สรุปสถานการณ์สื่อ ประจำวันที่ 1-30 พ.ย.2563

1.เว็ปไซต์ "ไทยโพสต์" รายงาน'เจ๊ปอง-สันติสุข' ยกทีมอำลาเนชั่น หวนคืนรังเก่าช่องนิวทีวี 18 โดยเว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เผยแพร่ข่าว ตามรอย 'ฉัตรชัย ภู่โคกหวาย'! เจ๊ปอง-อัญชะลี ไพรีรัก และ สันติสุข มะโรงศรี ตัดสินใจยุติทำรายการข่าวทางเนชั่นทีวี ยกทีมงานซบรังเก่า ช่อง newtv 18 ประเดิมเทปแรก 1 ธ.ค.63 นี้ โดยมีเนื้อหาดังนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2563 บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2563 รับทราบการลาออกของนายฉัตรชัย ภู่โคกหวาย จากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการและกรรมการบริหารของ บริษัทฯ ตามหนังสือลาออก ฉบับลงวันที่ 26 ต.ค.2563 โดยให้มีผลตั้งแต่ 26 ต.ค.2563 เป็นต้นไป พร้อมทั้งอนุมัติแต่งตั้งนายสุภวัฒน์ สงวนงาม ดำรงตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้จัดการ แทนนายฉัตรชัย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.2563 ทั้งนี้ จนกว่าจะได้มีการสรรหาและแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวในบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง ว่า  ขณะนี้ 'เจ๊ปอง' หรือ อัญชะลี ไพรีรัก และ นายสันติสุข มะโรงศรี  สองผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดังทางช่องเนชั่นทีวี ได้ตัดสินใจที่จะยุติการทำรายการข่าวกับทางเนชั่นทีวีแล้ว โดยจะยกทีมงานและพิธีกรรวมประมาณ 6-7 คน ไปทำรายการข่าวใหม่เพื่อออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์นิวทีวี ช่อง 18 โดยจะเริ่มแพร่ภาพออกอากาศรายการข่าวใหม่เป็นครั้งแรก ในวันที่ 1 ธันวาคม 2563 นี้   


2.เว็ปไซต์ "กรุงเทพธุรกิจ" รายงาน "ฉาย บุญนาค" ยัน "เนชั่น" ไม่กระทบ ผู้ประกาศดังลาออก โดยนายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG ให้สัมภาษณ์ชี้แจงทางโทรศัพท์สำนักข่าวอิศรา ถึงกรณีนี้ว่า  "เนชั่นเป็นองค์กรข่าวที่เก่าแก่ยาวนาน และกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 เราเป็นสถาบันข่าว ดังนั้นเส้นทางอายุของเนชั่นที่ผ่านมา ย่อมมีทั้งคนเข้าคนออกเป็นเรื่องปกติ และเราไม่ได้ขายดารา หรือขายผู้ดำเนินรายการ แต่เราขายความน่าเชื่อถือ ขายรับผิดชอบต่อสังคม ขายเนื้อหาสาระข่าว การเป็นองค์กรก็เหมือนสโมสรฟุตบอล และที่สำคัญนักบอลไม่มีใครใหญ่กว่าสโมสร แต่ก็อวยพรอวยชัยคนที่ไปขอให้โชคดี และเขาก็ทำหน้าที่เพื่อองค์กรจนถึงวันสุดท้าย"


3.เว็ปไซต์ "เนชั่นทีวี" รายงาน โดยสถานีโทรทัศน์ เอบีซี, ซีบีเอส และเอ็นบีซี ยุติการถ่ายทอดสดการแถลงข่าวของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ทำเนียบขาวเมื่อคืนวันที่ 5 พ.ย. ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีหลังเริ่มการแถลง เลสเตอร์ โฮลต์ ผู้ประกาศข่าวของรายการ เอ็นบีซี ไนท์ลี นิวส์ บอกกับผู้ชมว่า จำเป็นต้องหยุดถ่ายทอดตอนนี้ เพราะประธานาธิบดีพูดเท็จหลายเรื่อง รวมถึงประเด็นที่ว่า มีการทุจริตในการลงคะแนนเลือกตั้ง แต่ไม่มีหลักฐานสนับสนุน ส่วนเดวิด์ มัวร์ ผู้ประกาศข่าวของเอบีซี บอกว่า จำเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงคำพูดของทรัมป์เยอะมาก และแนนซี คอร์เดส ผู้สื่อข่าวของซีบีเอส บอกว่า ข้อกล่าวหาไม่มีมูลความจริงเช่นกัน ขณะที่สถานีโทรทัศน์เอ็มเอสเอ็นบีซี เป็นช่องแรกที่ตัดการแพร่ภาพทรัมป์หลังจากเขาเพิ่งพูดไปได้เพียง 35 วินาที และไบรอัน วิลเลียมส์ ผู้ประกาศ บอกกับผู้ชมว่า "เราไม่อาจแพร่ภาพได้ มันไม่มีข้อเท็จจริง และในช่วงที่ประเทศเป็นอย่างนี้ มันเป็นเรื่องอันตราย"แต่สถานีโทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น และฟอกซ์นิวส์ ยังแพร่ภาพการแถลงทรัมป์จนจบ โดยซีเอ็นเอ็นขึ้นข้อความบนหน้าจอด้วยว่า "ไม่มีหลักฐานสนับสนุน ทรัมป์อ้างว่าเขาถูกโกง" แต่ฟอกซ์นิวส์ ขึ้นข้อความว่า "ทรัมป์บอกว่า พวกเขาพยายามปล้นการเลือกตั้ง" และภายหลังการแถลงจบ จอห์น โรเบิร์ตส์ หัวหน้าผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาวของ ฟอกซ์นิวส์ รายงานจากห้องแถลงข่าวว่า เราไม่พบหลักฐานสนับสนุนคำอ้างของประธานาธิบดีเรื่องการฉ้อฉลในการเลือกตั้ง การตัดสินใจว่าจะถ่ายทอดสดการแถลงของทรัมป์หรือไม่สร้างปัญหาให้กับผู้บริหาร ทีวีในสหรัฐตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว


4.เว็ปไซต์ "ไทยรัฐออนไลน์" รายงาน "กนก อยากเป็น "กนกคนเดิม" ประกาศลาออกจากเนชั่น บอกเหตุผลในใจ" โดยมีเนื้อหากนก รัตน์วงศ์สกุล พิธีกรข่าวชื่อดังได้ประกาศลาออกจากเนชั่น หลังจากที่ทำงานที่นี่มานาน 24 ปี โดยเจ้าตัวได้โพสต์รูปและข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว


5.เว็ปไซต์ "มติชน" รายงานธีระ อำลา เนชั่น โดยนายธีระ ธัญไพบูลย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Teera Tanyapaibul” ระบุว่า เข้ามาอยู่เนชั่นเมื่อปี 2543 ถึงตอนนี้ก็ 20 ปี นานพอจนรู้สึกว่า “เนชั่นคือบ้าน เพื่อนพ้องคือพี่น้อง” และนานจนไม่เคยคิดว่าจะต้องบอกลากัน เมื่อคิดจะ “ทำในสิ่งที่เชื่อ เชื่อในสิ่งที่ทำ” จึงมีวันนี้ที่ต้องตัดสินใจ


6.เว็ปไซต์ "กรุงเทพธุรกิจ" รายงาน นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารช่องเนชั่นทีวี เขียนในเฟสบุ๊คส่วนตัว ตอบรับตำแหน่งซีอีโอ เนชั่นทีวี โดยอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี เขียนในเฟสบุ๊คส่วนตัว (Adisak Limparungpatanakij) หลังจากที่นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พร้อมคณะผู้บริหาร เปิดใจถึงทิศทางการบริหารเนชั่นทีวี โดยนายฉาย ระบุชัดว่า ได้ทาบทามนายอดิศักดิ์ กลับมาบริหารเนชั่นทีวีอีกครั้ง โดยในเย็นวันนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารเพื่อหารือเรื่องนี้ และวันพฤหัสบดีที่ 12 พ.ย. จะเสนอชื่อนายอดิศักดิ์ มานั่งเป็นผู้บริหารเนชั่นทีวี

