คณะสมาคมนักข่าวฯ เยือน สปป.ลาว สานสัมพันธ์สื่อมวลชน ๒ ประเทศ

คณะสมาคมนักข่าวฯ เยือน สปป.ลาว สานสัมพันธ์สื่อมวลชน ๒ ประเทศ

นายกสมาคมนักข่าวฯ นำคณะเยือน สปป.ลาว ตามคำเชิญของสมาคมนักข่าวลาว กระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกว่า ๓๐ ปี ของสองสมาคม ร่วมหารือยกระดับความร่วมมือ ลงนามเอ็มโอยูฉบับใหม่ มุ่งเน้นส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบวิชาชีพ เห็นพ้องความสำคัญของสื่อมวลชนทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์แก่ประชาชน สังคม และประเทศชาติ

ระหว่างวันที่ ๗ ถึง ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา นายปราเมศ เหล็กเพ็ชร์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศ นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และที่ปรึกษาสมาคมฯ พร้อมคณะจำนวน ๘ คน ได้เดินทางเยือน สปป.ลาว อย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของสมาคมนักข่าวลาว (Lao Journalist Association) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และส่งเสริมความสัมพันธ์ ระหว่างสมาคมวิชาชีพสื่อมวลชนของทั้ง ๒ ประเทศ ซึ่งได้รับการสนับสนุนการเดินทางโดยสายการบินไทยแอร์ เอเชีย

โดยคณะออกเดินทางด้วยเที่ยวบิน FD ๓๕๕๔ จากท่าอากาศยานดอนเมือง ถึงจังหวัดน่าน และผ่านจุดผ่านแดนบ้านห้วยโก๋น อำเภอเฉลิมพระเกียรติ เพื่อข้ามไปยังเมืองเงิน แขวงไซยะบูลี สปป.ลาว จากนั้นเดินทางต่อไปโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนหงสา ของบริษัทไฟฟ้า หงสา จำกัด ที่เมืองหงสา แขวงไซยะบูลี เพื่อรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการดำเนินกิจการโดยมีนายลิขิต พงศ์พงัน ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการบริษัท ไฟฟ้าหงสา จำกัด และนายยุทธนา จุฬพันธ์ทอง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ให้การต้อนรับ

รุ่งขึ้นวันที่ ๘ ธันวาคม ๖๐ คณะได้ออกเดินทางต่อไปยังเขื่อนไซยะบุรี เมืองไซยะบูลี แขวงไซยะบูลี เพื่อศึกษาดูงาน และรับฟังบรรยายสรุปข้อมูลการทำงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี และรับฟังข้อมูลการทำงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ของบริษัทไซยะบูลีพาวเวอร์ จำกัด ซึ่งก่อสร้างโดย บริษัท ช. การช่าง (ลาว) จำกัด โดยมีนายธเนตร จำรูญศิริ วิศวกรประจำโรงงานให้การต้อนรับ ก่อนจะเดินทางต่อด้วยรถยนต์มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงพระบาง แขวงหลวงพระบาง

ต่อมาวันที่ ๙ ธันวาคม ๖๐ คณะได้เข้าร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว Visit Laos Year 2018 ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล สปป.ลาว ในปี ๒๕๖๑ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองหลวงพระบางที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นเมืองมรดกโลก ตั้งแต่ปี ๑๙๙๕ จากนั้นได้เดินทางไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ และพระบรมมหาราชวังเมืองหลวงพระพระบาง ซึ่งภายในจัดแสดงเครื่องใช้ของเจ้ามหาชีวิตลาว ในช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลงแปลงการปกครองเอาไว้จำนวนมาก นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งของที่นำจัดแสดงไว้ภายในก็คือ ของขวัญที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ของไทยได้พระราชทานให้แก่เจ้ามหาชีวิตของลาว ซึ่งมีค่าคู่ควรแก่การศึกษาประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง

 

 

 

ที่เมืองหลวงพระบาง คณะได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมการทำงานของสถานีโทละพาบหลวงพระบาง  และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติหลวงพระบาง โดยได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองการทำงานของสื่อมวลชนกับคณะผู้บริหารของทั้งสององค์กร ทั้งนี้ ต่างเห็นพ้องกันว่า สื่อมวลชนเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการให้ความรู้แก่ประชาชน และจะต้องประกอบวิชาชีพด้วยความเป็นมืออาชีพ นอกจากนี้ สื่อมวลชนยังเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างสองประเทศ อันจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่ประชาชนทั้งสองฝ่าย จากนั้นในช่วงเย็น ท่านซูลิทิป หน่อขุนผล หัวหน้าฝ่ายแถลงข่าว วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว แขวงหลวงพระบาง ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงรับรองอาหารเย็นเพื่อเป็นเกียรติแก่คณะ

 

วันถัดมา ในช่วงเช้าคณะได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมตักบาตรข้าวเหนียว ซึ่งถือเป็นประเพณีที่สำคัญของเมืองหลวงพระบาง และเป็นส่วนหนึ่งมรดกทางวัฒนธรรมอันดีงามที่ สปป.ลาว สามารถรักษาไว้ได้เป็นอย่างดี เป็นจุดขายหนึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก สร้างรายได้ให้แก่ประเทศมหาศาล จากนั้นคณะได้เดินทางต่อไปสักการะพระธาตุพูสี ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาใจกลางเมือง เพื่อความเป็นสิริมงคล และเดินทางต่อไปยังน้ำตกตาดกวางสี

 

เช้าวันที่ ๑๑ ธันวาคม คณะได้เดินทางเข้าเยี่ยมคารวะท่านคำขัน จันทวีสุก เจ้าแขวงหลวงพระบาง เพื่อรับฟังข้อมูลทั่วไป โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวของแขวงหลวงพระบาง จากนั้นคณะจึงออกเดินทางสู่นครหลวงเวียงจันทน์

