หมวด ๑ ข้อความทั่วไป
ข้อ ๑. สมาคมนี้มีชื่อว่า "สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย" ใช้ชื่อย่อว่า "สขนท." เรียกชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า " Thai Journalists Association " และใช้ชื่อย่อภาษาอังกฤษว่า " TJA "
ข้อ ๒. เครื่องหมายของสมาคมเป็นรูปนกพิราบและปากกา มีข้อความชื่อสมาคมเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษล้อม
ข้อ ๓. สำนักงานของสมาคมตั้งอยู่ ณ อาคารเลขที่ ๕๓๘/๑ ถนนสามเสน แขวงวชิระ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
ข้อ ๔. ข้อบังคับนี้แก้ไขเพิ่มเติมเมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเป็นต้นไป (๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓)
หมวด ๒ วัตถุประสงค์
ข้อ ๕. สมาคมนี้มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
(๑) ปกป้องคุ้มครองสมาชิกของสมาคมผู้ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ
(๒) ส่งเสริมและสนับสนุนการประกอบวิชาชีพนักข่าวและนักหนังสือพิมพ์ให้มีเสรีภาพในการแสวงหาข้อมูลข่าวสาร การพิมพ์ การโฆษณา และการแสดงออก ส่งเสริมสิทธิการรับรู้ของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย
(๓) ผดุงไว้ซึ่งมาตรฐานอันดีงามของสมาชิกโดยให้ยึดจริยธรรมแห่งวิชาชีพและความรับผิดชอบเป็นหลักปฏิบัติอันสำคัญยิ่ง
(๔) ส่งเสริมสวัสดิการและความสามัคคีระหว่างสมาชิก ส่งเสริมการทำตนให้เป็นประโยชน์ ส่งเสริมการบำเพ็ญสาธารณกุศล ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างเพื่อนร่วมวิชาชีพทั้งภายในและนอกประเทศ
(๕) ส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างชนในชาติ ความเข้า ใจอันดีระหว่างประเทศ เพื่อยังสันติสุข ภราดรภาพ ความเคารพในสิทธิมนุษยชน ตลอดจนความอยู่ดีกินดีให้เกิดขึ้นในโลก
หมวด ๓ ประเภทและคุณสมบัติของสมาชิก
ข้อ ๖. สมาชิกแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ
ก. สมาชิกสามัญ ได้แก่
(๑) ผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์มาแล้วไม่น้อยกว่าสองปี มีตำแหน่งและรายได้ประจำ ทำงานอยู่ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่เสนอข่าวสารเป็นสาระสำคัญและพิมพ์ออกจำหน่ายต่อสาธารณชนเป็นประจำสม่ำเสมอ
(๒) ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนในสำนักข่าวออนไลน์มาแล้วไม่น้อยกว่าสองปี มีตำแหน่งและรายได้ประจำ ทำงานอยู่ในกองบรรณาธิการข่าวออนไลน์ที่เสนอข่าวสารเป็นสาระสำคัญ และเผยแพร่ต่อสาธารณชนเป็นประจำสม่ำเสมอ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
ข. วิสามัญสมาชิก ได้แก่
(๑) ผู้เคยมีคุณสมบัติตามข้อ ก. และได้พ้นตำแหน่งหน้าที่มาแล้วโดยไม่เคยถูกลงโทษด้วยการภาคทัณฑ์ ให้ออก ปลดออกหรือไล่ออก หรือถูกวินิจฉัยโดยองค์กรวิชาชีพว่าประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพ
(๒) ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนในฝ่ายข่าวของสถานีวิทยุกระจายเสียง หรือ สถานีวิทยุโทรทัศน์ ที่เสนอข่าวต่อสาธารณชนสม่ำเสมอตามที่คณะกรรมการบริหารเห็นสมควร และมีคุณสมบัติอื่นเหมือนสมาชิกสามัญโดยอนุโลม
หมวด ๔ หน้าที่และสิทธิของสมาชิก
ข้อ ๗. สมาชิกมีหน้าที่รักษาผลประโยชน์และเกียรติคุณของสมาคมกับต้องสนับสนุนช่วยเหลือกิจกรรมของสมาคม ชำระค่าบำรุงและค่าธรรมเนียมอื่น ตามที่คณะกรรมการบริหารสมาคมกำหนด ปฏิบัติตามหลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพและปฏิบัติตามข้อบังคับหรือระเบียบของสมาคมทุกประการ
ข้อ ๘. สมาชิกมีสิทธิ
(๑) เข้าร่วมประชุมและใช้สถานที่ของสมาคมตามระเบียบที่สมาคมกำหนด
(๒) ประดับเครื่องหมายของสมาคมในโอกาสอันควร
(๓) เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมของสมาคม
(๔) ตรวจดูรายงานการประชุมของคณะกรรมการบริหารและบัญชีงบดุลของสมาคม
(๕) ได้รับสวัสดิการและบริการต่าง ๆ ที่สมาคมจัดขึ้น ทั้งนี้เป็นไปตามระเบียบที่สมาคมกำหนด
ข้อ ๙. สามัญสมาชิกมีสิทธิ
(๑) เลือกและรับเลือกตั้งเป็นนายกและกรรมการบริหารสมาคม
(๒) สมาชิกที่ได้ชำระค่าบำรุงติดต่อกันไม่ต่ำกว่าสามปี เข้าชื่อกันจำนวนไม่น้อยกว่าห้าสิบคนให้คณะกรรมการบริหารจัดประชุมใหญ่วิสามัญโดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อคณะกรรมการบริหาร และในหนังสือนั้นจะต้องระบุ
ด้วยว่าจะให้ประชุมพิจารณาญัตติเรื่องใด เมื่อคณะกรรมการบริหารได้รับหนังสือแล้ว ให้ตรวจสอบความถูกถ้วน แล้วดำเนินการตามคำร้องขอภายในกำหนดสามสิบวัน นับแต่วันได้รับคำร้องขอ
หมวด ๕ สมาชิกภาพ
ข้อ ๑๐. ผู้ประสงค์สมัครเป็นสมาชิกให้ยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมต่อเลขาธิการ เมื่อเลขาธิการได้รับใบสมัครแล้วให้ตรวจสอบคุณสมบัติและความถูกถ้วนก่อนเสนอต่อคณะกรรมการบริหารพิจารณาในการประชุมคราวถัดไป
หากเลขาธิการเห็นว่าไม่สมควรรับผู้ใดเข้าเป็นสมาชิกให้แจ้งให้ผู้นั้นทราบโดยไม่ชักช้า และให้ผู้นั้นมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อนายกสมาคมภายในกำหนดเวลาสิบห้าวัน นับแต่วันที่ได้รับคำปฏิเสธและให้นายกสมาคมนำเรื่องเข้าหารือในการประชุมคณะกรรมการบริหารในคราวถัดไป
มติในการรับสมาชิกจะต้องเป็นเอกฉันท์
เมื่อคณะกรรมการบริหารมีมติรับผู้ใดเป็นสมาชิกแล้ว ให้ผู้นั้นไปแสดงตัวต่อที่ประชุมใหญ่ของสมาคมตาม ข้อ ๒๙ พร้อมทั้งนำเงินค่าสมัครและค่าบำรุงมาชำระให้เสร็จสิ้น จึงจะมีผลให้ผู้นั้นเป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์
ในกรณีที่ผู้สมัครสมาชิกมาแสดงตัวต่อคณะกรรมการบริหาร และคณะกรรมการบริหารมีมติให้รับเป็นสมาชิกแล้ว ผู้สมัครสมาชิก จะได้รับสิทธิในการมาแสดงตนต่อที่ประชุมใหญ่ภายในระยะเวลา ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่มาแสดงตนต่อคณะกรรมการบริหารเพื่อให้ได้รับสิทธิการเป็นสมาชิกที่สมบูรณ์ แต่หากผู้สมัครสมาชิกไม่ได้แสดงตนต่อ คณะกรรมการบริหารและคณะกรรมการบริหารมีมติให้รับเป็นสมาชิกแล้ว ผู้สมัครสมาชิกยังคงมีสิทธิมาแสดงตนต่อที่ประชุมใหญ่ในคราวประชุมถัดไป