7.เว็ปไซต์ "กรุงเทพธุรกิจ" รายงานกรรมการสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ลงมติรับรองธรรมนูญ 'สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ' แล้ว โดยนายชาย ปถะคามินทร์ เลขาธิการสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติสมัยที่ 9 ครั้งที่ 11/2563 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 ณ อาคารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมฯ มีมติรับรองร่างธรรมนูญสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ที่คณะทำงานยกร่างฯ เสนอ พร้อมประกาศใช้ธรรมนูญสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติพ.ศ. 2563 วันที่ 11 พฤศจิกายน 2563
ทั้งนี้ สาระสำคัญของธรรมนูญสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ พ.ศ.2563 นั้น จากเดิมที่สภาการหนังสือพิมพ์ฯ ทำหน้าที่กำกับดูแลกันเองทางจริยธรรมในส่วนของกิจการหนังสือพิมพ์ และสื่อออนไลน์ในสังกัดสมาชิกก็ปรับเปลี่ยนมาเป็นกิจการสื่อมวลชน ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่อดิจิทัล หรือรูปแบบอื่นใดที่ทำหน้าที่สื่อข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนทราบ รวมถึงการเพิ่มจำนวนกรรมการจาก 21 คน เป็น 23 คน เนื่องจากการขยายขอบข่ายสมาชิกให้ครอบคลุมถึงสื่อประเภทต่างๆ โดยกรรมการจะมีวาระการดำรงตำแหน่ง 3 ปีนอกจากนี้ ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เป็นสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการบริหารองค์กร จึงมีการกำหนดบทเฉพาะกาลให้บรรดาข้อบังคับ คำสั่ง ระเบียบ แนวปฏิบัติ หรือประกาศต่างๆ ที่ออกโดยสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ให้ใช้บังคับอยู่ก่อน รวมถึงคณะกรรมการสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ชุดปัจจุบัน ให้ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่ต่อไป จนกว่าจะครบวาระในเดือนมีนาคม 2564 อีกทั้งการใดที่กฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งใดกล่าวถึงตำแหน่งประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ให้หมายถึงประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติอีกด้วยและยังคงมีระเบียบ ข้อบังคับที่ต้องดำเนินการแก้ไขเร่งด่วนเพื่อให้สอดคล้องกับธรรมนูญใหม่ ได้แก่ ข้อบังคับที่เกี่ยวกับการรับสมาชิก ข้อบังคับการได้มาของกรรมการ และระเบียบการเลือกตั้งกรรมการ ดังนั้นที่ประชุมกรรมการ จึงมอบหมายให้คณะทำงานยกร่างธรรมนูญสภาการสื่อมวลชนฯ ชุดเดิม ทำหน้าที่คณะกรรมการเปลี่ยนผ่านไปสู่สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เพื่อปรับปรุงยกร่างข้อบังคับที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน ให้ทันกับการเลือกตั้งกรรมการสภาการสื่อมวลชนฯ ชุดแรกภายในเดือน ก.พ.2564


