แถลงการณ์ร่วม (ฉบับที่ ๒)
เรื่อง การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง
เรื่อง การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง
จากกรณีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีออกมาแถลงเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (๒๖ สิงหาคม) ถึงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในสถานการณ์การชุมนุมกดดันรัฐบาลของกลุ่ม พันธมิตรประชาชนประชาธิปไตย ซึ่งมีเนื้อหาสรุปว่าเรียกร้องให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวโดยต้องเลือกข้างและ อย่าร่วมมือกับฝ่ายที่นายกรัฐมนตรีเรียกว่าพวกทำลายบ้านเมือง รวมทั้งเรียกร้องให้สื่อมวลชนตัดสินใจเลือกอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง จะอยู่ตรงกลางไม่ได้ และเห็นว่าหากครึ่งหนึ่งของสื่อที่อยู่กับฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลนั้น จะถือว่าสื่อมวลชนมีส่วนส่งเสริมให้บ้านเมืองเกิดความเสียหายด้วยนั้น
องค์กร วิชาชีพสื่อมวลชนประกอบด้วยสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยและสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทยไม่เห็น ด้วยกับข้อเรียกร้องและท่าทีดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นความคิดและทัศนคติที่ไม่ถูกต้องสอดคล้องกับหลักการในการทำหน้าที่ ของสื่อมวลชนที่จะต้องนำเสนอข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้าน
ในทางกลับหากสื่อมวลชนทำหน้าที่รายงานข่าวที่บิดเบือนข้อเท็จจริง หรือยอมตนเป็นเครื่องมือการปลุกระดมของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็ยิ่งจะทำให้เกิดการเผชิญหน้าในสังคมและอาจนำเหตุการณ์ไปสู่ความรุนแรงได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายในสังคมไทยไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
สำหรับข้อเสนอให้มีการเลือกข้างนั้น ขอยืนยันว่า สื่อมวลชน ทุกแขนงเลือกอยู่ข้างประชาชนและความถูกต้องอยู่แล้วแต่ไม่จำเป็นต้องเสนอ ข่าวไปในทิศทางเดียวกัน
ดังนั้น ในสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองของฝ่ายต่างๆ ที่ดำรงอยู่ในช่วงขณะนี้ องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนทั้งสี่องค์กร ขอสนับสนุนให้สื่อมวลชนทุกแขนง ทำหน้าที่การรายงานข่าวสารข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากทุกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง และต้องยึดมั่นในกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพของสื่อมวลชนอย่างเคร่งครัด ด้วยการนำเสนอข่าวอย่างรอบด้าน และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ประชาชนสามารถรับรู้ ข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านมากที่สุดเพื่อประกอบการตัดสินใจใดๆ
สุดท้ายองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ขอเรียกร้องให้รัฐบาลใช้ความระมัดระวังในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยตาม กฎหมายอย่างเคร่งครัด และต้องไม่ใช้สื่อของรัฐ ปลุกระดมให้ประชาชนเกิดความเกลียดชังต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อสร้างความชอบ ธรรมในการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ซึ่งต่างเป็นคนไทยด้วยกัน ทั้งนี้ ขอให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย www.ctj.in.th
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย www.tja.or.th
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย www.thaibja.org
สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย www.tcta.or.th
๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๑
ในทางกลับหากสื่อมวลชนทำหน้าที่รายงานข่าวที่บิดเบือนข้อเท็จจริง หรือยอมตนเป็นเครื่องมือการปลุกระดมของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็ยิ่งจะทำให้เกิดการเผชิญหน้าในสังคมและอาจนำเหตุการณ์ไปสู่ความรุนแรงได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายในสังคมไทยไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
สำหรับข้อเสนอให้มีการเลือกข้างนั้น ขอยืนยันว่า สื่อมวลชน ทุกแขนงเลือกอยู่ข้างประชาชนและความถูกต้องอยู่แล้วแต่ไม่จำเป็นต้องเสนอ ข่าวไปในทิศทางเดียวกัน
ดังนั้น ในสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองของฝ่ายต่างๆ ที่ดำรงอยู่ในช่วงขณะนี้ องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนทั้งสี่องค์กร ขอสนับสนุนให้สื่อมวลชนทุกแขนง ทำหน้าที่การรายงานข่าวสารข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากทุกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง และต้องยึดมั่นในกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพของสื่อมวลชนอย่างเคร่งครัด ด้วยการนำเสนอข่าวอย่างรอบด้าน และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ประชาชนสามารถรับรู้ ข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านมากที่สุดเพื่อประกอบการตัดสินใจใดๆ
สุดท้ายองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ขอเรียกร้องให้รัฐบาลใช้ความระมัดระวังในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยตาม กฎหมายอย่างเคร่งครัด และต้องไม่ใช้สื่อของรัฐ ปลุกระดมให้ประชาชนเกิดความเกลียดชังต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อสร้างความชอบ ธรรมในการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ซึ่งต่างเป็นคนไทยด้วยกัน ทั้งนี้ ขอให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย www.ctj.in.th
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย www.tja.or.th
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย www.thaibja.org
สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย www.tcta.or.th
๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๑