ใกล้หมดยุคอ่านข่าวฟรี? ทิศทาง E-Newspaper หลังยักษ์ใหญ่”ไทยรัฐ”ขยับตัว

รายงานพิเศษ 

โดยทีมข่าวจุลสารราชดำเนินฯ 

....................................................

จากการที่หนังสือพิมพ์ ได้ทำเว็บไซต์ข่าวโดยใช้ชื่อเว็บไซต์เป็นชื่อเดียวกับชื่อหัวหนังสือพิมพ์ (นสพ.) ซึ่งหลายแห่งมีคนติดตามเข้าไปอ่านกันระดับหลายหมื่นหรือหลายแสนคนต่อวัน และสิ่งหนึ่งที่เห็นก็คือหลายเว็บไซต์ข่าว ปัจจุบันไม่สามารถอ่าน content ที่อยู่ในนสพ.ได้เหมือนเดิมแล้ว หลายแห่งใช้ระบบ E-newspaper ที่หากต้องการอ่านข่าว-รายงานพิเศษหรือคอลัมน์ต่างๆ ในนสพ.จะต้องเสียเงินสมัครเป็นสมาชิกที่มีทั้งระบบรายเดือน-รายปี 

แต่ก็มีนสพ.บางฉบับที่ยังไม่ได้ใช้ระบบดังกล่าว โดยยังสามารถเปิดอ่านข่าวและเนื้อหาทั้งหมดในนสพ.ผ่านระบบออนไลน์ได้ฟรี เหมือนพลิกอ่านฉบับกระดาษ 

ที่น่าสนใจก็คือเมื่อกลางเดือนก.ค.ที่ผ่านมา จะพบว่าคนที่เข้าไปในเว็บไซต์ไทยรัฐ จากปกติที่เข้าไปคลิกอ่านในเซคชั่น นสพ.ไทยรัฐ ก็สามารถอ่านข่าวหน้า 1 ไทยรัฐได้หมดทุกข่าว รวมถึงทุกคอลัมน์ในนสพ.ที่ตีพิมพ์ในนสพ.ผ่านเว็บไซต์ไทยรัฐ แถมอ่านย้อนหลังได้อีกร่วมเดือน  แต่ปรากฏว่าตั้งแต่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ไม่สามารถอ่านได้อีกแล้วหากจะอ่านต้องสมัครเป็นสมาชิกนสพ.ไทยรัฐฉบับดิจิทัล ที่มีแพคเกจให้เลือกทั้งรายเดือน-รายสามเดือน-รายหกเดือนและรายปี

การขยับของไทยรัฐ ที่เป็นนสพ.ที่มียอดขายมากที่สุดเป็นเวลาหลายสิบปีติดต่อกัน จากที่ไม่เคยใช้ระบบดังกล่าวแต่วันนี้นำมาใช้แล้ว จึงน่าสนใจไม่น้อย แม้ว่าการให้สมัครเป็นสมาชิกนสพ.จะไม่ใช่สิ่งใหม่ เพราะนสพ.หลายฉบับก็ทำไปแล้ว แต่เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวของวงการสื่อ-นสพ.ที่สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของสื่อ และในอนาคต ไม่แน่ คนไทยที่ต้องการข่าวสาร-ข้อมูลที่พิเศษ มีความลึกและแตกต่างกว่าการอ่านตามเว็บไซด์ข่าวทั่วไป อาจมองว่าเป็นเรื่องปกติที่ต้องมีการจ่ายเงิน และยินดีที่จะจ่าย 

"ทีมข่าวจุลสารราชดำเนินสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย"สัมภาษณ์"ผู้บริหารไทยรัฐ -ทายาทตระกูลวัชรพลแห่งอาณาจักรสื่อไทยรัฐกรุ๊ป"เพื่อต้องการรู้ว่า การขยับของไทยรัฐในครั้งนี้เกิดจากอะไร และวางเป้าหมายโปรเจกต์นี้อย่างไร

โดย"จิตสุภาวัชรพลประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมไทยรัฐทีวีและไทยรัฐออนไลน์ -ผู้บริหารระดับสูงของเครือไทยรัฐกรุ๊ป" ให้ข้อมูลว่า การสมัครสมาชิกนสพ. ไทยรัฐฉบับดิจิทัล เป็นproduct ที่ไทยรัฐเริ่มทำออกมาเมื่อ 15 ก.ค. เพื่อต้องการตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ที่อยากอ่านนสพ.แต่ก็หานสพ.อ่านตามแผงไม่ได้ จึงเป็นที่มาของ Thairath E-Newspaper โดยก่อนที่จะเริ่มใช้ระบบให้สมัครเป็นสมาชิกนสพ.ไทยรัฐฉบับดิจิทัล ทางไทยรัฐฯ เริ่มมีการคุยกันไว้ตั้งแต่ปลายปี 2567 ว่าจะดำเนินการในส่วนนี้และเริ่มทำการศึกษาระบบขั้นตอนการดำเนินงาน ในเชิง operation และดูเรื่องระบบ product ว่าจะใช้เทคโนโลยีแบบใด รวมถึงการกำหนดราคาแพคเกจProduct offering ที่มีหลายอย่างต้องประเมิน ก็เริ่มมีการทำมาตั้งแต่ต้นปีนี้ 2568 มีการ develop มาเรื่อยๆ 

เมื่อถามถึงกระแสตอบรับเป็นอย่างไรบ้างหลังเริ่มมาตั้งแต่ 15 ก.ค."จิตสุภา-ผู้บริหารไทยรัฐ"ให้ข้อมูลว่า ต้องบอกตามตรงว่า เป็น product ที่เราไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้สูงมาก เนื่องจากคิดว่าโลกออนไลน์ content ต่างๆ หลายคนอาจสะดวกกับการดูหรือไถอ่านบนแพลตฟอร์มต่างๆเช่น Facebook และโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยเราดูจากข้อมูลบนเว็บไซต์ของไทยรัฐ พบว่ามีผู้อ่านที่เป็นเหมือนแฟนประจำของไทยรัฐอยู่ประมาณหนึ่ง เราก็เลยตั้งเป้าที่จะ turn คนกลุ่มดังกล่าวทั้งหมดให้มาสมัครสมาชิก product Thairath E-Newspaper 

"หลังเปิดระบบให้สมัครสมาชิกมาประมาณหนึ่งสัปดาห์ ก็ได้รับทั้งเสียงตอบรับ และเสียงฟีดแบ็ก ทั้งในเรื่องของประสบการณ์ในการใช้งานอยู่พอสมควร ตอนนี้ก็พยายามเร่งแก้ไข เพื่อให้  User experience มันดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ในแง่ของผลตอบรับ ก็ยังไม่ได้หวือหวา แต่ก็มีฟีดแบ็ก กลับมามากกว่าที่เรานึกถึงเอาไว้ในตอนต้น"

อ่านมาถึงตรงนี้ เชื่อว่า หลายคนก็ยังไม่ได้สมัครสมาชิก นสพ.ไทยรัฐฉบับดิจิทัล แต่ถ้าสนใจและอยากรู้ว่าการอ่านไทยรัฐ ในระบบ E-Newspaper เป็นอย่างไร การเปิดอ่านจะเป็นแบบที่หลายคนคุ้นเคยในช่วงหลังคือการสไลด์ขึ้นแบบ TikTok หรือไม่ เรื่องนี้ "จิตสุภา"กล่าวว่า Thairath E-Newspaper เป็นระบบไฟล์ PDF ทำให้experience จะเหมือนกับการเปิดหน้านสพ.ปกติเพียงแต่เป็นDigital version ซึ่งรูปแบบการเปิดอ่านดังกล่าว จะเกี่ยวข้องกับระบบกระบวนการทำงานหลังบ้านของThairath E-Newspaperว่าจะเลือกใช้ Digital Solution แบบใด ที่ไม่ทำให้กระบวนงานเดิมมันช้าลงหรือเกิดการติดขัด และเราสามารถที่จะเอา content จากนสพ.ขึ้นเป็นดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วที่สุด ก็เลยออกมาเป็นออฟชั่นที่ใช้อยู่ ซึ่งจริงๆ ก็มี Solutionอื่นที่จะทำให้เปิดอ่านแบบสไลด์ขึ้นเหมือน TikTok แล้วเปิดอ่านไปเรื่อยๆ แต่ออฟชั่นดังกล่าว เท่าที่exploreดูมันทำให้กระบวนการเอานสพ.ขึ้นระบบมันช้าลงไปกว่าเดิม จึงไม่ได้เลือก 