8.เว็ปไซต์ "ไทยโพสต์" รายงาน 'อสมท'หนัก9เดือนขาดทุน1,168ล้านเร่งลดพนักงาน โดยนายสิโรตม์ รัตนามหัทธนะ กรรมการ และ รักษาการในตำแหน่ง กก.ผอ.ใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “อสมท รายงานงบการเงินในไตรมาส 3 ปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 บริษัทมีผลขาดทุนสำหรับงวดในไตรมาสที่ 3 จำนวน 106 ล้านบาท โดยคิดเป็นการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นถึงร้อยละ 42  เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตามในงวดเก้าเดือนของปี 2563 ขาดทุนจำนวน 1,168 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้ภาคธุรกิจต้องควบคุมค่าใช้จ่ายการใช้งบโฆษณาและประชาสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม ในงวดเก้าเดือนแรกของปี 2563  อสมท มีรายได้จำนวน 1,086 ล้านบาท โดยเป็นรายได้ในไตรมาสที่สามปี 2563 จำนวน 402 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 จากไตรมาสก่อนหน้าสำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2563 ธุรกิจโทรทัศน์และธุรกิจวิทยุยังคงเป็นธุรกิจหลักที่สามารถสร้างรายได้สูงสุดให้กับ อสมท ในสัดส่วนร้อยละ 62 ในขณะที่ธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิตอล (BNO) มีสัดส่วนรายได้สูงเป็นลำดับสองรองจากธุรกิจโทรทัศน์ธุรกิจโทรทัศน์ มีรายได้ในช่วงเก้าเดือนแรกจำนวน 314 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 26 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยเป็นรายได้ในไตรมาสที่สามจำนวน 131 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าธุรกิจวิทยุ มีรายได้ในช่วงเก้าเดือนแรกจำนวน 345 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 34 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยเป็นรายได้ในไตรมาสที่สาม จำนวน 115 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากไตรมาสก่อนหน้า ในไตรมาสที่สาม คลื่นวิทยุทั้งส่วนกลางและภูมิภาค มีรายได้เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยคลื่นลูกทุ่ง มหานคร FM 95 MHz. ยังแสดงผลงานได้โดดเด่นสามารถทำรายได้สูงสุดในคลื่นวิทยุของ อสมท เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา สำหรับคลื่นวิทยุอื่นๆ เช่น คลื่นความคิด FM 96.5 MHz, Mellow FM 97.5 MHz, Active Radio FM 99 MHz คลื่นข่าว FM 100.5 MHz และคลื่น MET 107 MHz รักษาฐานผู้ฟังและกลุ่มลูกค้าด้วยกิจกรรมการตลาดใหม่ๆ เช่น การใช้เทคโนโลยีสื่อสารผ่านโปรแกรม Zoom รวมถึงการจัดกิจกรรมร่วมกับลูกค้าผู้สนับสนุนรายการและผู้ฟัง    ส่วนแนวทางในการสร้างแหล่งรายได้ใหม่ให้กับองค์กรว่า ฝ่ายบริหารพยายามเร่งสร้างแหล่งรายได้ใหม่ทั้งจากธุรกิจดิจิทัล รวมถึงการพัฒนาสินทรัพย์ที่ดินให้เกิดมูลค่าทางธุรกิจ โดยล่าสุด อสมท   อยู่ระหว่างการเปิดรับข้อเสนอสำหรับการพัฒนาโครงการบนที่ดิน 50 ไร่ ย่านรัชดา จากนักลงทุนและบุคคลที่สนใจ เพื่อทดแทนรายได้กิจการสัมปทานที่สิ้นสุดลงตั้งแต่ไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมา พร้อมกับการพัฒนาธุรกิจหลักเช่นโทรทัศน์และวิทยุ ให้ผลิตเนื้อหารายการที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นประโยชน์ต่อสังคม  สำหรับโครงการร่วมใจจากองค์กร ประจำปี 2563 (Mutual Separation Plan : MSP) ซึ่ง อสมท ได้เริ่มดำเนินการมาแล้วนั้น ผลจากการดำเนินโครงการดังกล่าวจะทำให้ อสมท สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรกว่าร้อยละ 20 จากค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรในปี 2563 ซึ่งจะมีผลในปี 2564 เป็นต้นไป 


9.เว็ปไซต์ "คมชัดลึก" รายงานเนชั่น แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง ตั้ง ผอ.ใหญ่ - เปลี่ยนกรรมการใหม่ โดยโดยเป็นการแจ้งมติการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 12/2563 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 โดยมีมติที่สำคัญดังนี้1. รับทราบการลาออกของ พลเรือเอก นวพล ดำรงพงศ์ จากตำแหน่งกรรมการอิสระ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป2. อนุมัติการแต่งตั้ง พลอากาศโท นายแพทย์ ทวีศักดิ์ ขันติรัตน์ เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ แทน พลเรือเอก นวพล ดำรงพงศ์ ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป3. รับทราบการลาออกของ นางลักขณา รัตน์วงศ์สกุล จากตำแหน่งกรรมการบริษัทและกรรมการบริหาร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป4. อนุมัติการแต่งตั้ง พลเอก วัธนชัย ฉายเหมืองวงศ์ เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท แทน นางลักขณา รัตน์วงศ์สกุล ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป5. อนุมัติเปลี่ยนแปลงกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป และมีรายละเอียดดังนี้เดิม : “นายฉาย บุนนาค , นางลักขณา รัตน์วงศ์สกุล , นางวรางคณา กัลยาณประดิษฐ , นายสุภวัฒน์ สงวนงาม กรรมการสองในสี่คน ลงลายมือชื่อร่วมกัน พร้อมประทับตราสำคัญของบริษัท”ใหม่ : “นายฉาย บุนนาค , นางวรางคณา กัลยาณประดิษฐ , นายสุภวัฒน์ สงวนงาม กรรมการสองในสามคน ลงลายมือชื่อร่วมกัน พร้อมประทับตราสำคัญของบริษัท”ทั้งนี้ โครงสร้างการกำกับดูแลกิจการของบริษัทมี นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริษัทและประธานกรรมการบริหาร , นายปกรณ์ พึ่งเนตร บรรณาธิการบริหาร เป็นผู้ดูแลและรับผิดชอบสายงานข่าวและสาระความรู้ , นายสุภวัฒน์ สงวนงาม เป็นกรรมการผู้จัดการ และ นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ เป็นผู้อำนวยการใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป


10.เว็ปไซต์ "มติชน" รายงานมติชน ฝ่ากระแสโควิด ไตรมาสสาม กลับมาทำกำไร โดยน.ส.ปานบัว บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการว่า ในช่วงไตรมาส 3/2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 18.12 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 3/2562 มีกำไรสุทธิ 4.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 276.72% ส่งผลให้ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 7.78 ล้านบาท เทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปี 2562 บริษัทมีกำไร 5.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.14% สาเหตุที่ผลประกอบการไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีรายได้จากการขายโฆษณาออนไลน์ 60.95 ล้านบาท เทียบกับระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมารายได้ 43.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.15% รายได้จากขายพ็อกเก็ตบุ๊ก 14.82 ล้านบาท เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนรายได้ 2.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 395.65% และรายได้จากการฟื้นตัวของกิจกรรมอีเวนต์ 10.88 ล้านบาท“แม้ในช่วงไตรมาส 3 ภาคธุรกิจโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจสื่อและอุตสาหกรรมโฆษณา จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่มติชนได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับกระแสความสนใจบริโภคข่าวสารของประชาชน ตลอดจนจัดกิจกรรมอีเวนต์ที่มีประโยชน์ต่อสาธารณะ ทั้งยังมีการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด จึงทำให้บริษัทสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่กำหนด ทั้งในส่วนของการหารายได้ ออนไลน์ ออฟไลน์ อีเวนต์ และการควบคุมต้นทุน ส่งผลให้ผลประกอบการในรอบ 9 เดือน ฟื้นกลับมาทำกำไรได้ในที่สุด” กรรมการผู้จัดการมติชน กล่าว


11.เว็ปไซต์ "มติชน" รายงาน สมาคมสื่อ ตปท.กังวลใจความรุนแรง ปมทำข่าวชุมนุม ขอทางการไทยให้สื่อ-กู้ภัยใช้เสื้อเกราะกันกระสุนถูก กม. โดยสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (Foreign Correspondents’ Club of Thailand – FCCT) ออกแถลงการณ์ เรื่อง ความปลอดภัยในการทำข่าวการชุมนุม ว่า สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย มีความกังวลใจต่อสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างการชุมนุมประท้วงหน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ซึ่งมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 55 คน อีกทั้งยังมีการใช้ทั้งแก๊สน้ำตา และน้ำแรงดันสูงผสมสารเคมี
นอกจากนี้ สมาคมฯ มีความกังวลใจอย่างยิ่งต่อรายงานจากศูนย์เอราวัณ ที่ระบุว่า ผู้ชุมนุมฝ่ายเรียกร้องการปฏิรูปได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืน หลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มปกป้องสถาบัน และกลุ่มผู้ชุมนุมที่นำโดยนักศึกษาสมาคมฯ ขอเรียกร้องให้ผู้สื่อข่าวทุกคนจัดหาเครื่องป้องกันตนเองขณะรายงานข่าวการชุมนุมในอนาคต รวมถึงเครื่องมือป้องกันศีรษะ ใบหน้า และลำตัว ในการนี้ สมาคมฯ ขอย้ำข้อเรียกร้องให้ทางการไทยอนุญาตผู้สื่อข่าวและทีมงานกู้ภัย สามารถใช้เสื้อเกราะกันกระสุนได้อย่างถูกกฎหมาย เนื่องจากเป็นอาชีพที่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากกระสุนปืนทั้งนี้ เสื้อเกราะกันกระสุนยังถือเป็นยุทธภัณฑ์ต้องห้ามสำหรับพลเรือน และมีผู้สื่อข่าวจำนวนหนึ่งเคยถูกดำเนินคดีเนื่องจากมีเสื้อเกราะกันกระสุนในครอบครอง สมาคมฯ ยังขอเรียกร้องให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐ ใช้ความอดทนอดกลั้นในการปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ และมีความเข้าใจในการทำงานของผู้สื่อข่าว ช่างภาพ ล่าม ตลอดจนสื่อมวลชนอื่นๆ ทุกแขนงในสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างยิ่งตามที่ปรากฏในขณะนี้


