สื่อที่เป็นอิสระ ปราศจากการเซ็นเซอร์และมีเสรีภาพเป็นเสาหลักของสังคมประชาธิปไตย สื่อสามารถให้ข้อมูลที่ช่วยชีวิตผู้คนในภาวะวิกฤต เป็นรากฐานของการมีส่วนร่วมของสาธารณะ อีกทั้งช่วยให้เกิดความตระหนักในภาระรับผิดชอบและความเคารพต่อสิทธิมนุษยชน
ในวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกนี้เป็นโอกาสที่เราจะสดุดีงานอันสำคัญนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้ตรงกับวันครบรอบ 30 ปีของการประกาศปฏิญญาวินด์ฮุค (Windhoek Declaration) ซึ่งนักข่าวชาวแอฟริกันได้ร่วมกันจัดทำหลักการพื้นฐานเสรีภาพสื่อมวลชนขึ้น
ถึงแม้นักข่าวจะมีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่ง แต่หลายคนกลับต้องเผชิญกับการถูกโจมตี ข่มขู่ คุกคาม และดำเนินคดีอาญาที่เพิ่มสูงขึ้นและเกิดขึ้นเป็นประจำเพราะทำหน้าที่ของพวกเขา มีตัวเลขมากมายได้แสดงให้เห็นว่าความรุนแรงทางเพศต่อนักข่าวผู้หญิง รวมถึงการคุกคามและทารุณกรรมทางเพศออนไลน์มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นมาก
นักข่าวและผู้ทำงานด้านสื่อสารมวลชนถูกสังหารในรอบทศวรรษที่ผ่านมาเกือบพันคน จำนวนการถูกโจมตีที่เพิ่มสูงมากอย่างน่าตกใจนี้ ทั้งกระทำจากรัฐ กลุ่มติดอาวุธและผู้ก่ออาชญากรรมก็ดี เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง เฉกเช่นเดียวกับการเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
มีเพียงแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่ผู้กระทำความผิดจะถูกดำเนินคดีและได้รับโทษ ซึ่งบ่อยครั้งเป็นผลมาจากการรณรงค์เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมกว่าหลายปี และต้องแลกมากับผลกระทบมหาศาลที่ตกกับครอบครัวของเหยื่อ
การพ้นผิดลอยนวลโดยแทบจะสิ้นเชิงนี้เอื้อให้เกิดการละเมิดในลักษณะดังกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า และสร้างบรรยากาศความหวาดกลัวแก่นักข่าว ครอบครัว และสังคมในวงกว้าง
วิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ประจักษ์ชัดกว่าที่เคยว่าการรายงานข่าวอย่างตรงไปตรงมาถึงนโยบายของรัฐบาลหรือบุคคลสาธารณะ บ่อยครั้งจนเกินไปนำไปสู่การดำเนินคดีทางกฎหมาย อีกทั้ง กฎหมายที่ได้รับการรับรองหรือบังคับใช้เพื่อจำกัดและเอาผิดการบิดเบือนข้อมูลระหว่างที่มีโรคระบาดกลับถูกนำมาใช้โดยรัฐเพื่อมุ่งเอาผิดนักข่าว
ทั่วโลกผู้คนต่างออกมาบนท้องถนนมากขึ้นเพื่อเรียกร้องสิทธิทางสังคมและเศรษฐกิจของตน เรียกร้องการยุติการเลือกปฏิบัติและเหยียดเชื้อชาติอย่างเป็นระบบ และยุติการพ้นผิดลอยนวลและคอร์รัปชัน นักข่าวผู้ปฏิบัติหน้าที่สำคัญในการรายงานข่าวการประท้วงทางสังคมต่างๆ กลับตกเป็นเป้าหมายอย่างที่ไม่อาจยอมรับได้ หลายคนตกเป็นเหยื่อของการใช้กำลังอย่างไม่จำเป็นและไม่ได้สัดส่วน ไม่ว่าจะจากการบังคับใช้กฎหมาย การจับกุมตามอำเภอใจ และการดำเนินคดีอาญา
การโจมตี จับกุม และดำเนินคดีอาญากับนักข่าวเป็นการเพิ่มบรรยากาศความหวาดกลัว ทำให้นักข่าวคนอื่นไม่อยากรายงานประเด็นที่เกี่ยวข้องอย่างตรงไปตรงมา วิธีเหล่านี้บั่นทอนการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสาธารณะและขัดขวางความสามารถของเราในการรับมือกับความท้าทายทางสังคมต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการระบาดของโรคโควิด-19
งานของนักข่าวและผู้ทำงานด้านสื่อสารมวลชนมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการฟื้นตัวของโลกจากความเสียหายของวิกฤตนี้ ข่าวที่อยู่บนพื้นฐานความจริง เชื่อถือได้ ผ่านการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะหักล้างข้อมูลบิดเบือน นำไปสู่ทางออกที่ยั่งยืนและฟื้นตัวได้รวดเร็วให้กับความท้าทายในปัจจุบัน อีกทั้ง ช่วยเรียกร้องความโปร่งใสและการตระหนักในภาระรับผิดชอบ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นในสถาบันต่างๆ
ข้อมูลที่ถูกต้องจะส่งเสริมความผาสุขของมนุษยชาติ โดยถือเป็นสินค้าสาธารณะ (public good) อย่างนึง การปิดปากนักข่าวรังแต่จะสร้างความเสียหายให้กับสังคมโดยรวม
เพื่อสดุดีความกล้าหาญของเหล่านักข่าวที่ทุ่มเทเพื่อให้สาธารณะได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วน เราต้องช่วยกันเรียกร้องให้สิทธิของเขาเหล่านั้นได้รับการเคารพ คุ้มครองและเกิดขึ้นได้จริง