เมื่อถามถึง"กลุ่มเป้าหมาย"ที่ไทยรัฐวางไว้ว่าต้องการให้เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกนสพ.ไทยรัฐฉบับดิจิทัล เน้นกลุ่มลูกค้ากลุ่มใดและเน้นกลุ่มคนไทยในต่างประเทศหรือไม่ที่จะได้อ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐแบบวันต่อวัน "จิตสุภา-ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมไทยรัฐทีวีและไทยรัฐออนไลน์"ให้คำตอบว่า จริงๆไม่ได้เอามิติว่าอยู่ในประเทศหรือนอกประเทศไทยมาพิจารณาเท่าใด เพราะเราเห็นข้อมูลว่าHeavy user ที่เข้ามาอ่านSection นสพ.ของเราเป็นประจำทุกวันหรือสัปดาห์ละ 5-6 ครั้ง เรามีข้อมูลตรงนี้อยู่ เรารู้ว่ามีจำนวนคนเท่าใด แต่เราไม่ได้ลงไปดูว่าเขาอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ อยู่ในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด แต่ดูจากพฤติกรรมการใช้งาน 

ส่วนกลุ่มคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ก็ไม่ได้เป็น first priority เพราะมิติในการดูเรื่องกลุ่มเป้าหมาย เราดู base on พฤติกรรมเป็นหลักซึ่ง heavy reader ก็เป็นเรื่องที่เราต้องเรียนรู้ว่าเขาเหล่านั้นเป็นใคร อายุ อาชีพ ภูมิลำเนา ซึ่งยังไม่สามารถรู้ได้ทั้งหมด เลยยังตอบยากว่าจะเป็นกลุ่มนักศึกษาหรือกลุ่มคนไทยที่อยู่ต่างประเทศ 

ต้องช่วยกัน educate ผู้บริโภค 

สื่อมีต้นทุนในการทำงาน-ผลิตข่าว 

เราได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับ "จิตสุภา-ผู้บริหารไทยรัฐ"โดยบอกว่าคนไทย สังคมไทย อาจยังมีความคิดที่ว่าเรื่องข้อมูล ข่าวสารเป็นเรื่องที่เข้าถึง อ่านได้ฟรี แต่หากต้องมาจ่ายเงินสมัครสมาชิก คิดว่าคนไทยพร้อมหรือยังที่จะเสียเงินเพื่ออ่านข่าวสาร อ่านหนังสือพิมพ์จากที่เคยอ่านฟรี  โดย"จิตสุภา"ให้ความเห็นตอบกลับมาว่า จริงๆเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมาตลอด ก็เลยไม่ได้ทดลองทำสักทีหนึ่งในอดีตกาล แต่ตอนนี้รู้สึกว่าผู้บริโภคน่าจะคุ้นเคยกับการสมัครให้บริการเพื่อจะดู content ต่างๆ ซึ่งแม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็น content ใน แนว entertainment แต่เราก็คิดว่าอาจถึงเวลาที่ต้องเริ่ม educate ตลาด และต้องเริ่มบอกผู้บริโภคว่า เราก็มีต้นทุนในการทำงาน ในการคัดกรองเนื้อหาที่มีคุณภาพมาให้เขา ซึ่งจริงๆ ไทยรัฐ ก็ไม่ใช่ First mover ในเรื่องนี้ เพราะจริงๆ มีหนังสือพิมพ์อีกหลายฉบับที่เขาก็ทำ  E-newspaper กันไปก่อนหน้านี้ ดี-ไม่ดี อาจเหลือไทยรัฐเป็นเจ้าสุดท้ายด้วยซ้ำที่ยังไม่ได้ทำ ก็คิดว่าต้องช่วยกัน educate กันไปทั้งวงการ ทั้งตลาด

ส่วนจุดแข็ง-จุดขายที่จะทำให้คนเสียเงินสมัครเป็นสมาชิก นสพ.ไทยรัฐฉบับดิจิทัล "จิตสุภา"ย้ำว่า เป็นเรื่องของ content ที่อยู่ในหนังสือพิมพ์ ที่มีระบบบรรณาธิการคัดกรองด้วยมาตรฐานที่คงเส้นคงวามาตลอดและจุดขายอีกอันก็คือ คอลัมนิสต์และบทวิเคราะห์ต่างๆ ที่กองบรรณาธิการของเรายังอยู่ครบเหมือนเดิม มีมาตรฐานการทำงานที่เข้มข้น ที่คิดว่าเป็นจุดแข็ง จุดขายที่สำคัญ กับอีกอันคือ User experience ประสบการณ์ในการอ่านที่จะมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องไปเดินหาตามแผง ซึ่งทุกวันนี้ก็อาจจะหายาก และหากสมัครเป็นสมาชิก ก็จะไม่มีโฆษณามารบกวนเพิ่มเติมนอกไปจากโฆษณาที่อยู่ในเล่มนสพ.แต่ละหน้า ที่หากใครไม่สนใจก็ปัดผ่านได้ 

ส่วนในอนาคต ก็มีการศึกษาและคุยกันอยู่เหมือนกันว่า ในอนาคตอาจจะต้องเพิ่มของ(สิ่งพิเศษ) เข้าไปใน service แต่ยังอยู่ในช่วงของ early stage ของการdevelop ตอนนี้เลยยังบอกไม่ได้ชัดมากเท่าใด แต่มีของอยู่ในปลายๆ ที่กำลัง develop กันอยู่  

-โมเดลทางธุรกิจของหนังสือพิมพ์ที่ทำระบบให้คนอ่านจ่ายเงินในต่างประเทศเป็นอย่างไร?

