พิราบ ”ฟิตแอนด์เฟิร์ม” ด้วยรักจากและห่วงไย จากสมาคมฯ ถึงสมาชิก

พิราบ ”ฟิตแอนด์เฟิร์ม”

ด้วยรักจากและห่วงไย

จากสมาคมฯ ถึงสมาชิก

เสริมศักดิ์   ศุกรวรรณ

 

“สุขภาพดีไม่มีขาย  ถ้าอยากได้ต้องทำเอง”

คำกล่าวที่ผู้คนได้ยินกันคุ้นหู  หลายๆ คนเห็นด้วย แต่จะทำตามหรือเปล่าไม่ว่ากัน  เพราะของอย่างนี้ถ้าเราไม่เห็น  “คุณค่า”   ว่าสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่สุดก็ป่วยการที่จะชักชวนให้ผู้คนดูแลสุขภาพของตัวเอง

อย่างดีก็ตื่นเช้ามาแกว่งแขน  ยกแข้งยกขา 2-3 วัน  พอเริ่มมีอาการปวดเมื่อยก็ไม่เอาแล้วโดยมีข้อแก้ตัวสารพัด ร้อนไป  หนาวไป  ฝนตก  นอนดึกเลยตื่นสายออกมาบริหารร่างกายไม่ทัน   ปวดหัว  ปวดแขน  ปวดขา ปวดเข่า ฯลฯ

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย รู้ดีว่าอาชีพนักข่าวนั้นทำงานกันตั้งแต่เช้ายันดึก   โดยเฉพาะช่วงเหตุการณ์ที่สำคัญๆ  ต้องเกาะติดข่าวไม่ยอมห่าง  ยามกินไม่ได้กิน ยามนอนไม่ได้นอน  หรือแม้แต่นักข่าวที่นั่งโต๊ะยิ่งตัวดีเพราะนั่งโม่กับงานบนโต๊ะทั้งวัน  หาอะไรใส่ปากใส่ท้องแล้วนั่งทำงานต่อ บางทีก็งีบกันบนโต๊ะทำงานนั่นแหละ

ถึงแม้ยุคนี้นักข่าวไม่ได้มีสภาพเหมือนเพลงนกน้อยในไร่ส้มที่ว่า  “มีเงินมีทองไม่ต้องคิดอะไร ซื้อเหล้าใส่ไหไว้กิน”  คืออาจจะไม่ได้  “ดื่ม” หนักเหมือนนักหนังสือพิมพ์ยุคก่อน  แต่ก็ต้องยอมรับว่า

นักข่าวก็ละเลยการดูแลสุขภาพไปมากเหมือนกัน

ฉันใดก็ฉันเพล  สมาคมนักข่าวฯ จึงได้จัดกิจกรรม  “พิราบ ฟิตแอนด์เฟิร์ม  (fit&firm)”   ขึ้นด้วยความหวังที่จะเห็นสมาชิกสมาคมได้รับคำแนะนำจากกูรูเกี่ยวกับสุขภาพ  ทั้งอาหารการกิน    รวมทั้งการแปลงร่างนักข่าวเป็นเชฟกระทะเหล็กโชว์ฝีมือทำอาหารสุขภาพ  (ส่วนจะกินได้หรือกินไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที)  การได้รับคำแนะนำจากแพทย์ทั้งแผนไทยและแผนปัจจุบันในเรื่องการนวดตัวเอง   การฝึกการหายใจให้ลึก  การบริหารร่างกายด้วยโยคะ  เพื่อที่สมาชิกจะได้นำความรู้ทั้งหลายทั้งปวงไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันเป็นการดูแลสุขภาพด้วยตัวเองต่อไป

สมาคมนักข่าวฯ  จัดกิจกรรมฟิตแอนด์เฟิร์มมา 6-7 ครั้งแล้ว (กิจกรรมจัดปีละ 1 ครั้ง)  ผู้เขียนในฐานะสมาชิกของสมาคมมีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ในช่วง 3 ปีหลัง   โดยไปที่สวนสามพราน 2 ครั้ง  ส่วนครั้งล่าสุดจัดกิจกรรมนี้เมื่อวันที่ 19-20 กันยายน  2558  ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า   จังหวัดนครนายก  ที่พักอยู่บนเนินเขามองเห็นเขาชะโงก และพื้นที่โรงเรียนนายร้อยได้อย่างชัดเจน