12.เว็ปไซต์ "กรุงเทพธุรกิจ" รายงาน'กลาโหม' ไม่อนุญาต 'สื่อมวลชน' ใช้ 'เสื้อเกราะ' ทำข่าวม็อบ โดยพล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุถึวกรณี สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย หรือ FCCT ร้องขอให้ผู้สื่อข่าวมีและใช้เสื้อเกราะ เพื่อความปลอดภัยระหว่างทำข่าวการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ภายใต้กฎหมาย ที่ต่างยืนยันจะไม่ใช้ความรุนแรงต่อกันนั้น ฝ่ายความมั่นคงได้พิจารณา ถึงความเหมาะสมต่อสถานการณ์แล้ว ยังไม่มีความจำเป็นที่ผู้สื่อข่าวต้องมีใช้เสื้อเกราะดังกล่าว เสื้อเกราะ เป็นยุทธภัณฑ์ควบคุม ภายใต้พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 กำหนดให้มีได้เฉพาะส่วนราชการทหาร ตำรวจ ส่วนราชการ องค์การของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ที่มีภารกิจในการป้องกัน ปราบปรามและเสี่ยงภัย และไม่อนุญาตให้บุคลลทั่วไปมีไว้ในครอบครอง


13.เว็ปไซต์ "มติชน" ออนไลน์ รายงานอดิศักดิ์ จัดทัพใหม่ ‘เนชั่นทีวี’ ประกาศรับสมัครทีมข่าว แทนชุดเก่าที่ลาออก โดยนายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ ผู้อำนวยการใหญ่ เนชั่นทีวี ช่อง 22 เคลื่อนไหวทางเฟซบุ๊ก ประกาศรับพนักงานใหม่หลายตำแหน่ง แทนชุดเก่าที่ลาออกไป มีข้อความระบุช่วงหนึ่งว่า นอกจากคนหน้าจอเบอร์ใหญ่ๆ ระดับตำนานที่ลาออกไป ยังพบว่าคนทำงานตำแหน่งสำคัญๆ อีกก้อนใหญ่ๆ ยื่นใบลาออกตามไปด้วย อย่างทันท่วงที ช่วงนี้จึงใช้เวลาส่วนใหญ่ 1 สัปดาห์ จัดทัพใหม่ทำงานแบบเฉพาะกิจไปก่อน จึงถือโอกาสเชิญชวน เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในแวดวงสื่อโดยเฉพาะสายโทรทัศน์ เช่น ผู้ประกาศ หน้าจอ ผู้ดำเนินรายการ ฝ่ายข่าว ฝ่ายเทคนิคสตูดิโอ ฝ่ายกราฟฟิก ช่างภาพ ฝ่ายข่าวออนไลน์ ฯลฯ รวมทั้งผู้ผลิตรายการดีๆ ที่เห็นว่าสอดคล้องกับคาแร็กเตอร์ของสถานีข่าว สนใจจะมาร่วมปฏิบัติการ #ภารกิจนำพาเนชั่นกลับสู่พื้นผิวโลก #เส้นทางสู่สถาบันสื่อมืออาชีพ แนะนำตัวเองมาได้เลยทาง Line : adisaklive email : adisak.nbc@gmail.com14.เว็ปไซต์ "เนชั่นทีวี" รายงาน เนชั่นทีวีแย้ม "บิ๊กเซอร์ไพรส์" ผู้ประกาศชุดใหม่ เปิดตัว 15 ธ.ค.นี้ โดยนายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหารเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป (มหาชน)และประธานกรรมการบริหารบริษัทเนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวีช่อง 22 เปิดเผยว่า วันที่ 15 ธ.ค.นี้ เนชั่นทีวีจะเปิดบ้านโอเพ่นเฮ้าส์ แถลงปรับผังรายการและทีมผู้ประกาศครั้งใหญ่ โดยยังยึดมั่นในปรัชญาและแนวทางการนำเสนอเนื้อหาสาระข่าว บันเทิง ภายใต้อุดมการณ์ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์  15 ธ.ค.นี้ เนชั่นทีวีจะจัดงานโอเพ่นเฮ้าส์ เปิดตัวทีมผู้ประกาศชุดใหม่ มีบิ๊กเซอร์ไพรส์แน่นอน โดยพิธีกรหรือผู้ประกาศข่าวใหม่ที่จะเข้ามานั้น ต้องยึดแนวทางการนำเสนอข่าวยึดโยงกรอบเนชั่นเวย์เป็นหลัก