อารมณ์ขัน สไตล์ยาขอบ
โชติ แพร่พันธ์ ใช้นามแฝงว่า "ยาขอบ" เกิดเมื่อ 15 พฤษภาคม 2450 เป็นบุตรของเจ้าอินแปง เทพวงศ์ เชื้อสายเจ้าเมืองแพร่ มารดาชื่อจ้อย เป็นต้นห้องของหม่อมเฉื่อย ในสมเด็จพระบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ชื่อโชติ นามสกุลแพร่พันธ์ สมเด็จกรมพระยาดำรงฯทรงตั้งประทานให้
โชติ แพร่พันธ์ เข้าเรียนที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ แต่โดยที่มีนิสัยดื้อดึง ใจร้อน และไม่กลัวคน จึงมีเหตุให้ต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมปีที่ 4 แล้วเร่ร่อนใช้ชีวิตตามลำพัง จนได้รับการอุปถัมภ์จากพระยาพิทักษ์ภูบาลอยู่ระยะหนึ่ง กระทั่งถึงยุคเศรษฐกิจตกต่ำ โชติต้องกลับมาเร่ร่อนอีกครั้งหนึ่ง จนมีโอกาสได้เข้าสู่วงการหนังสือพิมพ์ โดยไม่ได้คาดคิดมาก่อน เนื่องด้วยต้องออกจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ ครูถนิม เลาหะวิไล ได้แนะนำให้ทำงานกับหนังสือพิมพ์ สยามรีวิว ซึ่งครูถนิมเป็นเจ้าของและบรรณาธิการ จนต้องปิดตัวลง ครูถนิมก็ฝากไปทำงานกับหนังสือพิมพ์ ธงไท ของนายเฉวียง เศวตะทัต แต่ก็ยังมีการติดต่อกับนักเขียนที่เป็นเพื่อนเก่าจากเทพศิรินทร์อยู่เสมอ
ในปี 2472 กุหลาบ สายประดิษฐ์ ผู้เป็นศิษย์เก่าเทพศิรินทร์คนหนึ่ง จัดตั้งคณะสุภาพบุรุษ ออกหนังสือสุภาพบุรุษ รายปักษ์ คราวนั้นงฃ อบไชยวสุ ซึ่งเป็นนักเขียนตลกประจำฉบับ ส่งต้นฉบับไม่ทัน กุหลาบเห็นว่าโชติเป็นคนมีอารมณ์ขัน และมีนิสัยสนุกสนาน จึงขอให้เขียนแทน โดยตั้งนามปากกาให้ว่า ยาขอบ เลียนแบบจากักเขียนเรื่องตลกชาวอังกฤษ ชื่อ เจ.ดับบลิว. ยาค็อบ ทำให้เกิดงานประพันธ์ชิ้นแรกในนาม ยาขอบ ชื่อ จดหมายเจ้าแก้ว
ปี 2474 โชติ แพร่พันธ์ ได้เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์สุริยารายวัน และเริ่มเขียนนิยายเรื่อง ยอดขุนพล จากพงศาวดารที่มีความยาวเพียง 8 บรรทัด แต่หนังสือพิมพ์สุริยามีอายุไม่ยืน เมื่อกุหลาบ สายประดิษฐ์ ไปทำหนังสือพิมพ์ประชาชาติ
ในปี 2475 จึงเขียนเรื่อง ยอดขุนพล ต่อ แต่คราวนี้ มาลัย ชูพินิจ เปลี่ยนชื่อให้ใหม่เป็น ผู้ชนะสิบทิศ โชติ แพร่พันธ์ เป็นคนที่พิถีพิถันในงานเขียน จะเขียนด้วยหมึกสีน้ำเงินบนกระดาษสีม่วง มุมกระดาษทุกแผ่นต้องมีลายเซ็น เขาถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2499 ขณะอายุ 48 ปี ด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง และเบาหวาน
ปี 2491-2492 โชติ แพร่พันธ์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย 2 สมัย ก่อนหน้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารของสมาคมฯมาโดยตลอด