ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำคุกคนละ 3 ปี แกนนำม็อบรักทักษิณ กรณีปิดล้อมอาคารเนชั่นทาวเวอร์ ที่ตั้งสนง. นสพ.คมชัดลึก เมื่อปี2549

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำคุกคนละ 3 ปี แกนนำม็อบรักทักษิณ กรณีปิดล้อมอาคารเนชั่นทาวเวอร์ ที่ตั้งสนง. นสพ.คมชัดลึก เมื่อปี2549

 

ศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยืนให้จำคุกคนละ 3 ปี ปรับ 180 บาท นายคำตา แคนบุญจันทร์ อดีตแกนนำสมัชชาเกษตรกรรายย่อยภาคอีสาน (สกยอ.), นายอรรถฤทธิ์ สิงห์ลอ เลขาธิการคาราวานคนจน,นายชูพงษ์ ถี่ถ้วน,นายธนวิชญ์ ปาละกะวงศ์ ณ อยุธยา แกนนำร่วมคาราวานคนจน,นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายกสมาคมพิทักษ์ผลประโยชน์ผู้ขับรถแท็กซี่ที่กรุงเทพฯ และนายสำเริง อดิษะ แกนนำร่วมคาราวานคนจน ซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1-6

 

จำเลยทั้งหมดถูกยื่นฟ้องความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ และทรัพย์สิน หรือใช้กำลังประทุษร้ายให้จำยอมกระทำสิ่งใด โดยร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปกระทำความผิด, กักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เพื่อให้ผู้อื่นกระทำการใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309,310 ทวิ ประกอบมาตรา 83 และ 91 และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องกระจายเสียง พ.ศ.2493 กรณีปิดล้อมอาคารเนชั่นทาวเวอร์ โดยได้นำมวลชน 1,000 -1,300 คนมาร่วมเมื่อวันที่ 30 มี.ค.49

 

จากกรณีที่จำเลยอ้างว่า น.ส.พ.คมชัดลึก ได้นำเสนอ คำปราศรัยของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่าหมิ่นเบื้องสูงและขอให้ผู้บริหาร น.ส.พ.คมชัดลึก นำผู้สื่อข่าวมายืนยัน

 

อย่างไรก็ตามในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นคำให้การของจำเลยเป็นประโชน์ต่อการพิจารณาคดีอยู่บ้างจึงเห็นควรลดโทษเหลือคนละ 2 ปี แต่ให้คงโทษปรับจำเลยที่ 1 , 3 ,4 และ 6 คนละ 180 บาท จำเลยที่ 2 และ 5 ปรับคนละ120 บาท

 

ทั้งนี้สำหรับนายคำตาได้เสียชีวิตจากมะเร็งปอดเมื่อเดือน ก.ย. 2555 ศาลจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีของนายคำตาออกจากสรบบความไปแล้วตั้งแต่เดือน ต.ค. 2556 ในชั้นพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ จึงเหลือเพียงจำเลยที่ 2-6 แต่ในการนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา ปรากฏว่าจำเลยที่ 2-3 และ 5-6 ไม่ได้เดินทางมาโดยไม่แจ้งเหตุศาลจึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับเพื่อนำตัวมาฟังคำพิพากษา และวันนี้ยังคงมีเพียงนายชนะวิทย์ จำเลยทมี่ 4 ที่มาฟังคำพิพากษาเท่านั้น ส่วนจำเลย ที่ 2-3 และ 5-6 ยังไม่มาและไม่ได้มอบหมายทนายความมาแจ้งเหตุศาลจึงได้อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย ส่วนนายชนะวิทย์ที่ศาลพิพากษายืนให้จำคุก 2 ปี ดดยไม่รอลงอาญาก็ได้มอบหมายให้ทนายความยื่นหลักทรัพย์ 1.5 แสนบาทเพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราวในการต่อสู้ในชั้นฎีกา ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล