ค้นพบผลงานเก่าพุทธทาสกับสื่อมวลชน บรรยายธรรมให้ข้อคิดนักหนังสือพิมพ์ทำหน้าที่นำสังคมสู่สันติ เชิญร่วมงานวันที่ ๑๓ พ.ย.ฟังปาฐกถาเกียรติยศ หัวข้อ เขาหาว่าพุทธทาสบ้า ที่จะทำให้สื่อมวลชนเป็นปูชนียบุคคล
นายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ เลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังการประชุมว่า หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ ร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์ กรมการศาสนา องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย(อสมท.) สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และอีกหลายสำนักพิมพ์ ที่เป็นคณะเจ้าภาพรวมจัดงานปาฐกถาประจำปี ๒๕๕๒ ได้ประชุมเพื่อจัดงานพุทธทาสกับสื่อมวลชน ในวันที่ ๒๓ พ.ย. ๒๕๕๒ เวลา ๑๐.๐๐-๑๖.๐๐ น. ณ หอประชุมกรมประชาสัมพันธ์ ซอยอารีย์สัมพันธ์ ถนนพหลโยธิน กทม. โดยกำหนดการงานนี้ในช่วงแรกจะเปิดเวทีธรรม ละครและดนตรี ณ เวทีหอประชุมกรมประชาสัมพันธ์ พร้อมเปิดนิทรรศการส่งเสริมการศึกษาและปฏิบัติธรรม ณ ลานด้านหน้าและใต้หอประชุมฯ และยังมีกำหนดการที่สำคัญอีกหลายรายการ เช่น ปาฐกถาเกียรติยศหัวข้อ “เขาหาว่าพุทธทาสบ้า ที่จะทำให้สื่อมวลชนเป็นปูชนียบุคคล” จนกระทั้งปิดรายการด้วยการเสวนาสื่บเนื่องเพื่อการน้อมนำมาขับเคลื่อนสังคมไทย
การจัดงานดังกล่าว เพื่อน้อมนำหลักธรรมของพระพุทธเจ้ามานำเสนอสู่การปรับประยุกต์ใช้ในสังคมไทย ในฐานะที่สื่อมวลชนเป็นภาคีที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในสังคมปัจจุบันตลอดจนในอนาคต และทางหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญได้สืบค้นพบเอกสารและเสียงธรรมบรรยายชุดสำคัญ ที่ปรารภถึงบทบาทสื่อมวลชนในฐานะเพื่อร่วมหน้าที่ในฐานะปูชนียบุคคลที่ชี้ประเด็นสำคัญ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ควรแก่การนำมาเผยแผ่และขบคิดพิจารณาในการนำมาปรับปรุงประยุคต์ใช้ได้
เนื่องจากในบรรดาธรรมบรรยายมากมายของท่านพุทธทาสภิกขุที่ดูเหมือนเป็นเรื่องทางโลก เช่น เรื่องการเมือง การศึกษา จนแม้เรื่องของสภาพสังคมและโลกที่วิปริตนั้น เมื่อได้สดับและนำมาครุ่นคิดแล้วจึงพบว่าท่านน้อมทุกเรื่องเข้าสู่ทางธรรมทั้งสิ้น แม้เรื่องสื่อมวลชนก็เช่นกัน เห็นได้จากพุทธทาสกับสื่อมวลชน ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
บทนำ
สื่อมวลชน เพื่อนร่วมหน้าที่
: อาชีพที่อาจทำให้เกิดบุญ-กุศล พร้อมกันไป
