สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสมาคมนักข่าวเวียดนาม กระชับสัมพันธ์ แก้ “เอ็มโอยู” เพิ่มความร่วมมือ แลกเปลี่ยนข้อมูลเยี่ยมเยือน ฝึกอบรมนักข่าว-ช่างภาพ พร้อมร่วมยกระดับจริยธรรมสื่ออาเซียน

“ไทย-เวียดนาม” ร่วมมือยกระดับสื่ออาเซียน

สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสมาคมนักข่าวเวียดนาม กระชับสัมพันธ์ แก้ "เอ็มโอยู" เพิ่มความร่วมมือ แลกเปลี่ยนข้อมูลเยี่ยมเยือน  ฝึกอบรมนักข่าว-ช่างภาพ พร้อมร่วมยกระดับจริยธรรมสื่ออาเซียน

ในการเยือนองค์กรสื่อในเวียดนาม ของสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 25-31 ก.ค.2559 นำโดย นายเทพชัย หย่อง ประธานสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และนายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย พร้อมคณะ หลังจาก นายต่วน หวู นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งเวียดนาม กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนิน กิจกรรมต่างๆ ตามที่ สมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามและสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ลงนามบันทึกช่วยจำเพื่อความร่วมมือหรือ เอ็มโอยู ในการประชุมสมัชชาใหญ่สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์อาเซียนครั้งที่ 18 ณ เวียดนาม ที่มีเนื้อหาหลัก คือ ความร่วมมือระหว่างทั้ง 2 สมาคม ทุกระดับ ทั้งสมาพันธ์ สมาคม ระดับจังหวัด เพื่อขยายความสัมพันธ์และความร่วมมือในเรื่องวิชาการ การอบรมนักข่าว ให้มากขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนทั้งสองประเทศ ผ่านกิจกรรมการเยี่ยมเยือน การฝึกอบรม การประกวดภาพถ่าย

นายเทพชัย ได้กล่าวถึงความร่วมมือของสื่อมวลชนไทยกับเวียดนามว่า สามารถพูดได้ว่า การแลกเปลี่ยนระหว่างองค์กรสื่อ มีความคึกคัก ต่อเนื่องมากที่สุด ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างความเข้าใจกัน ระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ เชื่อว่าส่วนสำคัญคือท่านประธานสมาคมนักข่าวเวียดนาม และทีมงานที่ทำงานทุ่มเท มุ่งมั่น ทำให้ความร่วมมือระหว่างสื่อมวลชนเวียดนาม ถูกยกระดับขึ้นมาสูงถึงขนาดนี้ได้

การประชุมที่เวียงจันทน์ เมื่อต้นเดือน ก.ค.2559 ของคณะทำงานสมาพันธ์หนังสือพิมพ์อาเซียน ต้องขอแสดงความชื่นชมความทุ่มเท ทำงานของเวียดนามในฐานะที่เป็นประธานสมาพันธ์อย่างมาก  ซึ่งความสำเร็จของคณะทำงานเวียดนาม มีข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมชัดเจนทำให้การประชุมที่ลาว มีจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราทำงานได้ง่ายมาก และเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้การนำของท่านประธาน ต่วน หวู ประธานสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งเวียดนาม ก็ได้สร้างมาตรฐานให้กับสมาพันธ์ฯอาเซียนในการทำงานร่วมกัน เป็นแบบอย่างที่ดี สำหรับผู้ที่จะมารับหน้าที่ต่อ

เราหวังว่า จะใช้เวทีวันนี้แลกเปลี่ยนหลายๆ เรื่อง ที่จะเป็นความร่วมมือกัน ซึ่งเรามีเอ็มโอยู ที่ทางสมาพันธ์ฯไทยและสมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามได้ลงนามกันไว้ เมื่อปีที่แล้ว 2558 ซึ่งครั้งนี้เราหวังว่า จะพูดคุยลงรายละเอียด เพื่อให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมให้มากขึ้นได้อย่างไร

