ไขคำตอบ เครือผู้จัดการ ยามไร้”สนธิ”ผู้ก่อตั้ง จะเป็นอย่างไรต่อไป ในธุรกิจสื่อ?

 

ไขคำตอบ เครือผู้จัดการ

ยามไร้”สนธิ”ผู้ก่อตั้ง

จะเป็นอย่างไรต่อไป ในธุรกิจสื่อ?

ไม่ใช่แค่คนในแวดวงสื่อสารมวลชนแต่หลายคนก็สงสัยและตั้งคำถามกันมากถึง อนาคตและทิศทางของสื่อในเครือผู้จัดการ ที่มีสื่อในเครือเช่น หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน-นิตยสารผู้จัดการสุดสัปดาห์-เว็บไซด์ MGR online –นิตยสาร Mars จะเป็นอย่างไร หลังไร้แม่ทัพใหญ่  “สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อและหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ ”ที่อยู่ระหว่างการรับโทษตามคำพิพากษาของศาลฏีกาเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

“กองบก.จุลสารราชดำเนิน”ส่งทีมงานไปสำนักงานบ้านพระอาทิตย์ ฐานที่มั่นใหญ่ของสื่อเครือผู้จัดการ เพื่อพูดคุยกับ “จิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือผู้จัดการ

“จิตตนาถ” ระบุว่า ทิศทางข่าวของสื่อเครือผู้จัดการต่อจากนี้ จะแซ่บส์มากขึ้น และเล่าให้ฟังถึงสถานการณ์ของบริษัทหลังเปลี่ยนตัวแม่ทัพใหญ่ จากบิดา มาเป็นตัวเขาว่า ในส่วนพนักงานก็ไม่ค่อยเท่าไหร่และหลายคนก็เข้าใจว่า ต้องก้าวไปอีกขึ้นหนึ่ง ต่อยอดไปอีกขั้นหนึ่ง ถ้าใครมีอาชีพอื่นๆ หรือว่าทำไม่ไหวแล้ว กับรายได้ตรงนี้ แล้วออกไปแล้วอยู่ได้ดี ผมก็ว่าดี ผมเอาใจช่วยด้วย

..ส่วนใครที่อยู่ทำงานต่อ แน่นอว่า แสดงว่าคุณเห็นอนาคตร่วมกับเราอยู่ ก็กัดฟันด้วยกันอีกสักตั้ง เพราะว่าก็จนมาด้วยกันหลายปีแล้ว ก็จนกันต่อไป แต่ก็ต้องมีวันหนึ่งที่เราปรับตัวให้มันได้ขึ้นมา แต่ขั้นแรก เราต้องยอมรับความจริงก่อนว่าธุรกิจเราเป็นอย่างไร ไม่ใช่ไปบอกว่าสื่อของเราแข็งแรง คนดูเยอะ แล้วปรากฏว่า ไม่เคยมีข่าวอะไรออกมาก่อน แต่จู่ๆ มีข่าวว่า เครือต่างๆ  เลย์ออฟ

..อย่างถามว่าลูกน้องมาคาดหวังอะไรกับที่นี่ ไม่มีใครคาดหวังอะไรอยู่แล้ว เพราะปัจจุบัน ก็มีกินบ้างไม่มีกินบ้าง แล้วมันก็เป็นไปพร้อมกับสื่อทุกสื่อ ความคาดหวัง ความกดดันในตัวผมไม่ได้มีเลยแม้แต่นิดเดียว

“ก็มีน้อยก็กินน้อย มีมากก็กินเต็มที่ อยากอยู่ก็อยู่ ไม่อยากอยู่ก็ไม่ต้องอยู่ ก็คือแก้ไขปัญหาในความเป็นจริง แต่เราก็ต้องปรับตัวเรา ก็ใช้การปรับตัว คนไหนบอกอยู่ไม่ได้ ก็อยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ ก็ดี เราก็จะได้มีเงินไปให้คนที่เขาต้องอยู่จริงๆ “

ซีอีโอเครือผู้จัดการ”ย้ำว่า ถึงตอนนี้ ไม่มีอะไรจะเสีย มันมาถึงจุดที่มันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ก็เลยไม่มีแรงกดดัน ถ้าผมมีอะไรที่จะต้องเสียเช่น ทรัพย์สิน ชื่อเสียง อะไรต่างๆ ก็ว่าไปอย่าง แต่ผมไม่มีอะไรจะเสีย เพราะผมผ่านทุกอย่างมาหมดแล้ว กลับกลายเป็นเรื่องดีด้วยที่เราจะได้ปรับตัวเอง ก้าวไปสู่ยุคใหม่ คือตอนนี้มันก็เป็นการเปลี่ยนผ่าน จากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งเท่านั้น