ช่วงเย็นวันเดียวกัน คณะได้เข้าการประชุมร่วมสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย – สมาคมนักข่าวลาว ที่อาคารสมาคมนักข่าวลาว โดยสาระสำคัญของการประชุม ได้มีการแบ่งปัน แลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ การเปลี่ยนแปลงของสื่อมวลชนทั้งสองประเทศ จากนั้นได้หารือถึงโครงการความร่วมมือต่างๆ ที่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ รวมทั้งแนวทางเสริมสร้างความสัมพันธ์ และยกระดับมาตรฐานของผู้ประกอบวิชาชีพ

ในโอกาสนี้ตัวแทนทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะให้มีการปรับปรุงบันทึกความเข้าใจร่วมที่ได้มีการลงนามไว้เมื่อปี ๒๕๕๙ ที่กรุงเทพมหานคร โดยได้ให้มีการขยายกรอบอายุของบันทึกความเข้าใจร่วมจากเดิม๑ ปี เป็น ๒ ปี โดยมีผลเริ่มตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๖๑ ถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ซึ่งสาระสำคัญได้แก่ กรอบความร่วมมือต่างๆ ทั้งในด้านวิชาการ ตลอดจนกิจการความร่วมมือในระดับภูมิภาค อาทิ การจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับสื่อใหม่ (NEW MEDIA) รวมถึงข้อมูลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) การจัดเวทีแลกเปลี่ยนบทเรียนการทำหน้าที่ของบุคลากรในตำแหน่งบรรณาธิการ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในประเด็นเกี่ยวกับการบริหารงานสื่อมวลชนในยุคดิจิตอล การสานต่อการปรับปรุงเนื้อหาคู่มือสื่อมวลชนลาว-ไทย และไทย-ลาว การสนับสนุนสมาคมนักข่าวแห่ง สปป.ลาว ในการเข้าร่วมการประชุมใหญ่สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งอาเซียน ที่จะจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร ในเดือนมกราคม ๒๕๖๑ การแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระหว่างสองสมาคม และ ความร่วมมือในการส่งเสริมการยกระดับความด้านวิชาชีพแก่นักข่าวนักหนังสือพิมพ์ของทั้งสองประเทศ เป็นต้น

ต่อจากนั้น บริษัท บิ๊กบลู จำกัด โดย คุณณฐอร มหิทธิกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท และคณะได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงรับรองอาหารเย็นแก่คณะสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และคณะสมาคมนักข่าวลาว

รุ่งขึ้นวันที่ ๑๒ ธันวาคม ในช่วงเช้า คณะได้เดินทางเข้าเยี่ยมชมการทำงานของหนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ไทม์ส ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษฉบับเดียวของ สปป.ลาว ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี ๑๙๙๔ พร้อมกับการเปิดสะพานมิตรภาพไทย – ลาว ปัจจุบันมียอดพิมพ์ ๓,๕๐๐ ฉบับต่อวัน โดยมีท่านพรแก้ว วอระคุน รองหัวหน้าบรรณาธิการสำนักงานหนังสือพิมพ์ภาษาต่างประเทศให้การต้อนรับ

จากนั้นในช่วงบ่ายคณะได้เดินทางไปเยี่ยมชมการทำงานของวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว ซึ่งเป็นสื่อที่เข้าถึงพื้นที่ร้อยละ ๙๕ ของประเทศ โดยได้ร่วมหารือกับคณะผู้บริหารของวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว นำโดยท่านโพสี แก้วมะนีวง ผู้อำนวยการใหญ่วิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว

ในเวลาต่อมา คณะได้ออกเดินทางต่อไปยังสถานีโทละพาบแห่งชาติลาว ซึ่งดำเนินการออกอากาศทั้งภาคภาษาลาว และภาคภาษาอังกฤษ โดยได้ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นกับคณะผู้บริหารที่นำโดยท่านนางเวียงทอง พิมพะจัน และได้เยี่ยมชมสตูดิโอ และห้องส่งของสถานีฯ ด้วย

ในช่วงหัวค่ำ คณะได้เข้าเยี่ยมคารวะท่านสะหวันคอน ราดซะมนตรี รองรัฐมนตรีกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สปป.ลาว และประธานสมาคมนักข่าวลาว โดยในโอกาสนี้ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และประธานสมาคมนักข่าวลาว ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วม (เอ็มโอยู) ฉบับใหม่ เพื่อเป็นกรอบในการส่งเสริมความร่วมมือ และความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนของทั้งสองประเทศ จากนั้นสมรคมนักข่าวสปป.ลาว ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงรับรองเป็นเกียรติแก่คณะ

เช้าวันที่ ๑๓ ธันวาคม คณะได้เดินทางเข้าเยี่ยมชม และสักการะพระธาตุหลวง นครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนจะเดินทางต่อไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ เวียงจันทน์ เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะ ร.อ.ชัชวรรณ สาครสินธุ์ อุปทูตรักษาการ สถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์  เพื่อรับฟังข้อมูล และความคิดเห็น โดยเฉพาะในประเด็นความสำคัญของสื่อมวลชน ต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยอุปทูตได้กรุณาเลี้ยงรับรองอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่คณะด้วย

และเมื่อเวลาประมาณ ๑๖.๓๐ น. คณะได้เดินทางมาถึงยังท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี เพื่อออกเดินทางกลับ ด้วยเครื่องบินของสายการบินไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD ๓๓๕๑ โดยได้เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองโดยสวัสดิภาพ เมื่อเวลาประมาณ ๑๙.๕๕ น.