6 เม.ย.59-บันทึกความเข้าใจ 2559 และผลการจัดสัมมนา”ความสัมพันธ์สื่อมวลชนไทย – ลาว” โดยสมาคมนักข่าวไทย – ลาว

 

สมาคมนักข่าวไทย - ลาว จัดสัมมนาร่วมสื่อมวลชน 2 ประเทศ เน้นกระชับความสัมพันธ์ เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกัน ด้านรองรัฐมนตรี สปป.ลาว ระบุเรื่องสังคมวัฒนธรรมเป็นสิ่งสำคัญ มุ่งส่งเสริมอาเซียนเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวจากนอกภูมิภาค และเพิ่มการเดินทางระหว่างกัน ขณะที่สื่อมวลชนอาวุโส และอดีตนายกสมาคมฯ ชื่นชม รัฐบาลเวียงจันทน์ สามารถแสดงบทบาทประธานอาเซียนได้อย่างเข้มแข็ง มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศที่ชาติสมาชิกควรเอาเป็นแบบอย่าง

 

เมื่อวันที่ 6 เม.ย.59 เวลา 10.00 น. สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าว สปป.ลาว ได้จัดสัมมนาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อ "ความสัมพันธ์สื่อมวลชนไทย - ลาว" เพื่อเป็นแนวทางในการเสริมสร้างความร่วมมือในระดับสื่อมวลชนของทั้ง 2 ประเทศ อันจะนำไปสู่การส่งเสริมความเข้าใจในระดับประชาชน และยังมีส่วนสนับสนุนบทบาทซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรอบภูมิภาคอาเซียน

 

โดยนายวันชัย วงศ์มีชัย นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ในระดับสื่อมวลชนไทยและลาวนั้นว่ามีความผูกพันแน่นแฟ้นกันมาหลายสิบปีแล้ว ซึ่งผู้บริหารสมาคมวิชาชีพสื่อมวลชนทั้งสองประเทศต่างเห็นพ้องที่จะส่งเสริมการทำงานอย่างสร้างสรรค์ร่วมกันด้วย ถึงแม้สื่อมวลชนทั้งสองประเทศจะผูกพันกันมาช้านาน แต่ก็ยังมีความไม่เข้าใจบางประการที่อาจจะนำไปสู่การเผยแพร่ข่าวที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ ดังนั้น จึงได้พยายามเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี และความเข้าใจระหว่างกันให้เหนียวแน่นยิ่งขึ้น

ขณะที่ ท่านสะหวันคอน ราชมนตรี รองรัฐมนตรีกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว และประธานสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ สปป.ลาว กล่าวว่า รู้สึกยินดีอย่างมากที่ได้มาเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยในส่วนตนนั้นเห็นว่า ไทยและลาวเองก็เป็นมิตรประเทศใกล้ชิดอยู่แล้ว ซึ่งสื่อมวลชนเองก็มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน

 

พร้อมกันนี้ ในโอกาสที่ สปป.ลาว ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ซึ่งตลอดปี 2559 นี้ จะมีการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (ASEAN Summit) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง รองรัฐมนตรีกระทรวงแถลงข่าวฯ สปป.ลาว ได้ขอให้สื่อมวลชนไทย ร่วมมือกับสื่อมวลชนลาว ในการเผยแพร่ข้อมูล และผลสัมฤทธิ์ของการประชุมออกสู่สาธารณชนได้รับทราบต่อไป

 

ท่านสะหวันคอนยังได้กล่าวถึง สิ่งที่ สปป.ลาวได้ให้ความสำคัญในวาระการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนปีนี้ว่า ด้วยชาติอาเซียนต่างมีจุดแข็งในเรื่องมีวัฒนธรรม มีความศิวิไลซ์ร่วมกัน จึงพยายามสร้างอาเซียนให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเพื่อจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากภูมิภาค และเพิ่มการท่องเที่ยวระหว่างกันเองในภูมิภาคด้วย

ด้าน นายกวี จงกิจถาวร สื่อมวลชนอาวุโส ที่ปรึกษา และอดีตนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่าการเป็นประธานอาเซียนของ สปป.ลาวในปีนี้ เป็นช่วงเวลาสำคัญเพราะสถานการณ์ของโลก และภูมิภาคกำลังเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการแข่งขันการเข้ามามีอิทธิพลของมหาอำนาจอย่างจีน กับสหรัฐฯ ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา สปป.ลาว ก็ได้แสดงบทบาทประธานอาเซียนได้อย่างน่าชื่นชม ไม่ว่าจะเป็นการออกแถลงการณ์ต่อกรณีคาบสมุทรเกาหลี ความพยายามแก้ไขข้อพิพาททะเลจีนใต้ และความตั้งใจที่จะปฏิบัติตามกฏบัตรอาเซียน

 

นายกวียังได้กล่าวชื่นชมวิสัยทัศน์ 2030 ที่ประกาศออกมาในช่วงการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเสริมสร้างเสถียรภาพความมั่นคงทางการเมือง และสังคม หรือการตั้งเป้าว่าจะหลุดพ้นการเป็นประเทศยากจนขึ้นเป็นประเทศรายได้ระดับกลางในปี 2020 ซึ่งการเปลี่ยนผ่านของลาวในเรื่องนี้จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ชาติอาเซียนอื่นๆ หรือแม้แต่การให้ความสำคัญแก่การพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเรื่องนี้แม้แต่ประเทศไทยเองก็ยังต้องดูลาวเป็นตัวอย่าง

 

ทั้งนี้ หลังจากเสร็จสิ้นการสัมมนาร่วมนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และประธานสมาคมนักข่าว สปป.ลาว ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วม เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ และความร่วมมือระหว่างกันด้วย

อนึ่ง การสัมมนาร่วมในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการแลกเปลี่ยนการเยี่ยมเยือนระหว่างกันของสมาคมวิชาชีพสื่อมวลชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งนอกจากประธานสมาคมนักข่าว สปป.ลาว ที่เดินทางมาด้วยตนเองแล้ว ยังมีกรรมการบริหาร และสมาชิกระดับสูงของสมาคมนักข่าว สปป.ลาว ร่วมคณะมาอีก 6 ท่าน

 

Download Pressrelease