สำหรับรายที่ประสบความสำเร็จและเป็นSuccess case ของวงการก็คงเป็น The New York Times ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงหลังประสบความสำเร็จในการทำ Digital Transformation และ Digital subscription ที่ช่วย turn around ธุรกิจของเขาได้เลย

ซึ่งจุดสำคัญของความสำเร็จของ The New York Times น่าจะเป็นเรื่อง Product Offering ที่อยู่ในแพคเกจของการสมัคร Digital subscription แต่เราก็ไม่ได้มีข้อมูลมากพอที่จะไปวิเคราะห์ว่า  Product Offering  ของเขามันดีกว่าอย่างไร เพียงแต่ว่า เท่าที่เห็นกิจกรรมของเขา ก็คือคนที่สมัครบริการของเขา ไม่ได้แค่เข้าไปอ่านข่าวหรืออ่านเนื้อหาเท่านั้น แต่ยังมีเกมส์ มีCooking มีกิจกรรมอื่นๆ อยู่ในแพคเกจดังกล่าว ที่คิดว่ามันอาจจะเป็น Key Success Factors ของเขา 

ซึ่งมันย้อนกลับมาว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เขาสามารถตีโจทย์นี้ได้แตก ก็คิดว่าน่าจะกลับมาที่การรู้จักและเข้าใจฐานลูกค้าของเขามากๆ ว่าเข้ามาเพื่อเสพเนื้อหาอะไร เข้ามาทำกิจกรรมอะไรบนเว็บไซด์ของเขา หรือซื้อหนังสือพิมพ์ไปเพื่อทำอะไร เขาก็จะมีเซคชั่น crossword หรือเซคชั่นเล่นเกมส์ ซึ่งเป็นจุดที่แฟนประจำหรือเป็นHeavy userที่ทางThe New York Timesให้คุณค่า จนเขาคุ้นเคยและยินดีที่จะสมัครบริการสมาชิก ซึ่งมันก็กลับมาโจทย์ที่ว่าต้องรู้จักตัวตน รู้จักจุดแข็ง รู้จักลูกค้าตัวเองและคิดบริการที่มันตอบโจทย์ออกไป 

-ก่อนหน้านี้ตอนที่ยังไม่เปิดให้สมัครสมาชิกจำนวนคนที่เข้ามาอ่านในเว็บไซด์ไทยรัฐแล้วเข้าไปคลิกอ่านเซคชั่นนสพ.สัดส่วนมีมากน้อยแค่ไหนถึงได้ทำระบบสมัครสมาชิก?

ไม่ได้เยอะ หากเทียบกับขาจรทั้งหมด จริงๆไม่ถึง 1 เปอร์เซนต์ที่เป็นheavy userแต่ถ้าเราสามารถ เทิร์น heavy user ทั้งหมด ให้มาสมัครบริการได้ บริการนี้ ก็ sizeable ในเชิงรายได้ของธุรกิจ ก็ใหญ่ประมาณหนึ่งที่จะช่วยประคองต่อไปได้ 

-การทำนสพ.ฉบับดิจิทัลครั้งนี้ทำให้ไทยรัฐมีต้นทุนในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นหรือไม่?

น้อยมาก ก็พยายาม utilize (ใช้ประโยชน์) จาก asset หรือ resource ที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มันเกิด Equipment cost น้อยที่สุด ในเชิงของค่าใช้จ่ายโปรเจกต์นี้จึงไม่ได้สูงเท่าใด 

ส่วนการหาโฆษณาหลังจากมีการทำE-newspaper ก็เป็นสิ่งที่ทาง AE สามารถไปคุยกับทางลูกค้าได้ว่าเรามีฐานผู้อ่านที่เป็น E-newspaperเพิ่มขึ้นมา นอกเหนือจากแค่ตัว Physical paper ว่าหากลงโฆษณาในตัว Physical ก็จะถูก transform มาเป็น Digital version ด้วยเลย 