ข้อ ๑๑. สมาชิกภาพย่อมสิ้นสุดลงเมื่อ
(๑) ตาย หรือสาบสูญตามคำสั่งของศาล
(๒) ลาออก โดยยื่นหนังสือลาออกต่อเลขาธิการ และเลขาธิการได้รับหนังสือนั้นแล้ว
(๓) เป็นบุคคลไร้ความสามารถ เสมือนไร้ความสามารถ หรือเป็นบุคคลล้มละลายตามคำสั่งศาล
(๔) ถูกลบชื่อออกจากทะเบียน ตามข้อ ๑๒
ข้อ ๑๒. สมาชิกอาจถูกลบชื่อออกจากทะเบียนด้วยเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
(๑) ละเมิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพ และสมาคมนี้ หรือสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน จนปรากฎความผิดชัดแจ้งปราศจากข้อสงสัยแล้ว
(๒) ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เหตุที่ให้ต้องจำคุกนั้นเป็นความผิดอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับวิชาชีพโดยชอบ ความผิดลหุโทษ หรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท
(๓) ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของสมาคม หรือประพฤติตนเป็นที่เสื่อมเสียแก่เกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพหรือกระทำการให้แตกสามัคคีในหมู่เพื่อร่วมวิชาชีพ
(๔) ไม่ชำระค่าบำรุงติดต่อกันตั้งแต่สามปีขึ้นไป
ข้อ ๑๓. กระบวนการลบชื่อสมาชิกออกจากทะเบียน ให้เสนอเป็นญัตติโดยกรรมการบริหารจำนวนไม่น้อยกว่า ห้าคน หรือโดยสมาชิกสามัญที่ได้ชำระค่าบำรุงติดต่อกันไม่ต่ำกว่า สามปี จำนวนไม่น้อยกว่า สิบห้าคน ต่อคณะกรรมการบริหาร
การลงมติให้ลบชื่อให้ลงคะแนนลับ และต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการบริหารทั้งหมด แต่ก่อนที่จะลงมติต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อคณะกรรมการบริหารเว้นแต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่มาชี้แจงโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องอันสมควร
หมวด ๖ การบริหารสมาคม
ข้อ ๑๔. ให้มีกรรมการบริหารคณะหนึ่งจำนวนไม่น้อยกว่า เก้าคน แต่ไม่เกิน สิบห้าคน ประกอบด้วย นายกสมาคมคนหนึ่ง อุปนายกสมาคมจำนวนตามความจำเป็น เลขาธิการ เหรัญญิก และนายทะเบียน ตำแหน่งละหนึ่งคน กับกรรมการเจ้าหน้าที่อื่นตามที่เห็นสมควร
หากคณะกรรมการบริหารเหลือไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนคณะกรรมการบริหารพึงมีตามวรรคหนึ่ง ให้กรรมการบริหารสิ้นสภาพทั้งคณะและให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารใหม่ทั้งหมด
ข้อ ๑๕. กรรมการบริหารพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
ก. ถึงคราวออกตามวาระ
ข. ตายหรือสาบสูญตามคำสั่งของศาล
ค. ลาออกโดยยื่นหนังสือต่อนายกสมาคมและนายกสมาคมได้รับหนังสือนั้นแล้ว
ง. ขาดจากสมาชิกภาพตาม ข้อ ๑๑
จ. ขาดประชุมคณะกรรมการบริหารสามครั้ง ติดต่อกันโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้นายกสมาคมทราบ
ข้อ ๑๖. คณะกรรมการบริหารมีหน้าที่และอำนาจดังต่อไปนี้
ก. บริหารกิจการตามวัตถุประสงค์และข้อบังคับของสมาคม
