เมื่อวันที่ 4 มี.ค.2566 ที่ทำการชั่วคราวสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ศูนย์นวัตกรรมและความรู้ สำนักวิทยาบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ชั้น ๗ อาคารบางซื่อจังชั่น กทม. สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มีการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 โดยช่วงเช้าก่อนเริ่มประชุม มีพิธีทำบุญถวายสังฆทานแด่นักหนังสือพิมพ์ผู้ล่วงลับ ณ พระอุโบสถ วัดเสมียนนารี พระอารามหลวง เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สมาคมทำต่อเนื่องมากว่า 61 ปี เพื่อรำลึกถึงบรรดานักสื่อมวลชนรุ่นพี่ผู้ล่วงลับไปแล้ว
จากนั้น นายมงคล บางประภา นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้เป็นประธานในการการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 โดยมีสมาชิกสมัครใหม่มาแสดงตัวต่อที่ประชุมใหญ่จำนวน 48 คน แบ่งเป็นประเภท สามัญสมาชิกจำนวน 41 คน และวิสามัญสมาชิกจำนวน 7 คนต่อจากนั้นอุปนายกแต่ละฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายวิชาการ ฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ ฝ่ายสวัสดิการและสมาชิกสัมพันธ์ และฝ่ายต่างประเทศ ได้รายงานภาพรวมในการจัดกิรรมในรอบปี 2565 ให้สมาชิกรับทราบ พร้อมกันนี้ เหรัญญิก สมาคมฯ ได้รายงานและขอรับรองงบดุลปี 2565 ให้สมาชิกรับทราบ พร้อมกับเปิดโอกาสให้สมาชิกได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสอบถามในประเด็นข้อสงสัย
นายมงคล บางประภา นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย บอกว่า ในปี2566 สถามคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ จะยังคงยืนหยัดในหลักเสรีภาพบนความรับผิชอบ ด้วยการคุ้มครองดูแลสื่อมวลชนให้ทำหน้าที่อย่างเสรี แล้วต้องทำให้สังคมเห็นว่าการทำหน้าที่สื่อมวลชนนั้นมีความแตกต่างจากพลเมืองที่ใช้สื่อทั่วไปในการสื่อสาร โดยเน้นหนักการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เนื้อหาข่าว ความครบถ้วนรอบด้าน และเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เพื่อให้สังคมได้ประโยชน์ต่อข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึงทุกเพศทุกวัย
นอกจากนี้จะมีการปรับแผนงานฝ่ายต่างระเทศ และการอัพเดททำเนียมสมาชิกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ พร้อมเตรียมหารือนำเสนอแนวทางดูแลสมาชิกในเรื่องสวัสดิการใหม่ๆ ส่วนการทำหน้าที่เพื่อสังคมจะต้องยืนหยัดแนวทางการทำงานที่ของสื่อมวลชน ในการรักษาข้อมูลข้อเท็จจริงให้แก่สังคม ท่ามกลางสังคมข่าวหลอก ข่าวล่วงบนโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลสื่อมวลชนให้ได้รับสิทธิเสรีภาพในการทำหน้าที่ด้วย
“สำหรับผมแล้วต้องการให้สังคมได้รับรู้ว่าสื่อกระแสหลักไม่ได้ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มใดๆ แต่คนข่าวทำหน้าที่บนความรบผิดชอบต่อสังคม ในการยึดหลักจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อมวลชน และทำข่าวโดยรอบด้านด้วยความเป็นธรรม แล้วไม่ว่าอนาคตแพลตฟอร์มการนำเสนอข่าวจะเปลียนแปลงเป็นอย่างไร หากแต่เป็นสื่อมวลชนสามารถทำหน้าที่ได้อย่างที่กล่าวมานั้นก็ถือเป็นสื่อกระแสหลักแทบทั้งสิ้น” นายมงคล กล่าว