กิจกรรมแต่ละครั้งมีสมาชิกเข้าร่วม 50-60 คน  แต่ครั้งนี้ก่อนหน้าจะจัดกิจกรรมมีฝนตกใหญ่ต่อเนื่องหลายวัน  ทำให้สมาชิกไม่สะดวกเข้าร่วมกิจกรรม โดยมีสมาชิกไปร่วมกิจกรรมประมาณ 30 คน  ซึ่งแม้สมาชิกลดลงแต่กิจกรรมยังเข้มข้นเหมือนเดิม

กิจกรรมช่วงเช้าคุณหมอจากโรงพยาบาลอภัยภูเบศร์ มาช่วยไขข้อข้องใจเรื่องออฟฟิศ ซินโดรม   คืออาการปวดเมื่อต้นคอ   หลัง  เอว  รวมทั้งสายตา   ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดจากการนั่งผิดท่า  คือนั่งหลังโกง  จุดที่วางจอคอมพิวเตอร์และแป้นพิมพ์สูงเกินไป   การวางมือไม่ถูกต้อง และการนั่งทำงานนานเป็นชั่วโมงโดยไม่มีการพักสายตา   คุณหมอมีภาพขึ้นหน้าจอปรับวิธีการนั่งทำงานให้ถูกต้อง   สมาชิกให้ความสนใจและยิงคำถามหมอราวกับสัมภาษณ์นายกฯ ลุงตู่กันเลยทีเดียว

นอกจากนี้คุณหมอยังมีทีมหมอนวดแผนไทยมาแนะนำการนวดเพื่อช่วยคลายอาการปวดเมื่อยตามจุดต่างๆ     พร้อมทั้งมอบหนังสือ “41 ท่า ศิลปะการนวดตนเองเพื่อสุขภาพ”  ให้แก่สมาชิกที่เข้าร่วมกิจกรรมไปฝึกนวดตัวเองด้วย   และก่อนจบรายการคุณหมอยังมีผลิตภัณฑ์ของอภัยภูเบศร์ให้เลือกซื้อหากันด้วย

หลังจากทานอาหารเที่ยงกันแล้วเป็นรายการออกภาคสนาม  โดยโรงเรียนนายร้อยได้จัดฐานกิจกรรมต่างๆ ไว้มากมาย   โดยเฉพาะฐานการฝึกใช้ความคิดและช่วยกันปฏิบัติเพื่อให้ภารกิจสัมฤทธิ์ผล  โดยเป็นเหตุการณ์สมมุติว่ามีระเบิดอยู่กลางวงกลม  ทุกคนต้องช่วยกันคิดว่าทำอย่างไรจึงจะเข้าไปหยิบระเบิดมาถอดสลักให้ได้ โดยห้ามแตะถูกเส้นรอบวงกลม  เหตุการณ์นี้สมาชิกสอบผ่านโดยหยิบระเบิดมาถอดสลักได้  ส่วนกรรมวิธีจะทำอย่างไร คงต้องขอให้ผู้อ่านไปพบเจอประสบการณ์นี้ช่วยคิดหาหนทางแก้ไขปัญหากันเอง

เหมือนดูหนังถ้าบอกตอนจบก่อนก็ดูหนังไม่สนุกกันพอดี

จากนั้นสมาชิกเข้าฐานยิงธนูมีครูสอนฝึกท่ายิงธนู  โดยครูย้ำว่าแค่ยืนถูกท่าโอกาสยิงเข้าเป้ามีแน่นอน  เมื่อลองปฏิบัติตามปรากฏว่าสมาชิกแปลงร่างเป็นโรบินฮู้ดยิงเข้าเป้าแทบทุกคน