ข. วางระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆ เพื่อดำเนินการตาม ข้อ ก. โดยไม่ขัดกับข้อบังคับนี้
ค. กำหนดตำแหน่งกรรมการเจ้าหน้าที่ตาม ข้อ ๑๔ วรรคหนึ่ง และตั้งอนุกรรมการเพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งของสมาคม
ง. แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้มีเกียรติคุณเป็นที่ปรึกษาสมาคม โดยให้ที่ปรึกษาเข้าร่วมและออกความเห็นในการประชุม แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน
ข้อ ๑๗. กรรมการบริหารอยู่ในตำแหน่งสมัยละ ยี่สิบสี่เดือน เริ่มต้นและสิ้นสุดในวันประชุมใหญ่สามัญประจำปี ทั้งนี้ จำนวนสมัยที่ดำรงตำแหน่งให้เป็นไปตามตามข้อ ๒๓
ในระหว่างที่คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ยังไม่ได้รับตำแหน่งให้คณะกรรมการบริหารชุดเดิมปฏิบัติหน้าที่อันเป็นงานปกติไปพลางก่อน
ข้อ ๑๘. คณะกรรมการบริหารต้องประชุมอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง
ในการประชุมต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงถือเป็นองค์ประชุม
ให้นายกสมาคมเป็นประธานในที่ประชุม ถ้านายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้อุปนายกสมาคมเป็นประธานที่ประชุม และถ้าอุปนายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
ข้อ ๑๙. นายกสมาคม เป็นผู้แทนสมาคมในการติดต่อกับบุคคลภายนอก
นายกสมาคมมีหน้าที่อำนวยการบริหารกิจการของสมาคมให้เป็นไปตามข้อบังคับและวัตถุประสงค์ของสมาคม
อุปนายกสมาคม เป็นผู้ช่วยเหลือนายกสมาคม ทำการแทนเมื่อนายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือปฏิบัติงานตามที่นายกสมาคมมอบหมาย
เลขาธิการ มีหน้าที่เป็นผู้นัดประชุมคณะกรรมการบริหาร นัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี นัดประชุมใหญ่อื่น ๆ บันทึกการประชุม ดูแลรักษาเอกสารอื่นรวมทั้งทรัพย์สินต่าง ๆ ของสมาคม ติดต่อกับสมาชิกและปฏิบัติหน้าที่อย่างอื่นที่มิได้กำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้ใดผู้หนึ่งโดยเฉพาะ นอกจากนี้ ยังมีหน้าที่ควบคุมดูแลจัดการกิจการของสมาคม ควบคุมพนักงานเจ้าหน้าที่ของสมาคม แต่การรับบุคคลเข้าทำงาน หรือให้ออกจากงาน เลขาธิการจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริหาร
เหรัญญิก มีหน้าที่เก็บรักษาเงิน ทำบัญชี, งบดุล และดูแลผลประโยชน์อันเกี่ยวเนื่องกับเงินและทรัพย์สินอื่นของสมาคม
นายทะเบียน มีหน้าที่จัดทำและเก็บรักษาไว้ซึ่งทะเบียนของสมาชิกให้ตรงตามความเป็นจริง
ข้อ ๒๐. เงินรายได้ทั้งหมดของสมาคมให้ฝากไว้ที่ธนาคารที่มีความมั่นคง หรือซื้อตราสารทางการเงินที่ออกหรือรับรองโดยรัฐบาล ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการบริหาร
การเบิกจ่ายเงินของสมาคมให้นายกสมาคม เลขาธิการและเหรัญญิกของสมาคม ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราของสมาคมเป็นสำคัญ