ขณะที่การทำงานของกองบก.นสพ.ไทยรัฐ ไม่ได้กระทบกับคนเขียนข่าวโดยตรง แต่จะกระทบกับคนที่ทำเรียงพิมพ์ ว่าเขาต้องทำงานเพิ่มสเต็ปใดบ้าง แต่กองบก.ทำงานเหมือนเดิม 

นอกจากนี้ "จิตสุภา-ผู้บริหารระดับสูงของไทยรัฐกรุ๊ป"กล่าวหลังเราถามถึงว่า ในส่วนของกองบก.ข่าว ทั้งหนังสือพิมพ์-เว็บไซด์-ไทยรัฐทีวี จะต้องปรับการทำงานอะไรเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพื่อให้การทำงานของสามกองบก.ขยับไปด้วยกันทั้งหมด โดยเธอตอบเราว่า จริงๆ เป็นสิ่งที่ทำมาตลอดอยู่แล้วในเรื่องการปั้นโปรเจกต์ที่ใช้กองบก.ทั้งสามสื่อทำงานร่วมกัน เช่นการทำอีเวนต์ร่วมกัน-ทำคอนเทนต์แบบซีรี่ส์ร่วมกัน ก็มีการรับส่งลูกกัน เช่นเปิดข่าวในหนังสือพิมพ์ แล้วมาขยี้ต่อในออนไลน์กับทีวี ค่อนข้างเป็น Business as usual ที่ทำมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้กับทุกข่าว หรือทุกพื้นที่ ก็จะดูเป็น case by case ไป 

..สำหรับตัวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ พยายามที่จะบริหารทรัพยากรและต้นทุนให้มันคุ้มค่าที่สุด โดยก็พยายามคิดโปรเจกต์ใหม่ๆ ที่อาจเป็นเรื่องของการจัดงานอีเวนต์ งานสัมมนาหรือการจัดงานอีเวนต์ของทั้งสามสื่อเข้าไปทำโปรเจกต์ร่วมกับpartner หลายๆราย ที่ก็คงคล้ายกับหนังสือพิมพ์หัวอื่นๆ ที่ขยับมาทำอีเวนต์มากขึ้น อย่างตอนนี้ไทยรัฐเองก็มีเปิดเหมือนเป็น Creative Services หรือAgency Services ที่ให้บริการลูกค้าหรือให้คำปรึกษาลูกค้าได้ตั้งแต่การวาง strategy ไปจนถึงการวางชิ้นงานครีเอทีฟ จนถึงการให้บริการจัดอีเวนต์ หรือ มีเดีย โปรดักชั่น หรือ KOL Management หรือการบริหารจัดการแคมเปญ ช่วยคิดและช่วยทำแคมเปญให้ลูกค้า มีความเป็นFull service agency แล้วนำมีเดียของเรา(ไทยรัฐ)เข้าไปในแพคเกจเพิ่มมากขึ้น 

-มองอนาคตของสื่อสิ่งพิมพ์ในภาพรวมหลังจากนี้อย่างไรบ้าง?

หากให้คาดการณ์ตอนนี้ ก็ต้องบอกว่าคาดการณ์ได้ยากในแทบทุกๆ sector ของธุรกิจ แต่แนวทางของการปรับตัว ตอนนี้คือพยายามบอกทีมว่าเราต้องทำงานมากขึ้นเพื่อให้ได้เงินเท่าเดิม หรือเงินที่น้อยกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเรื่องของประสิทธิภาพในการทำงานเราต้องเข้มข้นมากๆ งานไหนที่ทำแล้วมันมีอิมแพคน้อยก็ไม่ต้องทำ ก็เอาสรรพกำลัง เอาเวลามาทุ่มเททำงานที่มันมีจุดขายที่แตกต่าง มันมีความแปลกใหม่ มีความไม่ซ้ำใคร ทำแล้วมันเกิดอิมแพคเยอะๆ และทำตัวเองให้มันยืดหยุ่น คล่องตัว ว่องไวต่อสถานการณ์ 

-เรื่องระบบจัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ที่ผ่านมาโดยเฉพาะที่ต้องมียี่ปั๊วและซาปั๊วที่จัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

ต้องบอกตามตรงว่าecosystem มันก็ยากขึ้น เพราะทางเอเยนต์ ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว เขาหันไปทำธุรกิจอื่นที่มันได้ผลกำไรมากกว่าแต่ก็ยังมีเจ้าหลักใหญ่ๆ ที่ยังทำอยู่ ก็พยายามเข้าไป keep connection -keep relationship ต่อไปอาจมีการทำ Marketing Campaign หรือการทำการตลาดเพื่อช่วยให้ผลักดันยอดขายของทางเอเยนต์เหล่านั้นด้วย ก็กำลัง develop แผนงานอยู่ 

-หลังทำไปได้สักระยะจะมีการประเมินโปรเจกต์การสมัครสมาชิกนสพ.อย่างไรหรือไม่ว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ประสบความสำเร็จ?