เท่าที่หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญได้สืบค้น พบว่ามีธรรมบรรยายสำหรับสื่อมวลชนอยู่ด้วยกัน ๓ บท แสดงไว้ต่อต่างกลุ่มต่างกรรมต่างวาระ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๑๒, ๒๕๒๗ และ ๒๕๓๔ โดยมีบทเดียวที่มีการตีพิมพ์เผยแผ่แล้วในหนังสือธรรมโฆษณ์ชุดบรมธรรม ซึ่งเป็นชุดธรรมบรรยายในแง่มุมต่าง ๆ แห่งบรมธรรมที่ท่านแสดงแก่พระภิกษุนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยอีกสองบทหลังที่เป็นการแสดงต่อกลุ่มสื่อมวลชนโดยตรงตามที่มีคณะสื่อมวลชนอาราธนานิมนต์ให้แสดงนั้น ยังไม่เคยมีการตีพิมพ์เผยแผ่มาก่อน
เมื่อหอจดหมายเหตุปรารภถึงเรื่องที่ควรนำมาเสนอในโอกาสแห่งการทำวัตรปฏิบัติบูชาคุณท่านพุทธทาสภิกขุ ประจำปี ๒๕๕๒ โดยจะจัดให้มีการปาฐกถาอภิปรายประชุมสัมมนาและกิจกรรมร่วมต่าง ๆ จึงได้นำบทธรรมบรรยายทั้ง ๓ คือ บรมธรรมกับสื่อมวลชน ธรรมะสำหรับนักหนังสือพิมพ์ และ สื่อธรรมะมวลชน ที่ท่านได้แสดงอย่างจำแนกแยกแยะและวิเคราะห์วิจารณ์พร้อมกับข้อเสนอเชิงชี้แนะสำคัญว่าสื่อมวลชนถือเป็นเพื่อนร่วมหน้าที่ เป็นอาชีพที่อาจทำให้เกิดบุญ-กุศล พร้อมกันไป มาจัดพิมพ์เพื่อประกอบกิจกรรมประจำปีดังกล่าว โดยเห็นว่าน่าจะยังทันต่อยุคสมัยที่สื่อกำลังครอบครองแทบทุกอณูพื้นที่ของสังคมอยู่ในทุกวันนี้
ถึงแม้ว่าข้อธรรมบรรยายทั้งหมดนี้ล่วงเวลามาแล้วหลายทศวรรษ แต่หากได้นำมาครุ่นคิดจับหลักและถอดรหัสจะพบว่ามีการเปิดประเด็นและแง่มุมที่ไม่เคยมองของสื่อมวลชนมากมาย ไม่ว่าจะในแง่ลบที่ว่า สื่อมวลชนเหล่านี้ทำให้มนุษย์เก่งแต่ในศิลปะแห่งการลวง, เป็นสื่อนำไปสู่วิกฤตการณ์ถาวร, เป็นสื่อที่นำไปสู่โลกของซาตาน, ที่น่าสมเพชเวทนาอย่างยิ่งก็คือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นไปโดยไม่รู้สึกตัว, โลกทั้งโลกกำลังใช้สื่อมวลชนไปในทางที่จะขยี้หรือหั่นแหลกดวงวิญญาณของมวลชนนั่นเอง และแง่บวก อาตมามีความมุ่งหมายอย่างยิ่งที่ว่าจะให้หนังสือพิมพ์นั้นมันกลายเป็นเรื่องการกุศล, หนังสือพิมพ์จึงอยู่ในฐานะที่จะสร้างโลกให้เป็นอย่างไรก็ได้ จนท่านถึงกับปรารภว่า “แม้นักหนังสือพิมพ์เองบางคนคงจะพูดว่า อาตมาบ้า พุทธทาสบ้า ที่จะทำนักหนังสือพิมพ์ให้เป็นปูชนียบุคคล” โดยในตอนท้ายสุดนั้นหลังจากให้ข้อเสนอแนะและทางออกแล้วท่านได้ลงท้ายไว้ว่า “หวังว่าหนทางคงจะพอมี คงจะไม่สายเกินไปในการที่จะสื่อให้ทุก ๆ คนรู้จักธรรมะ แล้วใช้ธรรมะเป็นเครื่องแก้ปัญหา” ซึ่งหอจดหมายเหตุฯ ได้พบบันทึกลายมือเตรียมบรรยายในครั้งนี้ในอีกหลายประเด็นที่ท่านระบุว่า “ไม่ได้บรรยายครบ” แต่ขอนำมาลงรวมไว้ให้ท่านทั้งหลายได้ขบคิดกันต่อ
