14กพ53-“มาร์ค”พบคนคุยข่าวแนะลดการชี้นำเลือกข้อมูลเสนอ

วันเดียวกันนี้ (14 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” โดยในสัปดาห์นี้เป็นการจัดรายการรูปแบบนั่งคุยกับนักจัดรายการประเภทคุยข่าว โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า วันนี้อยากชวนทุกท่านที่มีบทบาทนำเสนอข้อมูลข่าวสารถึงประชาชน โดยมีหลายเหตุผลที่เลือกจัดในจังหวะเวลาวันนี้ เนื่องจากรัฐบาลทำงานมา 1 ปีเศษ ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ทบทวนหลายอย่าง และอยู่ในช่วงที่กำลังซักซ้อมกับเพื่อนรัฐมนตรีในการทำงานปีนี้ และเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร ดังนั้นการปรับนโยบาย การวางน้ำหนักมาตรการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น จึงเป็นโอกาสดีที่จะพูดคุยถึงแนวทางนโยบายของรัฐบาล เพื่อสื่อไปถึงประชาชน และสถานการณ์ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงที่มีข่าวสารการเมืองเยอะแยะไปหมด ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนกบ้าง เขาอาจอยากรู้ท่าทีรัฐบาลว่าเป็นอย่างไร เพื่อความเข้าใจที่ดี ต้องยอมรับรูปแบบการนำเสนอข่าวในปัจจุบัน จะเป็นการนั่งคุย การเล่าข่าวมากกว่าการรายงานข่าว จึงเกิดบรรยากาศสบายๆ นั่งฟังคนคุยมากกว่าจะประกาศ แต่ที่ตนเคยเตือนไว้ คือเรื่องความเป็นกลาง ที่ตนไม่เชื่อว่าจะมีจริง ซึ่งตรงนี้เป็นจุดอ่อนหนึ่งของการเล่าข่าว ที่มักมีการชี้นำได้ เลือกประเด็นได้ วันนี้มาพูดคุยกันจะได้ทราบว่ารัฐบาลคิดอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นเป็นการตั้งคำถามของกลุ่มพิธีกรร่วม ซึ่งเป็นนักเล่าข่าวและรายงานข่าวกว่า 30 คน โดยมีการสอบถามความเห็นนายกฯ ต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในปัจจุบัน ซึ่งนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าบทบาทสื่อมีความสำคัญมาก คนเป็นรัฐบาลถ้าไม่มีสื่อสารมวลชน ก็ไม่มีช่องทางที่จะสื่อตรงถึงประชาชนได้ และถึงรัฐบาลจะมีรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ แต่ก็ไม่ใช่ว่าประชาชนทุกคนจะดู ตนเป็นฝ่ายค้านมาก่อน เห็นว่าการเสนอข่าวสารควรมีเรื่องการตรวจสอบการบริหารงานของฝ่ายรัฐด้วย ดังนั้นการเสนอข่าวสารควรเสนอให้ครบทุกแง่มุม แต่แค่ไหนอย่างไรก็ต้องมาถกเถียงกันพอสมควร และสื่อคงต้องทบทวนในแง่การทำงาน ว่าจะเสนอบทวิเคราะห์ แทนที่จะเสนอการรายงานข่าวสาร โดยไม่ให้เป็นการชี้นำไปทางหนึ่งทางใดอย่างไร ก็ถือเป็นศิลปะวิชาชีพเช่นกัน สังคมประชาธิปไตยที่พัฒนาจะเห็นชัด หนังสือพิมพ์ต่างประเทศไม่เอาข่าวมาเรียงกัน ต่างประเทศหากจะมีการนำเสนอเรื่องใด เขาจะมีการสังเคราะห์ทั้งหมด ว่าเป็นอย่างไร การทำงานกับสื่อทุกวันนี้ ก็มีบ้างที่มีความคลาดเคลื่อนเข้าใจไม่ตรงกัน ซึ่งก็อาจไม่มีเจตนา ถือเป็นธรรมดาการทำหน้าที่ ดีบ้าง บกพร่องบ้าง เป็นเรื่องปกติ

เมื่อถามว่า ที่นายกฯมาเลือกคุยตอนนี้ อาจถูกมองใช้สื่อเป็นเครื่องมือได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าทำแบบนั้น หากจะใช้สื่อเป็นเครื่องมือ ตนก็ไม่เลือกการนำเสนอรูปแบบนี้ ไม่มีใบสั่งอะไร ตอนนี้มีข้อมูลแปลกๆตลอดเวลา คำถามเรื่องปฏิวัติ การข่มขู่ต่างๆ จึงอยากรู้ข้อมูลของคนที่สัมผัสข้อมูลมาก ซึ่งตนเชื่อมว่าสื่อสัมผัสม้อมูลมากกว่าตน เชื่อว่าไม่มีใครใช้ใครได้ แต่เปิดเวทีให้คนที่ทำงานใกล้ชิดประชาชน หากใช้สื่อ คงไม่มีใครมาใช้รูปแบบนี้ ให้สื่อสอบถามได้ทุกเรื่อง เมื่อถามเรื่องที่มีจดหมายข่มขู่ทำร้าย อยากจะบอกอะไรคนที่ทำหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งนายกฯ ตนบอกแล้วว่าจะเป็นนายกฯที่ทำงานให้คนทุกคน เป็นความตั้งใจจริง ส่วนใครจะเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ชอบหรือไม่ชอบ แต่ตนตั้งใจจริง ขอให้แสดงออกในรูปแบบที่เหมาะสม เราอาจเห็นไม่ตรงกัน แต่ก็ไม่ควรใช้ความรุนแรง

เมื่อถามว่าขณะนี้มีสื่อรูปแบบต่างๆเกิดขึ้นมาก โดยเฉพาะทีวีผ่านดาวเทียม ที่มีการนำเสนอข่าวสารของตัวเอง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราต้องแสวงหาความพอดี ตนต้องการเห็นสื่อมีเสรีภาพ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีความรับผิดชอบด้วย หากสื่อกำกับดูแลกันเองได้นั่นดีที่สุด เมื่อไหร่ที่เริ่มให้รัฐบาลเข้าไปควบคุมชี้แนะ ว่าตรงนั้นได้ ไม่ได้ ก็จะเป็นการใช้อำนาจเพื่อส่วนอื่นไป และอีกปัญหาคือเรื่องของเทคโนโลยี ที่ยังเป็นปัญหาว่าใครจะมีอำนาจควบคุมจริงๆ เดิมเรามีกทช.ดูแล แต่รัฐธรรมนูญใหม่ต้องมีองค์กร กสทช. ขึ้นมากำกับดูแล ตนได้หารือกับนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็เห็นว่า เรื่องทางเทคนิค ต้องให้องค์กรตามรัฐธรรมนูญช่วยดูแลด้วย เพราะหากเป็นเรื่องของรัฐบาล จะถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมือง คนเห็นต่างทำได้แต่การกระทำที่ผิดกฎหมาย หรือชักชวนคนให้มาร่วมทำผิดกฎหมาย เราต้องไม่ให้ทำ ได้คุยกับทาง กทช.อยู่ ซึ่งอำนาจการกำกับดูแลต้องให้เขาเป็นตัวหลัก

ที่มา ผู้สื่อข่าว ISNHOTNEWS

14 กุมภาพันธ์ 2553