ส่งเสริมนักข่าวฝึกภาษา-ฝึกงาน

นายเทพชัย เสนอว่า  ที่ประธาน ต่วน หวู พูดถึงหลักสูตรการสอนภาษาเวียดนาม ในส่วนของสื่อไทย ทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาพันธ์ ก็ได้เปิดหลักสูตรสอนภาษาเวียดนาม เป็นครั้งที่ 2 ภายในสิ้นปีนี้ เราจึงคุยกันในแง่ที่จะขยายความร่วมมือในส่วนนี้ว่า นอกจากการเรียนรู้ภาษา ก็น่าจะคุยถึงความเป็นไปได้ ที่จะส่งเสริมให้นักข่าวไทยที่เรียนภาษาเวียดนาม และนักข่าวเวียดนามที่เรียนภาษาไทย ได้ไปทำงาน ฝึกงาน อยู่กับสื่อของแต่ละประเทศ เพราะจะเป็นโอกาสดี ที่เรียนแล้วได้ฝึกใช้อย่างจริงจัง ในการทำงาน ซึ่งจะได้ฝึกใช้ทั้่งภาษาและเรียนรู้สังคมของท้ังสองประเทศ  นอกจากเรื่องนักข่าวแล้ว ช่างภาพก็อยู่ในส่วนที่แลกเปลี่ยนกันได้ โดยใช้หลักการเดียวกัน  คือไปอยู่ประจำ ประมาณ 3-6 เดือน

แลกเปลี่ยนข้อมูลการเยือนระหว่างสื่อ 2 ปท.

นายเทพชัย กล่าวต่อว่า  อีกเรื่องที่อยากจะเสนอเป็นหัวข้อคือ ทุกวันนี้มีการแลกเปลี่ยนระหว่างสื่อมวลชนไทยกับเวียดนาม ผ่านทางสมาคมต่างๆ ทั้้งในระดับชาติและท้องถิ่น ถ้าเราจะวางกรอบ ให้รับรู้ซึ่งกันและกันระหว่างสมาพันธ์ฯกับสมาคมฯในแต่ละปี ว่าจะมีคณะอย่างไร ในการแลกเปลี่ยนเยี่ยมเยียนกันที่ได้ประโยชน์  คิดว่าการสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันในเรื่องต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์ของสองประเทศ มีความจำเป็นอย่างมาก สื่อมวลชนก็ควรจะมีบทบาทในการสร้างความเข้าใจอันดี

จึงอยากจะเสนอเป็นหัวข้อในการหารือว่า ในอนาคตการแลกเปลี่ยนบางส่วน อาจจะมีหัวข้อที่ชัดเจน ที่เฉพาะเจาะจง เช่น ถ้ามีคณะสื่อมวลชนไทยมาเวียดนาม ควรจะมีหัวข้อชัดเจน เช่น นโยบายต่างประเทศของเวียดนามเป็นอย่างไร  ซึ่งคนที่มาจะได้ทำการบ้านและได้พบกับผู้คนและเข้าใจเรื่องที่มีประเด็นชัดเจน แล้วกลับไปก็จะมีสื่อมวลชนที่รู้เรื่องเวียดนามรายงานข่าวสารได้อย่างถูกต้อง  หรือทางสื่อมวลชนเวียดนาม จะสนใจบางส่วนของสังคมไทย เช่น เรื่องนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง ว่าทำกันอย่างไร เวลาไปเราจะได้จัดบุคคลและสถานที่ ที่จะได้ประโยชน์และความรู้  นี่เป็นแนวคิดบางส่วนที่จะยกขึ้นมาพูดคุย

ทั้งนี้ นายชวรงค์  ลิมป์ปัทมปาณี ที่ปรึกษาสมาพันธ์ และประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เสนอเพิ่มเติมว่า การเยี่ยมเยือนแลกเปลี่ยนระหว่างสื่อ ทางสมาคมนักหนังสือพิมพ์เวียดนามซึ่งดูแลสมาคมสื่อในจังหวัดต่างๆ คงได้รับรายงานอยู่แล้วว่ามี คณะใดไปแลกเปลี่ยนกับจังหวัดใดของไทยบ้าง สำหรับในส่วนของสมาพันธ์ฯของไทย องค์กรที่เป็นสมาชิกสมาพันธ์ฯ เรารับทราบ  แต่การแลกเปลี่ยนกับส่วนอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นสมาชิก ทำให้เราไม่ทราบ และไม่มีโอกาสได้ดูแลต้อนรับคณะนักข่าวเวียดนามที่ไปด้วย หากทางสมาคมนักข่าวเวียดนาม มีข้อมูล ได้แจ้งให้เราทราบ เราจะได้ประสานงานกับองค์กรสื่อในไทย ร่วมต้อนรับ ซึ่งจริงๆ องค์กรต่างๆ ที่แลกเปลี่ยนกัน ก็เป็นสมาชิกสมาคมของพวกเราเอง แต่อาจจะไม่ได้เป็นสมาชิกสมาพันธ์ฯโดยตรง