บันทึกย่อเรื่องเตรียมบรรยาย ธรรมะสำหรับสื่อมวลชน ๑๖ มิย.๒๗ |
หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ ขอขอบพระคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมในการนำธรรมะสำหรับสื่อมวลชนนี้กลับมาเผยแผ่อีกครั้ง ทั้งสำนักวิชาสารสนเทศน์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ที่รับอาสาจัดทำและพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือเล่ม และ สำนักนายกรัฐมนตรี ตลอดจนธรรมภาคีทั้งหลายที่ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมปาฐกถาประชุมสัมมนาเพื่อทำวัตรปฏิบัติบูชาประจำปี ๒๕๕๒
หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ
www.bia.or.th, www.dhamma4u.com
บรมธรรมกับสื่อมวลชน
- สื่อมวลชนกับบรมธรรม
- บรมธรรม สิ่งนี้กำลังถูกสนับสนุนหรือกำลังถูกขัดขวางอย่างไร โดยสิ่งที่เรียกว่า “สื่อมวลชน”
- เราไม่ได้มองหรือแกล้งมองโลกในแง่ร้าย แต่มองในสภาพที่มันเป็นจริง...เรามองหาทางที่จะแก้ไขความร้ายเหล่านั้นอยู่ตลอดเวลาพร้อมกันไปในตัว
- สื่อมวลชน ในความหมายที่ลึกซื้งของพุทธบริษัท
- นิสัยสันดานที่ชอบเอาอย่างตาม ๆ กัน ทำให้สื่อมวลชนมีความหมายขึ้นมา
- สื่อมวลชนนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่อาจจะพูดได้ว่าเป็นสิ่งดีหรือสิ่งร้าย...แล้วแต่เราจะใช้มัน...ถ้าใช้ผิดก็เป็นผลร้ายมหาศาล...หมายความว่าทำโลกนี้ให้เป็นโลกที่ไร้ความสงบสุขไปได้
- คนในโลกกำลังใช้สื่อมวลชนนี้อย่างไรและเพื่อผลอะไร แล้วก็โลกเรากำลังได้รับผลอะไรจากสื่อมวลชน
- เดี๋ยวนี้มีความรู้ท่วมหัว แล้วก็ทำอย่างไม่รู้ว่าทำอะไร ทำไปทำไม ทำเพื่ออะไร นอกจากเพื่อเงินอย่างเดียว...สื่อมวลชนก็พลอยเป็นบ้าเป็นหลังไปด้วย
- สื่อหนังสือพิมพ์
- ลองเอาหนังสือพิมพ์มาสักฉบับหนึ่งแล้วมาวิจัยตรวจสอบดู มันจะเกิน ๕๐ % ที่เป็นแจ้งความ...เป็นแจ้งความของผู้ที่จะยั่วคนอื่นให้ซื้อของของเขา...เป็นเครื่องมือหาเงินมากกว่าสิ่งที่จะช่วยมนุษย์
- ข่าวก็กลายเป็นเหยื่อตกเบ็ดคนให้ซื้อหนังสือพิมพ์...ไม่ใช่เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่มนุษย์เหมือนข่าวของพระเจ้า หรือข่าวที่ส่งมาจากสวรรค์เพื่อให้มนุษย์ดีขึ้น
- เรื่องอ่านเล่น แม้แต่หนังสือพิมพ์ชั้นดีก็เป็นเรื่องเลวทรามมาก คือมอมเมาเยาวชนให้มีจิตทรามโดยไม่รู้สึก
- สัก ๔ – ๕ % เท่านั้นที่จะเป็นเรื่องสารคดี แต่แล้วก็เป็นสารคดีชนิดที่จะทำให้มนุษย์ตกไปในทางวัตถุนิยม
- สื่อวิทยุกระจายเสียง