ฐานถัดมาสมาชิกเช่าจักรยานขี่รอบบึง ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร   แม้จะมีแดดอยู่บ้าง แต่พื้นที่รอบบึงแวดล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ทำให้ไม่ร้อนเลย  สมาชิกขี่จักรยานกันไปแวะถ่ายรูปตามมุมที่สวยงามกันไป  ถึงอย่างนั้นสมาชิกก็ได้เหงื่อตามๆ กัน

ฐานสุดท้ายสมาชิกได้กระโดดหอที่ตัวเกี่ยวกับลวดสลิงลอยตัวข้ามน้ำไปได้ ทั้งขาไปและขากลับ  ทุกคนกลับที่พักได้โดยไม่มีชิ้นส่วนใดของร่างกายชำรุดแต่ประการใด

รอบค่ำ  เป็นการพูดคุยอย่างเป็นกันเองตามประสาพี่ๆ น้องๆ โดยผู้ดำเนินรายการ คุณกานต์  เหมสมิติขอให้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำข่าวของนักข่าวอาวุโส และนักข่าวรุ่นปัจจุบัน

นักข่าวอาวุโสที่เดินทางไปด้วย มีคุณคณิต  นันทวาณี  อดีตหัวหน้าข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์บ้านเมือง  คุณบุตรดา  ศรีเลิศชัย จากเดลินิวส์  คุณสวิชย์  บำรุงสุข  จากสยามรัฐ  รวมทั้งตัวผมเองก็เข้าข่ายนักข่าวอาวุโสด้วยเหมือนกัน  ซึ่งแต่ละคนเล่าประสบการณ์ทำข่าวในยุคก่อนให้ฟัง โดยเฉพาะคุณสวิชย์เล่าเรื่องการไปทำข่าวที่ซอยสวนพลูของท่านซือแป๋ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  ปราโมทย์ อย่างสนุกสนานเพราะนักข่าวรุ่นใหม่ๆ ก็อยากรู้เรื่องราวของอาจารย์คึกฤทธิ์เหมือนกัน

กิจกรรมเช้าวันรุ่งขึ้น   อาจารย์สุธีร์  พันคง   จาก  สุธีร์โยคะ  เป็นวิทยากร  โดยเบื้องต้นอาจารย์แนะนำเรื่องการหายใจที่ถูกต้อง ซึ่งจริงๆ ก็เป็นเรื่องน่าแปลกที่เราหายใจกันอยู่ทุกวัน  แต่ไม่รู้วิธีการหายใจที่ถูกต้อง  อาจารย์แนะนำให้ทุกคนหายใจเข้าให้เต็มปอด  ใช้นิ้วโป้งปิดรูจมูกขวา หายใจออก  จากนั้นใช้นิ้วนางปิดรูจมูกซ้าย หายใจเข้า  แล้วใช้นิ้วโป้งปิดรูจมูกขวา หายใจออก  ทำสลับกันไป 10 ครั้ง

การหายใจแบบนี้ทำให้เราหายใจได้ลึก  และหายใจออกช้าๆ  ช่วยให้ปอดมีพลังเพิ่มขึ้น  เป็นการขับพิษออกจากร่างกายได้อีกทางหนึ่ง  ทำให้ร่างกายสะอาด

จากนั้นจึงเริ่มสาธิตการทำโยคะโดยให้สมาชิกทำตาม   หลายๆ ท่าสมาชิกทำไม่ได้ เช่น การก้มตัวเอามือจับข้อเท้า  อาจารย์จะบอกว่า  “ร่ายกายเราทำได้ แต่จิตมันบอกว่าทำไม่ได้  อย่าไปเชื่อมัน  ขอให้ลองทำดูทุกวันๆ  ก็จะทำได้แน่นอน”

นอกจากเสียงอาจารย์พูดแล้ว  จะมีเสียงร้องโอดโอยเป็นระยะๆ เมื่ออาจารย์ช่วยจับหรือช่วยดัดตัวให้  เพราะความที่นักข่าวไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย หรือฝึกฝนร่างกายกันเลยมันจึงเป็นเรื่องที่สุดแสนจะทรมานในการดัดตน

โยคะครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ  2 ชั่วโมง  แต่ก็ทำเอาสมาชิกเหงื่อท่วมทั่วตัวราวกับไปวิ่งมา

หลังจากกลับไปอาบน้ำ และทานอาหารเช้าแล้ว  สมาชิกช่วยกันได้สรุปกิจกรรมในครั้งนี้  ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พิราบฟิตแอดน์เฟิร์ม  เป็นกิจกรรมที่ดีมาก  น่าเสียดายแทนสมาชิกที่ไม่ได้มา  ขอให้สมาคมนักข่าวฯ จัดกิจกรรมนี้ให้สมาชิกในปีต่อๆ ไป

ต่อมาสมาชิกโหวตเสียงเพื่อมอบรางวัลMiss&Mr. Fit and Firm โดยคัดจากนักข่าวที่มีสุขภาพดี  2 คน ได้แก่คุณพี่คณิต  นันทวาณี  และคุณบุตรดา  ศรีเลิศชัย

สมาชิกที่ได้รับคำชื่นชมมากที่สุดคือ คุณพี่คณิต  นันทวาณี  อดีตบรรณาธิการข่าวการเมืองหนังสือพิมพ์บ้านเมือง  พี่คณิตวัย 85 แล้ว สุขภาพดี  ร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บไม่ไข้   บอกเคล็ดลับว่าทุกวันนี้ถือได้ว่าเป็นนักข่าวหน้าจอ  คือจะติดตามข่าวทางโทรทัศน์ช่องต่างๆ ทุกวัน  กิจวัตรประจำวันคือนอนไม่เกิน 4 ทุ่ม พอตี 3 ตี 4 ก็ตื่นมาฟังวิทยุ ช่วงนี้จะมีพระชื่อดังพูดทางวิทยุหลายๆ องค์  ตอนเช้าได้ใส่บาตร  เดินออกกำลังกายในหมู่บ้าน  อยู่บ้านได้ทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ  ทำสวนครัวเล็กๆ ทำให้มีใบกะเพรา  ใบโหระพา กินทุกวัน

“งานข่าวถึงแม้จะไม่ได้ทำข่าวแล้ว  แต่ก็ยังติดตามข่าวทุกวัน เพราะเรารักงานข่าว  ไม่ทิ้งเรื่องของข่าวแน่  ก็แค่มีความสุขทุกวันกับการติดตามข่าว  ดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้ดี  เท่านี้ก็มีสุขภาพกายสุขภาพใจดีแล้ว”

การเข้าร่วมกิจกรรมมา  3 ครั้ง ทำให้ตัวเองตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพ  ได้บริหารร่างกายทุกเช้า  และจำคำที่อาจารย์สุธีกล่าวว่า  “ร่ายกายเราทำได้ แต่จิตมันบอกว่าทำไม่ได้  อย่าไปเชื่อมัน  ขอให้ลองทำดูทุกวันๆ  ก็จะทำได้แน่นอน”

อยากจะบอกอาจารย์ว่า “ตอนนี้ผมก้มตัวจับข้อเท้าได้สบายๆ เลยครับ”   ขอบคุณอาจารย์  ขอบคุณสมาคมนักข่าวฯ ที่รักและห่วงไยสุขภาพของสมาชิก

ปีนี้อยากให้สมาชิกร่วมกิจกรรม พิราบฟิตแอนด์เฟิร์มกันเยอะๆ สถานที่จัดกิจกรรมหากไม่เปลี่ยนแปลงน่าจะเป็นโรงเรียนเตรียมทหาร นครนายก  ที่นายทหารหญิงฝ่ายต้อนรับบอกว่า “ตัวโรงแรมอยู่บนเขา และสร้างเป็นอาคารสูงขึ้นไปอีก 4 ชั้น ทำให้เห็นทิวทัศน์ได้โดยรอบ”

แค่ไปยืนสูดอากาศอย่างเดียว  รับรองสุขภาพดีขึ้นทันตาเห็น”   เรื่องจริงครับไม่ได้โม้