมานานแล้ว แต่ถ้าในใบ อาจจะยังไม่เกิน 0.2% ระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านตรงนี้ ทาง อย.ควรจะออกมาให้ความชัดเจนกับสังคมว่า อาหารและเครื่องดื่มถือว่าผิดหรือไม่ ต้องกวาดล้างหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาส่วนนี้ที่เป็นปัญหากับกลุ่มเยาวชน

ติดตาม รายการช่วยกันคิดทิศทางข่าว ทุกวันอาทิตย์ 11.00-12.00 น. โดย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ คลื่นข่าว MCOT News FM 100.5