- วิทยุกระจายเสียงเกิน ๕๐ % เป็นเพลง...๘๐ % ของเพลงทั้งหมดที่ส่งอยู่นั้นเป็นเรื่องยั่วยวนทางกามารมณ์...เด็กเดี๋ยวนี้จึงหน้าด้านไปโดยไม่รู้สึกตัว ทั้งหญิงทั้งชาย...สื่อมวลชนอันวิเศษของเราทำให้เด็กเกิดออกมา คลอดออกมาก็เป็นอย่างนี้เสียแล้ว
- ๓๐ % ของวิทยุกระจายเสียงนั้น ก็ส่งเป็นคำพูดซึ่งเป็นคำเท็จและคำด่าทางการเมืองของคู่สงครามหรือพวกชาตินิยม...ว่อนไปหมดในบรรยากาศของโลก...และก็ย้อมนิสัยเด็ก ๆ ของเราทั้งโลกให้เป็นคนขี้ด่า มันก็เป็นโลกขอปีศาจที่พูดเท็จและขี้ด่าเท่านั้นเอง
- สำหรับข่าวที่ส่งทางวิทยุ...เป็นข่าวเพื่อหาประโยชน์เสมอไป ไม่ใช่ข่าวที่แถลงความจริงโดยบริสุทธิ์ใจ
- สารคดีสัก ๑๐ % มันก็ยังเป็นสารคดีของวัตถุนิยม ผูกพันคนให้ติดอยู่ในกรงในคอกของวัตถุนิยม
- สื่ออื่น
- แผ่นเสียง...ทำออกมามากในรูปที่ยั่วยวน ที่รักษาของเก่าของเดิมไว้บ้างก็มี...ก็ยังไม่ส่งเสริมบรมธรรม
- มีไฮด์ปาร์คที่ไหนบ้างที่ส่งเสริมบรมธรรม นอกจากพูดในทำนองยุให้รำตำให้รั่ว แบ่งพรรคแบ่งพวก แล้วก็ด่ากันระหว่างพรรคระหว่างพวกชนิดที่ไม่เคยด่ากันมาแต่กาลก่อน
- แฟชั่นโชว์ที่คิดใหม่นี้ ดูเหมือนจะเพื่อตกเบ็ดสตางค์ในกระเป๋าคนทั้งนั้น
- จิตรกรรมที่ทำให้คนเวียนหัว…สื่อมวลชนทั้งหมดนี้ไม่ส่งเสริมบรมธรรม
- วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี พิธีรีตองต่าง ๆ ...มันดึงดูดใจคน...ให้ทำตาม ให้เอาอย่างรักษาไว้นี้สำคัญมาก อย่าไปทำลายของโบราณเสียแล้วไปเป็นครึ่ง ๆ กลาง ๆ
- หนังสือหนังหาตำรับตำรา...มันก็เพื่อผลเป็นวัตถุอีก...เพื่อเป็นปัจจัยที่เราจะชนะผู้อื่น มีแต่อย่างนี้...มันเป็นเสียอย่างนี้ เป็นสื่อที่จะนำไปสู่ความสับสนวุ่นวาย
- สุดท้ายก็คือการจาริกสั่งสอน...ถ้ายังเป็นของบริสุทธิ์อยู่...ก็ยังเรียกว่าเหลือเป็นด่านสุดท้ายของสื่อมวลชนที่จะช่วยมนุษย์
- คุณดูให้ดีว่าสื่อมวลชนกำลังเป็นอย่างไร
... มันเป็นดาบสองคม จะใช้คมไหนให้เป็นสิ่งที่สร้างสันติภาพ
- สื่อมวลชนทั้งหลาย มันกำลังให้ผลเป็นความตกต่ำทางศีลธรรม...ต้องปรับให้ตกนรก
- อันอื่นดูจะล้มละลายหมด เหลืออยู่แต่การจาริกสั่งสอน การยกกองยกพวกออกปฏิบัติงาน สาธารณประโยชน์
- สื่อมวลชนเหล่านี้ทำให้มนุษย์เก่งแต่ในศิลปะแห่งการลวง
- รวมความแล้วสื่อมวลชนเหล่านี้ มันก็เป็นสื่อนำไปสู่วิกฤตการณ์ถาวร ปัญหายุ่งยากที่เป็นการถาวร เป็นสื่อที่นำไปสู่โลกของซาตาน ไม่ใช่โลกของพระเจ้า
- ที่น่าสมเพชเวทนาอย่างยิ่งก็คือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นไปโดยไม่รู้สึกตัว...ไม่รู้จักมัน แล้วไปบูชามัน เห็นกงจักรเป็นดอกบัว