ต้องมีการประเมินในทุกกิจกรรมทางธุรกิจ แต่อย่างที่บอก ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของโปรเจกต์นี้มันน้อยมาก มันก็ยังอาจคุ้มค่าที่จะทำต่อไปได้ แม้ว่า มันอาจไม่ได้มีผู้สมัครใช้บริการเยอะมากนัก เพราะในแง่ธุรกิจตัวเลขมันน่าจะคุ้มทุนอยู่แล้ว 

-มีเสียงสะท้อนกลับมาหรือไม่หลังการใช้ระบบดังกล่าวเช่นเคยอ่านคอลัมนิสต์บางคนในเว็บไทยรัฐได้ทุกวันแต่ตอนนี้อ่านไม่ได้แล้ว?

ส่วนตัวยังไม่ได้รับฟีดแบ็กที่เป็นคำบ่น โวยวายแบบนั้น แต่คิดว่ามันคงต้องมีอยู่แล้วเพราะมันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่เคยได้ใช้ฟรีมาโดยตลอด แต่มาวันนี้ เขาจะต้องเสียเงิน ก็เป็นเรื่องที่เราต้องกัดฟัน ต้องสร้างความเข้าใจกับผู้บริโภคหรือฐานผู้อ่านของเราต่อไป  แต่ก็เชื่อว่า ถ้า product ของเรามันแข็งแรงและราคามันคุ้มค่า มันก็น่าจะค่อยๆ สร้างความเข้าใจ และเปลี่ยนพฤติกรรมของเขาได้ 

"จริงๆตอนนี้เป็นยุคของการปรับตัวใครปรับตัวช้ากว่าก็มีโอกาสเพลี่ยงพล้ำสูงกว่าตอนนี้มุมมองที่คนไทยรัฐมีคือทำงานแข่งกับเวลามากๆทำงานแข่งกับผู้บริโภคมากๆไม่ได้มองว่าเราจะแข่งกับหนังสือพิมพ์เล่มอื่นๆในเชิง Business Model เพราะโมเดลการทำธุรกิจก็มีความคล้ายกันอยู่มากๆพอสมควรในแต่ละองค์กรเพียงแต่ว่าใครจะหาจุดแข็งในใจผู้บริโภคแล้วต่อยอดมาเป็นธุรกิจเกิดรายได้ใหม่ๆได้เร็วกว่ากันได้แม่นยำกว่ากันสิ่งนี้คิดว่าน่าจะเป็นโจทย์ที่สำคัญของยุคนี้

ข่าวลึก-ข้อมูลแน่น-คอลัมนิสต์เด่น 

ผู้บริโภคก็พร้อมจ่ายเงิน

อ่านนสพ.ฉบับดิจิทัล 

ส่วนมุมมองนักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์-สื่อสารมวลชน มองภาพใหญ่ ในเรื่องทิศทางและอนาคตทางธุรกิจของE-newspaper หลังการขยับของไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สื่อสิ่งพิมพ์ ทาง"ผศ.ดร.สิงห์ สิงห์ขจร คณบดีคณะวิทยาการจัดการ  มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา"ให้ความเห็นว่า ที่ผ่านมาการอ่านข่าวฟรีมีหลายปีแล้วในโลกออนไลน์ แต่ปัจจุบันการอ่านข่าวฟรีเริ่มมีปัญหาสำหรับผู้อ่าน เพราะเวลาเราสนใจอยากอ่านข่าวไหน เวลากดคลิกเข้าไป เราจะยังไม่ได้อ่าน เราจะเจอป๊อปอัปที่เป็นโฆษณาเด้งขึ้นมาก่อน ซึ่งบางเว็บไซด์ข่าวสาร ก็มีป๊อปอัปสองชั้น ทำให้กว่าจะเข้าไปอ่านข่าวได้ต้องปิดสองครั้ง และยังมีอีกที่พออ่านไปสักบางส่วนก็มี Read More หรืออ่านต่อ พอกดอ่านเข้าไปก็ไปเจอป๊อปอัปขึ้นมาอีกหนึ่งอัน

