สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ ร่วมประชุมหารือกับสมาคมนักข่าวเวียดนามสานต่อความร่วมมือวิชาชีพ และส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย

เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชั้น 9 นางสาวน.รินี เรืองหนู นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายชวรงค์ ลิมปัทมปาณี ที่ปรึกษาสมาคมนักข่าวฯ พร้อมกรรมการบริหาร ให้การต้อนรับคณะผู้แทนสมาคมนักข่าวเวียดนาม นำโดย นายเจิ่น จอก ญุง รองประธานสมาคมนักข่าวเวียดนาม ในโอกาสการมาเยือนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 16-20 กรกฎาคม 2568 ในโอกาสนี้ ได้มีประชุมหารือทบทวนความร่วมมือภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวิชาชีพ การฝึกอบรมสื่อมวลชน และการสร้างความเข้าใจร่วมกันในบทบาทของสื่อมวลชนระหว่าง 2 ฝ่าย

นางสาวน.รินี เรืองหนู ได้กล่าวแสดงความยินดี เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี การก่อตั้งสมาคมนักข่าวเวียดนาม ว่า ถือเป็นหลักหมุดสำคัญสะท้อนถึงความแข็งแกร่ง รวมถึงบทบาทของสื่อมวลชนเวียดนาม และตลอดหลายปีที่ผ่านนี้ ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 สมาคม ก็ได้มีพัฒนามาตั้งแต่การลงบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี2559 มุ่งเน้นแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การฝึกอบรม การสนับสนุนบทบาทของสื่อ และเชื่อมั่นว่าความร่วมมือระหว่าง 2 สมาคมนี้ จะยังคงดำเนินต่อไป

ด้านนายชวรงค์ กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างสมาคมนักข่าวเวียดนาม กับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถือเป็นความร่วมมือที่เสริมและเกื้อหนุนกัน มีจุดมุ่งหมายการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ด้านวิชาชีพ และส่งเสริมบทบาทของสื่อมวลชนภายใต้บันทึกความเข้าใจ(MOU) มีโครงการแลกเปลี่ยนสื่อระหว่างสมาคมนักข่าวไทย-เวียดนาม ในปี2567-2568 ด้วยจิตวิญญาณแห่งความสามัคคี ความเสมอภาค และความเคารพซึ่งกันและกัน เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาความสามัคคีและความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสำนักข่าวของทั้งสองประเทศดังต่อไปนี้
 
ข้อ 1. ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านสื่อมวลชนของทั้งสองประเทศ

ข้อ 2.ทั้งสองฝ่ายตกลงจะทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดต่อไปในการส่งเสริมการนำเสนอข่าวอย่างสร้างสรรค์ผ่านสื่อมวลชนของตน เพื่อให้ประชาชนของทั้งสองประเทศมีความเข้าใจที่ถูกต้องในแง่สังคม เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม และอาจมีการจัดตั้งสายด่วนติดต่อระหว่างกัน เพื่อการสื่อสารเร่งด่วนในยามฉุกเฉิน เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดเกี่ยวกับด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม ที่อาจเกิดจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด 

ข้อ 3. ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านสื่อมวลชนระหว่างทั้งสองประเทศผ่านกิจกรรมระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ เช่น สมาพันธ์นักข่าวอาเซียน และสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ข้อ 4. ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความเห็น และประสบการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์สื่อปัจจุบันของทั้งสองประเทศเป็นประจำทุกปี 

ข้อ 5. ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดโครงการแลกเปลี่ยนปะกันของคณะผู้แทนระดับสูงประจำปีของทั้งสองฝ่าย และต้องตกลงร่วมกันอย่างน้อย 2 เดือนก่อนการจัดการเดินทาง

ข้อ 6. ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะช่วยเหลือกันจัดการฝึกอบรมนักข่าวของทั้งสองประเทศเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะและความเป็นมืออาชีพ

และข้อ 7. บันทึกความเข้าใจจะมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 2 ปี นับจากวันที่ผู้ลงนามได้อ่านและเห็นด้วยกับบันทึกความเข้าใจดังกล่าว 

ขณะที่ นายเจิ่น จอก ญุง กล่าวว่า โครงสร้างภายในสมาคมนักข่าวเวียดนามมีสมาชิกประมาณ 2,600 คน แต่เดิมมีสำนักงานตัวแทนสื่อมวลชนใน 64 จังหวัดทั่วประเทศ แต่ได้มีการปรับลดเหลือ 34 จังหวัด แนวทางในอนาคต สมาคมนักข่าวเวียดนามจะจัดการประชุมใหญ่ และการเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ในปี 2026 อย่างไรก็ตาม บันทึกความเข้าใจ (MOU) ฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ การจัดทำ MOU ฉบับใหม่จะมีขึ้นหลังจากการประชุมใหญ่ และการแต่งตั้งผู้นำชุดใหม่ ทั้งนี้ สมาคมเวียดนามยังมีความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น จีน กัมพูชา เบลารุส ฯลฯอีกด้วย 

“อย่างไรก็ดี ยังอยากจะเสนอให้มีเวทีหรือกิจกรรมร่วม เช่น การจัดอบรม หรือสัมมนาเชิงวิชาชีพร่วมกันระหว่างนักข่าวทั้งสองประเทศ และมีแนวคิดเรื่องการจัดฮอตไลน์ (Hotline) ด้านการสื่อสารระหว่างองค์กร เพื่อใช้ในกรณีเกิดความเข้าใจผิดระหว่างสองประเทศ” นายเจิ่น จอก ญุง กล่าว

สำหรับกำหนดการนอกจากนี้ ในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้ สมาคมนักข่าวเวียดนามยังเดินทางเข้าพบปะเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงต่างประเทศ รวมถึงเยี่ยมชมหนังสือพิมพ์ข่าวสด และเยี่ยมชมสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติ (NBT)

จากนั้น ในวันที่ 18-19 กรกฎาคม คณะออกเดินทางไป จ.นครราชสีมา เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ แหล่งรวมงานศิลปะ และแนวคิดการสร้างพื้นป่าให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม มีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองด้านการสื่อสาร และการท่องเที่ยว โดยได้รับการสนับสนุนจาก บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์