- เดี๋ยวนี้โลกทั้งโลกกำลังใช้สื่อมวลชนไปในทางที่จะขยี้หรือหั่นแหลกดวงวิญญาณของมวลชนนั่นเอง...เป็นเรื่องที่น่าเศร้าตั้ง ๙๙ % มีส่วนน่าชื่นใจสัก ๑ %
- เราจึงมองดูมันในฐานะเป็นปัญหายุ่งยาก เป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ หรือตัวความทุกข์ที่ต้องแก้ไข จนเราสามารถใช้สื่อมวลชนเหล่านี้ไปในทางที่ถูก ให้มันสร้างสิ่งที่น่าชื่นใจขึ้นมา
ธรรมะสำหรับนักหนังสือพิมพ์
- หนังสือพิมพ์เป็นปูชนียบุคคลได้
- มันเหมือนกับหิ่งห้อยตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่ง แต่แล้วมันวิวัฒนาการมาจนเป็นสิ่งที่มีอำนาจ ที่มีอิทธิพลเหมือนกับดวงอาทิตย์
- มันจะเป็นไปในแง่บวกหรือแง่ลบ ก็มันแล้วแต่ว่าเราจะจัดการ
- อาตมามีความมุ่งหมายอย่างยิ่งที่ว่าจะให้หนังสือพิมพ์นั้นมันกลายเป็นเรื่องการกุศล
- หนังสือพิมพ์จึงอยู่ในฐานะที่จะสร้างโลกให้เป็นอย่างไรก็ได้
- ถ้าเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า ท่านทั้งหลายอย่าได้ใช้คำขัดแย้ง
- แม้นักหนังสือพิมพ์เองบางคนคงจะพูดว่า อาตมาบ้า พุทธทาสบ้า ที่จะทำนักหนังสือพิมพ์ให้เป็นปูชนียบุคคล
- นักหนังสือพิมพ์ทำได้ ถ้าสมัครจะทำ
- หนังสือพิมพ์ทำได้ดีกว่าใคร ๆ
- โลกมันกำลังจะวินาศเพราะความเห็นแก่ตัว...ถ้าหนังสือพิมพ์เห็นแก่ตัวเสียเองก็ล้มเหลวหมด
- การปกครองที่ไม่มีการปกครอง เป็นการปกครองที่ประเสริฐที่สุด...ซึ่งหนังสือพิมพ์ช่วยได้และช่วยได้มากกว่าใคร ๆ
- ชวนช้างรอดรูเข็มเสียยังดีกว่า ง่ายกว่า ชวนคนเห็นแก่ตัวมาทำประโยชน์สังคมส่วนรวม
- มันจะพูดกันรู้เรื่องได้อย่างไรเพราะมันมีแต่ความเห็นแก่ตัว
- ความเห็นแก่ตัวมันก็เจริญเจริญขึ้นตามที่มนุษย์เจริญขึ้น...น่าละอายที่ว่ายิ่งเจริญยิ่งเห็นแก่ตัว
- โลกนี้ยังไม่มีสันติภาพเพราะคนในโลกมีแต่ความเห็นแก่ตัว
- การศึกษามันผิด...ทำให้ฉลาดสูงสุด...แล้วไม่มีอะไรควบคุมความฉลาด
- ถ้ามีเรื่องทางศาสนาควบคุมอยู่ มันควบคุมความฉลาดไว้ ความฉลาดนั้นไม่มีโอกาสที่จะเห็นแก่ตัว มันก็ถูกต้อง
- ยิ่งฉลาดยิ่งเห็นแก่ตัว...เพราะว่ามันฉลาดเพื่อเห็นแก่ตัว
- ขอให้ช่วยกันทำให้มนุษย์โลกเห็นความเลวร้ายของความเห็นแก่ตัว หนังสือพิมพ์ทำได้ดีกว่า ใคร ๆ ช่วยให้เห็นอานิสงส์ของความไม่เห็นแก่ตัว
- ธรรมะสำหรับนักหนังสือพิมพ์ก็คือการช่วยกันทำลายข้าศึกอันเลวร้ายของโลกทั้งโลกซึ่งมีอยู่เพียงตัวเดียว ชื่อว่า ความเห็นแก่ตัว
- สิ่งนี้นักหนังสือพิมพ์หรือหนังสือพิมพ์ทำได้ อาตมาขอฝากไว้ไปพินิจพิจารณาดู