..มันทำให้การอ่านข่าวสารได้ในปัจจุบันเราจะเสียเวลาเจอลิงก์ป๊อปอัปค่อนข้างเยอะ ทำให้คนอ่านข่าวสารปัจจุบันไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ อาจถึงขั้นค่อนข้างรำคาญ จนหลายคนไม่อยากติดตามข่าวสาร จนไปติดตามข่าวสารช่องทางอื่นแทนเพราะไม่มีป๊อปอัปพวกนี้ 

..ตรงนี้จะส่งผลต่อคนที่พร้อมจะจ่ายเงินเพื่ออ่านข่าวสาร จะได้ไม่เจอโฆษณาป๊อปอัปเด้งขึ้นมา ที่ตอนนี้มีอยู่ อย่างในต่างประเทศก็มีเช่น The New York TimesหรือThe Wall Street Journal เพราะการอ่านข่าวสารโดยไม่มีโฆษณาคือสิ่งที่ผู้อ่านต้องการ 

หากดูในประเทศไทย คนที่พร้อมจะจ่ายเงินเป็น YouTube Premium เพื่อดูช่อง YouTubeโดยไม่มีโฆษณาคั่น ถามว่ามีเยอะหรือไม่ ก็มีเยอะ หรือSpotify Premium ก็มีเยอะ ที่สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง พร้อมจะจ่ายเงินเพื่อข้ามโฆษณา 

..ในส่วนนี้ก็สอดรับกับที่นสพ.ไทยรัฐ มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาข่าวสารที่เป็นข้อมูลหรือรายงานสกู๊ป เจาะลึก ที่จะแตกต่างจากข่าวสารออนไลน์ทั่วไป เพราะข่าวออนไลน์ทั่วไป ก็จะเป็นข่าวสารสถานการณ์ปัจจุบันแบบปัจจุบันทันด่วน แต่หากเป็นนสพ.จะมีกระบวนการกลั่นกรองที่มากกว่า หรือข้อมูลเจาะลึก สกู๊ปต่างๆ บทวิเคราะห์ หรือบทความของคอลัมนิสต์ที่วิเคราะห์ประเด็นต่างๆ ซึ่งในส่วนเหล่านี้ จะมีความแตกต่างจากข่าวบนฟีดทั่วไป ตรงนี้ก็จะเป็นความแตกต่างที่สำคัญที่จะดึงดูดผู้อ่านที่สนใจ ข้อมูลเชิงเจาะลึกเข้าไปอ่าน

"จุดนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากของหนังสือพิมพ์ที่จะดึงดูดให้คนพร้อมจะเสียเงินเข้าไปอ่านเพราะเขาจะรู้สึกว่าได้อ่านข้อมูลข่าวสารที่มีคุณภาพข้อมูลมีความน่าเชื่อถือมีการวิเคราะห์เจาะลึกตามหลักจรรยาบรรณของสื่อมวลชน

"ผศ.ดร.สิงห์ -นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน"กล่าวต่อไปว่า การที่นสพ.ยักษ์ใหญ่อย่างไทยรัฐ ขยับทำ E-newspaper แสดงว่าไทยรัฐ มองเห็นโอกาสที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในการที่จะทำให้ผู้อ่าน ที่ต้องการอ่านข้อมูลแบบเจาะลึก สามารถเข้าไปอ่านใน E-newspaper  ที่ทำขึ้นมา โดยยังไม่ทิ้งรูปแบบของการเป็นนสพ. อย่างการเข้าไปอ่านก็เป็นลักษณะการพลิกอ่านทีละหน้า ทำให้คนที่มีความรู้สึกว่าการอ่านหนังสือ ต้องเป็นการพลิกอ่านก็เป็นจุดดึงดูดอีกจุดหนึ่ง ซึ่งสำหรับคน Gen X อยากได้แบบนี้ แต่เด็กรุ่นใหม่ๆ อาจไม่ได้รู้สึกว่า ต้องมีความจำเป็นในจุดนี้ ซึ่งตรงนี้อยู่ที่กลุ่มเป้าหมายที่เขามองว่าต้องการกลุ่มคน Gen x -Gen y ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคยอ่านนสพ.แบบพลิกไปพลิกมา 

ผมเชื่อว่านสพ.หัวอื่นๆ คงรอดูว่าผลการตอบรับของไทยรัฐเป็นอย่างไร โดยหากไทยรัฐทำยอดผู้สมัครสมาชิกจำนวนมาก แต่ละฉบับคงอาจมีการขยับตัวในการทำเรื่องการสมัครสมาชิกนสพ.เพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา นสพ.ในส่วนที่เป็นกระดาษ มองว่าถือว่าผ่านยุคขาลงมาถึงขั้นสุดแล้ว เพราะวันนี้ จะไปซื้อนสพ.สักหนึ่งฉบับหรือหาอ่านนสพ.สักหนึ่งฉบับยากมาก ที่ผมก็อยากให้นสพ.ที่ยังทำอยู่ยังคงพิมพ์ต่อไปแต่อาจต้องปรับตัวเช่นลดจำนวนยอดการพิมพ์ลง แต่ก็มีบางหัวที่เป็นออนไลน์ร้อยเปอร์เซนต์ไปแล้ว และหารายได้จากเว็บไซด์เป็นหลัก แต่พอหารายได้จากเว็บเป็นหลัก ก็ทำให้ผู้อ่านรู้สึกรำคาญกับป๊อปอัปโฆษณาที่เด้งขึ้นมา 

"ผศ.ดร.สิงห์คณบดีคณะวิทยาการจัดการ  มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา"เสนอแนะว่า เมื่อนสพ.จะใช้ระบบให้คนอ่านต้องจ่ายเงินสมัครสมาชิกถึงจะอ่านนสพ.ผ่านระบบออนไลน์ได้ สิ่งที่นสพ.จะต้องมีก็คือ ต้องมีเนื้อหาที่เจาะลึก มีความน่าเชื่อถือ เพราะหากเป็นแค่ข่าวทั่วไป คนอ่านตามเว็บไซด์ข่าวธรรมดาได้ แต่จะต้องทำให้นสพ.มีเนื้อหาที่เจาะลึก มีคอลัมนิสต์ที่มีประสบการณ์ซึ่งเขียนเรื่องต่างๆ ที่ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลจากข่าวสารที่น่าเชื่อถือ ตรงนี้คือจุดขาย จุดขายที่ชัดที่สุดของนสพ.ที่แตกต่างจากสื่อออนไลน์คือสกู๊ปรายงานต่างๆ ,ข่าวที่มีการเจาะลึก และนำเสนออย่างมีความน่าเชื่อถือที่ผ่านกระบวนการกลั่นกรองแล้วว่าเป็นข้อเท็จจริง 

...E-newspaper อย่างที่ไทยรัฐกำลังทำ ถามว่าเป็นรูปแบบใหม่หรือไม่ ก็อาจใหม่สำหรับวงการสื่อมวลชน แต่ไม่ได้ใหม่สำหรับวงการหนังสือออนไลน์ การที่กล้าให้คนจ่ายเงินเพื่อให้คนอ่านนสพ. จุดนี้ผมมองว่าเขาคงคิดแล้วว่ามีจุดแข็ง และมีจุดขายที่ทำให้คนพร้อมจะจ่ายเงิน และอย่าลืมว่าทุกคนรู้จักไทยรัฐ ในฐานะที่เป็นนสพ.มาก่อน ก่อนที่จะเป็นไทยรัฐทีวี ไทยรัฐออนไลน์ แต่สุดท้ายไทยรัฐก็คือนสพ.ที่คนรู้จักแม้ไทยรัฐจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นอะไรก็ตาม แต่การที่ไม่ทิ้งรากเหง้าเดิมผมคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ 

"ส่วนว่า E-newspaper จะเติบโตต่อไปอย่างไรก็อยู่ที่ตัวประชาชนเองว่าหากโมเดลนี้เป็นโมเดลที่เขาต้องการมีการสนับสนุนเรื่องเงินเข้าไปเพื่อจะอ่านนสพ. หากมีประชาชนสนับสนุนมากเท่าไหร่ก็จะมีผลต่อตัวนสพ.ที่อยู่ในตลาดเพิ่มเติมว่าจะปรับตัวมาเป็นแบบนี้ดีหรือไม่ 

หากปรับตัวมาเป็นแบบนี้สิ่งที่สังคมได้จากการเก็บเงินค่าสมาชิกประชาชนก็จะได้ข้อมูลข่าวสารเชิงลึกข้อมูลที่เป็นประโยชน์ข้อมูลข่าวสารที่มีการกลั่นกรองจากกองบรรณาธิการที่จะแตกต่างจากข่าวออนไลน์ทั่วไปที่อาจจะมีการกลั่นกรองที่มีกระบวนการกลั่นกรองน้อยกว่าและมีข้อผิดพลาดมากกว่า"เป็นทัศนะของนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนที่กล่าวทิ้งท้าย ถึงอนาคตของ E-newspaper ซึ่งคงต้องรอดูอีกสักระยะว่าหลังจากนี้จะมีทิศทางอย่างไร