“จิตตนาถ”ยังได้พูดถึงสถานการณ์การแข่งขันของเว็บข่าวออนไลน์ ที่กำลังแข่งขันกันอย่างเข้มข้นในเวลานี้ โดยได้พูดถึงการที่เว็บผู้จัดการ จากที่เคยเป็นผู้นำด้านเรตติ้ง จำนวนคนเข้าชมมากที่สุดหลายปีติดต่อกัน แต่วันนี้หล่นมาอยู่อันดับสาม รวมถึงการประเมินแนวโน้มการแข่งขันของข่าวออนไลน์ไว้ว่า  การแข่งขันในส่วนของข่าวออนไลน์ คิดว่าสุดท้ายแล้ว สำนักข่าวหลักๆ อยู่ได้หมด พวกเพจหรือเว็บที่เกิดขึ้นมาใหม่ ในที่สุด เขาจะไม่สามารถยืนระยะได้ เราจะเห็นจากหลายเพจเลย ยืนระยะไม่ได้ จากปัจจัยเช่น สปอนเซอร์ คือข่าวอาจจะเร็ว อาจจะหลากหลาย แต่เวลาคนจะเช็คอีกรอบ คนจะกลับมาเช็คที่เว็บข่าวหลักหมด เหมือนกับฝุ่นมันหายตลบ มันก็เริ่มรู้แล้วว่า ตัวหลักคือส่วนที่ต้องคอยดูอยู่  ดูแล้ว เว็บหลัก ๆก็จะอยู่ได้ แต่พวกที่มาแล้วไม่เข้มแข็ง ก็จะค่อย ๆล้มหายตายจากไป

และขณะที่ผู้คนรวมถึงคนในแวดวงสื่อ มองว่า ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์เช่น หนังสือพิมพ์ –นิตยสาร กำลังนับถอยหลังรอวันปิดฉาก แต่ ซีอีโอเครือผู้จัดการ กลับเห็นตรงกันข้าม

...ไม่ว่าสื่ออินเตอร์เน็ตจะไปขนาดไหน แต่สุดท้าย คนก็ยังเชื่อถือสื่อสิ่งพิมพ์ เพราะสื่อสิ่งพิมพ์เป็นตัวสุดท้ายที่ได้กรองออกมาแล้วว่า แหล่ง ข่าวมันถูกต้อง มันใช่ แม้จะมีเรื่องเสนออยู่ในอินเตอร์เน็ต แต่ไม่ได้การันตีว่า ทุกคนจะพบเห็น คืออาจจะดูหรืออาจไม่ได้ดูก็ได้ แต่คนจะไปซื้อหนังสือพิมพ์ นิตยสารรายสัปดาห์เก็บไว้ดู

“ผมจึงมองว่าตลาดสื่อสิ่งพิมพ์ยังอยู่ได้ ยังเป็นที่ต้องการ ก็จะอยู่ได้จนถึงจุดหนึ่ง และเป็นจุดที่เจ้าของธุรกิจก็ต้องปรับตัว ปรับต้นทุน ปรับวิธีการทำงานให้มันสอดคล้องกับยอดขาย”

และอีกหลายเรื่องราว ในบทสนทนา อาทิกับคำถามที่ว่า ในยุคที่เป็นซีอีโอ ให้คำยืนยันว่าธุรกิจสื่อในเครือจะยังอยู่ครบหมด ไม่มีล้ม ไม่หายไป หรือจะมีสื่อในเครือเพิ่มขึ้นไหม?

โดย เขาตอบว่า ไม่ล้ม ไม่หายไป อันนี้ ไม่รู้ ก็จะทำเท่าที่ทำไหว ผมเป็นคนยอมรับความจริง เราก็ต้องปรับตัวให้เราอยู่ไหว ในสภาวะแบบนี้ให้ได้ แต่ตัวอุดมการณ์และวิธีการทำงาน เราก็ต้องปรับให้มันร่วมสมัยและเป็นของภาคประชาชน

“จะมาบอกว่าผู้จัดการไม่มีวันล้ม มันเป็นไปไม่ได้ ถึงวันที่มันจะล้ม มันก็จะล้ม ก็เหมือนกับคุณสนธิ ถึงวันที่ต้องเดินเข้าคุก ก็เดินเข้าคุกอย่างสง่า สื่อด้วยกันเองก็ชม ผู้จัดการเอง ถึงวันที่ถ้ามันมีตัวไหน ที่ถึงจุดหนึ่งที่เราไม่ไหว ไม่ไหวก็คือไม่ไหว แล้วไง ไม่ไหวก็คือไม่ไหว  คือเหมือนเราต่อยมวย ต่อยแล้วเราชนะใจคนดู พอแล้ว แพ้คะแนน แพ้อะไรทางธุรกิจอะไรช่างมัน แต่เราถือว่าเราต่อยแล้ว เราชนะ มาถึงจุดสูงสุดของสื่อแล้ว”

อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มและอีกหลายเรื่องราวที่น่าสนใจใน จุลสารราชดำเนินฉบับล่าสุด  ได้ในลิงค์นี้http://www.tja.or.th/tjadocs/tjabook/rajdamnern2559/591216-RDN32-proof%202.pdf