ข้อ ๒๑. นายกสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินได้ไม่เกินครั้งละหนึ่งหมื่นบาท หรือรวมแล้วไม่เกินสองหมื่นบาทภายในหนึ่งเดือน หากจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินเกินกว่านี้ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริหาร
การอนุมัติจ่ายเงินทุกครั้งตามวรรคหนึ่ง นายกสมาคมต้องแจ้งให้คณะกรรมการบริหารทราบในการประชุมคราวถัดไป
ข้อ ๒๒. เหรัญญิกมีอำนาจสั่งจ่ายเงินได้ไม่เกินครั้งละห้าพันบาท หรือรวมแล้วไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทภายในเวลาหนึ่งเดือนเหรัญญิกจะเก็บเงินสดไว้ได้ไม่เกินห้าพันบาท
เหรัญญิกต้องจัดทำงบดุลแสดงฐานะการเงินของสมาคมทุกเดือนปิดแสดงไว้ ณ ที่ทำการสมาคมและต้องทำงบดุลทุกวันที่ ๓๑ ธันวาคม เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี
หมวด ๗ การเลือกตั้งนายกและกรรมการบริหารสมาคม
ข้อ ๒๓. นายกสมาคมและกรรมการบริหารให้เลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี โดยที่ประชุมเลือกสามัญสมาชิกจำนวนห้าคนขึ้นทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการเลือกตั้ง
ให้สามัญสมาชิกเสนอชื่อผู้ที่อยู่ในที่ประชุมผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกสมาคมจากสามัญสมาชิกด้วยกันต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง โดยมีสามัญสมาชิกรับรองอย่างน้อยห้าคน การเลือกตั้งให้กระทำโดยให้สามัญสมาชิกลงคะแนนลับ ผู้ได้คะแนนสูงสุดเป็นผู้ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมถ้าได้คะแนนเท่ากัน ให้ใช้วิธีจับสลาก
ผู้ใดจะดำรงตำแหน่งนายกสมาคมติดต่อกันเกินกว่าสองสมัยไม่ได้
เมื่อที่ประชุมเลือกนายกสมาคมได้แล้ว ให้ที่ประชุมมีมติกำหนดจำนวนคณะกรรมการบริหารส่วนที่เหลือตามข้อ ๑๕ จากนั้นให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารส่วนที่เหลือ
การเลือกตั้งกรรมการบริหารสมาคม ให้สามัญสมาชิกเสนอชื่อสามัญสมาชิกผู้ที่อยู่ในที่ประชุมที่สมควรเป็นกรรมการจากหนังสือพิมพ์ หรือสำนักข่าว ที่สามัญสมาชิกสังกัด องค์กรละไม่เกินสองคน โดยมีสามัญสมาชิกรับรองอย่างน้อยห้าคน และเลือกตั้งโดยให้สามัญสมาชิกลงคะแนนลับ ผู้ได้คะแนนสูงสุดตั้งแต่อันดับหนึ่งถึงอันดับสุดท้ายตามจำนวนคณะกรรมการที่ที่ประชุมกำหนด ถือว่าเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการบริหาร ถ้าได้คะแนนเท่ากันให้ใช้วิธีจับสลาก
ผู้ได้รับคะแนนรองลงมาให้เป็นสำรองกรรมการและให้เลื่อนขึ้นมาเป็นกรรมการแทนเมื่อกรรมการผู้ได้รับเลือกตั้งพ้นจากหน้าที่ตามข้อ ๑๕ โดยให้กรรมการที่เข้ามาแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของคนที่ตนแทน
กรรมการบริหารที่ไม่ใช่นายกสมาคมจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินกว่าสามสมัยไม่ได้
ให้คณะกรรมการบริหารชุดที่สิ้นสุดลงตามวาระมอบงานให้คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ภายในเวลาสามสิบวันนับแต่วันที่ได้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งเรียบร้อยแล้ว