ด้านนายต่วน หวู  กล่าวว่า ข้อเสนอของนายเทพชัย นายชวรงค์ และคณะ ทางเรายินดี  สำคัญที่สุด คือความสำเร็จของการประชุมที่ลาว ซึ่งตนได้กลับมารายงาน และได้ชื่นชมความร่วมมือของฝ่ายไทย ส่วนความสัมพันธ์แลกเปลี่ยนเยี่ยนเยียนระหว่างกัน นอกจากจะมีระดับภูมิภาค ระดับชาติ แล้วยังมีระดับท้องถิ่นด้วย ซึ่งตนเคยไปเยือนในนามของสมาคมนักข่าวฮานอย กับสมาคมนักข่าวที่ จ.เชียงใหม่ ในฐานะที่เคยเป็นอดีตประธานสมาคมนักข่าวฮานอย เพื่อนๆ อยู่เชียงใหม่ ก็ได้เชิญมา และได้แลกเปลี่ยนเยี่ยมเยียนกันมา 3-4 ครั้ง จนแน่นแฟ้น ซึ่งตนอยากให้มีขึ้นบ่อยๆ

แต่ต่อจากนี้ ตนในนามประธานสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งเวียดนาม ก็จะได้รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร เกี่ยวกับการเยี่่ยมเยียนระหว่างสองประเทศ และจะได้แลกเปลี่ยนกัน

ขณะที่นายชวรงค์ กล่าวเสริมถึงการเรียนภาษาของนักข่าว ที่ทางสมาคมนักข่าวเวียดนามจะจัดอบรมภาษาไทยให้นักข่าวเวียดนามว่า ทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ยังยินดีประสานงาน ความร่วมมือ เรื่องการจัดหาทุนอยู่เหมือนเดิม ตามที่เคยคุยกันมา

หนุนกำหนดหัวข้อแลกเปลี่ยนให้ชัดเจน

นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งเวียดนาม ยังกล่าว เห็นด้วยอย่างยิ่งว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสมาพันธ์ฯ และสมาคมนักข่าวเวียดนาม และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ มีความแน่นแฟ้นมากกว่าประเทศอื่น และเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า ควรจะหาหัวข้อที่เฉพาะเจาะจงมากกว่านี้ ในแต่ละครั้งที่เรามาทำงาน  แม้เรามีเอ็มโอยู ร่วมกันแล้ว แต่หากมีความต้องการจะขยายความร่วมมือเพิ่มเติม ก็เห็นด้วย อย่างเช่น การสอนภาษานักข่าว 2 ประเทศ การที่ส่งคนที่ได้คะแนนสูงไปดูงานในแต่ละประเทศ หรือแต่ละปีที่สมาคมนักข่าวเวียดนามกับสมาคมนักข่าวฯไทย ส่งคณะมาทำข่าว ในแต่ละปีด้วย

 

ยกระดับมาตรฐานจริยธรรมนักข่าวอาเซียน

อีกข้อหนึ่งที่เห็นด้วยกับทางฝ่ายไทย คือ การแก้ไขหัวข้อ "จริยธรรมของนักข่าว" ซึ่งทางสมาคมนักข่าวเวียดนามก็กำลังปรับปรุงแก้ไข ซึ่งระเบียบของเวียดนาม ก็ใช้มากว่า 10 ปีแล้ว คาดว่าสิ้นปีนี้ฉบับใหม่จะเสร็จสิ้นแล้วได้ใช้ในปีหน้า และเราอยากแลกเปลี่ยน เพื่อให้เกิดการสร้างมาตรฐานทางจริยธรรมของนักข่าวให้ดีที่สุด และอาจจะขยายไปในระดับของสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์อาเซียนด้วย และอาจจะเพิ่มเติมในเอ็มโอยู ในส่วนของความสัมพันธ์ระดับต่างๆ เพราะนอกจากการเยี่ยมเยือนกันในระดับประเทศแล้ว ยังมีการเยี่ยมเยือนกันระดับภูมิภาคและจังหวัดด้วย เราจะรวบรวมข้อมูลและส่งข่าวแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ในส่วนของตน จะรวบรวมข้อมูล จากหัวหน้าคณะต่างๆ ที่ไปเยี่ยมเยือนซึ่งกันและกัน  และจะเสริมในเอ็มโอยูที่เราเคยเซ็นร่วมกัน