สื่อธรรมะมวลชน
- สื่อมวลชนนี่...อาตมาถือว่าเป็นอาชีพที่มีส่วนความเป็นกุศลอยู่ในตัว
- งานมันจึงคล้าย ๆ กับการทำให้คนรู้จักธรรมะ
- ให้เขาได้ทราบ ถึงสิ่งที่ควรจะทราบและก็เป็นประโยชน์
- เรื่องอะไรที่เราจะทำให้เพื่อนมนุษย์ของเราได้ทราบ
- ธรรมะที่แท้จริง นั้นคือหน้าที่ที่สิ่งมีชีวิตจะต้องทำ
- ทางโลกก็ได้ ทางธรรมก็ได้ ทางศาสนาก็ได้ ถ้ามันเป็นเรื่องช่วยให้เรารอดจากปัญหาและความทุกข์
- ขอได้โปรดทราบว่า...เขาแปลคำ ‘ธรรมะ’ ว่า ‘หน้าที่’
- หน้าที่ก็คือสิ่งที่จะต้องทำเพื่อความรอดทั้งทางฝ่ายวัตถุ ฝ่ายร่างกาย ฝ่ายจิต ฝ่ายวิญญาณ ให้มันถูกต้องไปหมด
- สื่อ ๆ ๆ สื่อให้รู้กันทั่วทุกคน ๆ ดำรงตนอยู่ในความถูกต้องแล้วโลกนี้ก็จะหมดปัญหา
- หน้าที่ที่ถูกต้อง...มันดับทุกข์ได้
- ธรรมะคือหน้าที่ที่ถูกต้องที่จะขจัดปัญหาทั้งมวลออกไป
- เราจึงควรจะหาความรู้ที่ถูกต้อง ยุติความถูกต้องว่าทำอย่างไรมันจะเกิดความดับทุกข์ขึ้นแก่ทุกฝ่ายหรือทุกคน...ไม่ใช่ฝ่ายเดียว
- ลัทธินายทุน...เสรีประชาธิปไตย...หรือคอมมิวนิสต์ มันก็แก้ปัญหาในโลกนี้ไม่ได้...ให้มีสันติภาพไม่ได้
- ต้องมีลัทธิหนึ่งซึ่งอยู่ตรงกลาง...ทำไปด้วยความไม่เห็นแก่ตัว แต่เห็นแก่ความถูกต้อง
- ขอให้เราศึกษาเรื่องความถูกต้อง
- จะอยู่ในโลกนี้อย่างสงบ มันก็ต้องมีความถูกต้อง
- ข้อแรกคือการรักผู้อื่น...ข้อเดียวมันพอในโลกนี้...เราจะต้องทำอะไร ๆ ชนิดที่ทำให้เราอยู่รวมกันได้โดยไม่ต้องเกิดเป็นศัตรูกันขึ้นมา
- พอใจในสิ่งที่ถูกต้อง...ความสุขจึงจะเกิดขึ้น
- ถ้ามันมีความถูกต้องคือมีศีลธรรมแล้ว ทุกอย่างมันจะถูกต้องหมด...ระบบเศรษฐกิจ...การเมือง...การปกครอง...ระบบอะไร ๆ มันจะถูกต้องหมด
- ธรรมะคือหน้าที่ที่จะต้องทำอย่างถูกต้อง
- ขอได้โปรดสื่อสารให้ทั่วกันไปว่าความสุขนั้นไม่ต้องใช้เงินเลย
...นี่คือสวรรค์ที่แท้จริง ที่นี่และเดี๋ยวนี้
- สวรรค์อยู่ที่เราทำถูกต้องจนยกมือไหว้ตัวเองได้
- สวรรค์นี้ฉันเห็นแล้ว นรกนี้ฉันเห็นแล้ว
- ความสุขที่แท้จริงคืออย่างนี้ ไม่ต้องใช้เงินแม้แต่บาทเดียว
- ความสุขที่แท้จริงนั้นมันคือนิพพาน เป็นของให้เปล่า
- ความสุขยิ่งหลอกลวงเท่าใด ยิ่งต้องใช้เงินเท่านั้น
- เราทั้งหลายมีหน้าที่ที่จะต้องสื่อสิ่งถูกต้องออกไปทั่วทั้งโลก...เราจะต้องแก้ปัญหาของโลกด้วยสิ่งที่เรียกว่าธรรมะ คือหน้าที่ที่ถูกต้อง
- ลัทธิธรรมะคือหน้าที่ที่ถูกต้อง
- หวังว่าหนทางคงจะพอมี คงจะไม่สายเกินไปในการที่จะสื่อให้ทุก ๆ คนรู้จักธรรมะ แล้วใช้ธรรมะเป็นเครื่องแก้ปัญหา