หมวด ๘ การควบคุมความประพฤติของสมาชิก
ข้อ ๒๔. จริยธรรมของวิชาชีพตาม ข้อ ๗ ที่สมาชิกทุกคนต้องยึดถือปฏิบัติได้แก่
(๑) ส่งเสริมและรักษาไว้ซึ่งเสรีภาพของการเสนอข่าวและความคิดเห็น
(๒) ให้ประชาชนได้ทราบข่าวเฉพาะที่เป็นจริง การเสนอข่าวสารใด ๆ ออกพิมพ์โฆษณาเผยแพร่ ถ้าปรากฎว่าไม่ตรงต่อความเป็นจริง ต้องรีบจัดการแก้ไขให้ถูกต้องโดยเร็ว
(๓) ในการได้มาซึ่ง ข่าว ภาพ หรือข้อมูลอื่นใด มาเป็นของตน ต้องใช้วิธีการที่สุภาพและซื่อสัตย์เท่านั้น
(๔) เคารพในความไว้วางใจของผู้ให้ข่าว และรักษาไว้ซึ่งความลับของแหล่งข่าว
(๕) ปฏิบัติหน้าที่ของตน โดยมุ่งหวังต่อสาธารณประโยชน์ ไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว หรือหมู่คณะโดยไม่ชอบธรรม
(๖) ไม่กระทำการอันเป็นการบั่นทอนเกียรติคุณของวิชาชีพ หรือความสามัคคีของเพื่อนร่วมวิชาชีพ
ข้อ ๒๕. ให้ที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีเลือกคณะกรรมการจริยธรรมวิชาชีพจากสมาชิกผู้มีความประพฤติดีขึ้นคณะหนึ่ง จำนวนไม่เกินห้าคน และให้ใช้วิธีการเลือกตั้งเช่นเดียวกับการเลือกตั้งนายกและกรรมการบริหารโดยอนุโลม แล้วให้คณะกรรมการจริยธรรมวิชาชีพเลือกประธานขึ้นมาหนึ่งคนเพื่อดำเนินกิจกรรมตามอำนาจหน้าที่
ข้อ ๒๖. คณะกรรมการจริยธรรมวิชาชีพมีอำนาจหน้าที่
(1) สอดส่อง แจ้งเตือน และควบคุมความประพฤติของสมาชิกให้เป็นไปตามข้อบังคับ
และจริยธรรมวิชาชีพสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
(๒) สอบสวนสมาชิกที่ถูกกล่าวหาว่าประพฤติผิดจริยธรรม เมื่อได้รับคำขอจากคณะกรรมการบริหาร
(๓) สอบสวนคุณสมบัติ และความประพฤติของผู้สมัครเป็นสมาชิกใหม่ตามที่คณะกรรมการบริหารร้องขอ
ในกรณีที่คณะกรรมการจริยธรรมวิชาชีพดำเนินการสอบสวนแล้ว ให้เสนอความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการบริหารเพื่อดำเนินการต่อไป
ข้อ ๒๗ คณะกรรมการจริยธรรมวิชาชีพมีวาระการดำรงตำแหน่งเท่ากับอายุของคณะกรรมการบริหารในปีนั้น
หมวด ๙ การประชุมใหญ่
ข้อ ๒๘. การประชุมใหญ่ของสมาคมมีได้ ๒ กรณี คือ
(๑) การประชุมใหญ่สามัญ
(๒) การประชุมใหญ่วิสามัญ
ข้อ ๒๙ ให้มีการประชุมใหญ่สามัญปีละหนึ่งครั้งภายในวันที่ ๕ มีนาคม เพื่อ
(๑) ให้คณะกรรมการบริหารแถลงผลงานในรอบปี
(๒) ให้ผู้สมัครสมาชิกใหม่แสดงตัวต่อที่ประชุมใหญ่
(๓) รับรองงบดุลประจำปี
(๔) ตั้งผู้ตรวจสอบบัญชี / ที่ปรึกษากฎหมาย
(๕) เลือกตั้งนายกสมาคมและกรรมการบริหาร
(๖) เลือกตั้งกรรมการควบคุมจริยธรรม
(๗) เรื่องอื่น ๆ
ข้อ ๓๐. การประชุมใหญ่วิสามัญกระทำได้เมื่อ
(๑) คณะกรรมการบริหารเห็นสมควรเมื่อมีปัญหาที่จะต้องหารือ หรือให้ที่ประชุมใหญ่วินิจฉัย
(๒) สามัญสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่าห้าสิบคนร้องขอให้เรียกประชุมตาม ข้อ ๙ (๒)
ข้อ ๓๑. การประชุมใหญ่ตาม ข้อ ๒๙ และ ๓๐ ต้องมีสามัญสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสามัญสมาชิกทั้งหมด หรือจำนวนไม่น้อยกว่าห้าสิบคนจึงจะเป็นองค์ประชุม