ทั้งนี้ นายต่วน หวู ได้ถามความเห็น นายเทพชัย เกี่ยวกับเรื่องนี้  ซึ่งนายเทพชัย กล่าวตอบว่า เห็นด้วยในเรื่องนี้ ที่ต้องยกระดับความร่วมมือให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

นายชวรงค์ ได้กล่าวต่อถึงประเด็นทางจริยธรรมว่า  ของเราก็กำลังทบทวนเช่นกัน โดยสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เพิ่งประชุมรับรอง ข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ฉบับใหม่แทนของเดิมที่ใช้มากว่า18 ปี เพื่อยกระดับจริยธรรมของหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ที่เป็นสมาชิก และเห็นด้วยกับประธานสมาคมนักข่าวเวียดนามว่า เรื่องจริยธรรมควรคุยกันในระดับอาเซียนด้วย เพราะการเป็นประชาคมอาเซียน มีการเคลื่อนไหวของธุรกิจต่างๆ ความร่วมมือระดับประเทศก็มากขึ้่น การต้องมีนักข่าว ไปทำข่าว หรือบริษัทเอกชน ต้องไปทำข่าวแต่ละประเทศก็เริ่มเห็นปัญหาทางจริยธรรมที่ไม่เท่ากัน

เราก็จะนำเรื่องนี้ไปหารือ ซึ่งนายเกียรติชัย พงษ์พาณิชย์ ที่ปรึกษาสมาพันธ์ฯ ก็อยู่ในองค์กรหนังสือพิมพ์ที่ทำงานในอาเซียนด้วย

ริเริ่มสถาบัน นสพ.อาเซียน

ด้านนายเกียรติชัย พงษ์พาณิชย์ ที่ปรึกษาสมาพันธ์ฯ ได้กล่าวเสริมว่า เราต้องมองไปข้างหน้า บทบาทของสื่อ ปัญหาของสื่อ ค่อนข้างซับซ้อนมากขึ้น หากเราจะเป็นสื่อในประชาคมอาเซียน จะต้องมีทิศทางพัฒนาไปแนวทางเดียวกัน  ขณะนี้สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติของไทย ริเริ่มคิดจัดตั้งองค์กรรวมของสภาหนังสือพิมพ์อาเซียนขึ้นมา ในเชิงสถาบัน เพื่อแสดงบทบาทของสื่ออาเซียนไปในทิศทางเดียวกัน ควบคุมดูแลกันเองอย่างไร ถือเป็นมิติใหม่ ซึ่งตนได้รับมอบหมายให้ประสานกับประเทศต่างๆ และเรากำลังตั้งคณะทำงานและต่อไปจะมาประสานกับทางเวียดนามด้วย

ในตอนท้าย ประธานสมาคมนักข่าวแห่งเวียดนาม สรุปว่า ในการพูดคุยวันนี้ ก็มีหลายหัวข้อเห็นตรงกัน หัวข้อที่หารือครั้งนี้ ถ้าคุณเทพชัย ประธานสมาพันธ์หนังสือพิมพ์ แห่งประเทศไทย  เห็นด้วย ก็จะให้สองฝ่ายแก้ไขเอ็มโอยูที่เคยเซ็นร่วมกัน เราจะพยายามทำให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ในการเยือนเวียดนามของคณะสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย  ได้เข้าเยี่ยมและดูงาน หนังสือพิมพ์ สถานีโทรทัศน์ และวิทยุ ของเวียดนาม ทั้งในฮานอย และจังหวัดกาวบั่ง รวมทั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเวียดนามด้วย

โดยมี นายเทพชัย หย่อง ประธานสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และนายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย นายโปรย สมบัติ  รองประธานสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และนายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย น.ส.นิภาวรรณ แก้วรากมุกข์  เลขาธิการสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และเลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ที่ปรึกษาสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ นายดำฤทธิ์ วิริยะกุล ที่ปรึกษาสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและที่ปรึกษาสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายเกียรติชัย พงษ์พาณิชย์ ที่ปรึกษาสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

นายชาตรี ศรียาภัย นายกสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย  นายเสมอ บุญญาวัลย์ อุปนายกสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย และนายวัชรพงศ์ ทองรุ่ง   อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