หากสามัญสมาชิกมาประชุมไม่ถึง ห้าสิบคน ให้เรียกประชุมใหญ่ครั้งต่อไป โดยในการประชุมใหญ่ครั้งต่อไปนี้ ให้ถือว่าสามัญสมาชิกเท่าที่มาประชุมเป็นองค์ประชุม
ข้อ ๓๒. การนัดประชุมใหญ่ตาม ข้อ ๒๙ และ ๓๐ ให้เลขาธิการแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้าเป็นหนังสือไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน และให้ปิดประกาศไว้ ณ ที่ทำการสมาคม
หมวด ๑๐ การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับ
ข้อ ๓๓. การเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับนี้จะกระทำได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่และมติให้แก้ไขข้อบังคับต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม
ข้อ ๓๔. ญัตติขอเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับต้องมาจากคณะกรรมการบริหารหรือมาจากสามัญสมาชิกที่ได้ชำระค่าบำรุงติดต่อกันไม่ต่ำกว่าสามปีจำนวนไม่น้อยกว่าห้าสิบคน โดยให้ทำเป็นหนังสือและให้เลขาธิการทำสำเนาแจกจ่ายแก่สมาชิกก่อนการประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน
ให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่เลขาธิการได้รับญัตติดังกล่าว
ข้อ ๓๕. ให้เลขาธิการนำข้อบังคับที่แก้ไขหรือเพิ่มเติมนั้นไปจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานภายในสิบห้าวันนับแต่ที่ประชุมใหญ่มีมติให้เปลี่ยนแปลงแก้ไข
หมวด ๑๑ การเลิกสมาคม
ข้อ ๓๖. สมาคมเลิก โดย
(๑) ที่ประชุมใหญ่สามัญมีมติให้เลิก
ในการประชุมให้เลิกสมาคมนั้นต้องมีสามัญสมาชิกไปประชุมไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมด
(๒) เลิกตามกฎหมาย
ข้อ ๓๗. เมื่อสมาคมต้องเลิกไปไม่ว่าโดยสาเหตุใดๆ ให้ทรัพย์สินของสมาคมตกเป็นขององค์กรที่เกี่ยวกับวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ตามมติของที่ประชุมใหญ่
หมวด ๑๒ บทเฉพาะกาล
ข้อ ๓๘. ให้ผู้ที่เป็นสมาชิกสามัญหรือสมาชิกวิสามัญของสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย และไม่ขาดคุณสมบัติตามข้อบังคับของสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย เป็นสมาชิกของสมาคมแต่ละประเภทโดยอัตโนมัติ มีสิทธิและหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้เท่าที่จะพึงมีพึงได้ทุกประการ
ข้อ ๓๙. ผู้ที่ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมและคณะกรรมการบริหารมาก่อนที่ข้อบังคับนี้จะมีผลใช้บังคับ ไม่ตกอยู่ในบทบังคับแห่ง ข้อ ๒๓ ว่าด้วยข้อห้ามการดำรงตำแหน่ง
ข้อ ๔๐ ในวาระเริ่มแรก หลังจากจดทะเบียนแก้ไขข้อบังคับแล้ว ให้ดำเนินการเลือกตั้งตาม ข้อ ๑๔ ภายในกำหนดเวลาสามสิบวัน
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓
(นายรัชกฤต พยัคฆ์)
นิติกรชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่ง
ผู้อำนวยการส่วนการรักษาความสงบเรียบร้อย ๒ ปฏิบัติราชการแทน
อธิบดีกรมการปกครอง
นายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร