แกน นำเสื้อแดงยันไม่มีแผนบุกสำนักสื่อต่างๆ หากล้ำเส้นเล็งฟ้องร้องตามกฎหมาย

แกน นำเสื้อแดงยันไม่มีแผนบุกสำนักสื่อต่างๆ หากล้ำเส้นเล็งฟ้องร้องตามกฎหมาย

เมื่อเวลา 10.45 น.  วัน ที่ 18 ก.พ. ที่รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.แถลงตำหนินายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสื่อรัฐ ได้แจ้งเตือนไปยังผู้บริหารสื่อทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ว่า  ให้ระวังคนเสื้อแดงจะเข้าไปบุกคุกคามสื่อ ว่า ยืนยันว่าคนเสื้อแดงจะไม่ใช้วิธีการเดียวกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์บุกยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เมื่อวันที่ 26 ส.ค.2551 วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ควรแสดงความรับผิดชอบที่ปล่อยให้สมาชิกพรรค 8 คน ในจำนวนผู้ต้องหา 85 คน บุกยึดเอ็นบีที นายสาทิตย์ไม่ต้องห่วงว่าคนเสื้อแดงจะทำอย่างนั้น จะห่วงก็ห่วงคนของรัฐบาลที่แฝงตัวเข้ามาในกลุ่มเสื้อแดงแล้วก่อเหตุโยนความ ผิดให้คนเสื้อแดงดีกว่า ดังนั้น อยากฝากถึงผู้บริหารสื่อหากพบคนใส่เสื้อสีแดงเข้าไปดำเนินการใดๆ ขอให้จับทันที เพราะวันนี้รัฐบาลพยายามผลักไสว่า  คนเสื้อแดงเป็นปฏิปักษ์กับสื่อเหมือนกับเหตุการณ์ที่กลุ่มแดงเทียมบุกกระทำ การรุนแรงที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์  ยืนยันว่าคนเสื้อแดงจะไม่ไปบุกสื่อต่างๆ เหมือนกับกรณีการทุบแท่นพิมพ์หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เพราะถ้าสื่อรุกล้ำก้ำเกิน เราก็จะใช้วิธีการฟ้องร้องตามกฎหมาย อยากเตือนให้นายสาทิตย์ไประมัดระวังคนพวกเดียวกัน ที่ชอบทุบแท่นพิมพ์และยึดสถานีมากกว่า


วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนำนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสื่อของรัฐ เรียกประชุมผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ วิทยุ วิทยุชุมชนต่างๆ เพื่อชี้แจงการทำหน้าที่ของคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) โดยนายสาทิตย์กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องเรียกผู้บริหารสื่อ เนื่องจากขณะนี้มีการกระจายข่าวเพื่อสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง ขณะนี้รัฐบาลติดตามสถานการณ์ 2 ช่วงเวลา 1. ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 26 ก.พ. ซึ่งเป็นห่วงว่ายิ่งใกล้วันที่ 26 ก.พ.จะมีการสร้างผลกระทบให้เกิดกับกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น 2. หลังจากวันที่ 26 ก.พ.ที่เหตุการณ์อาจเกิดความเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่ง คตม.จะต้องติดตามสถานการณ์การเมืองช่วงนี้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา นปช.ได้เคลื่อนไหวทางการเมืองหลายรูปแบบทั้ง กทม. ภูมิภาค มีการสร้างข่าวให้เกิดความเข้าใจผิด รวมถึงความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณที่มีถี่ขึ้นในช่วงหลัง


นายสา ทิตย์กล่าวว่า รัฐบาลประเมินว่า นับจากวันนี้ถึงวันที่ 26 ก.พ.หากสามารถชี้แจง 2 เรื่องต่อไปนี้ได้ จะไม่มีเงื่อนไขมาสร้างความรุนแรงคือ 1. การชี้แจงถึงกระบวนการยุติธรรมของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทาง การเมือง ขณะนี้ได้ประสานงานกับศาลฎีกาฯเรียบร้อยแล้วว่า ในวันที่ 26 ก.พ.จะมีการถ่ายทอดเสียงคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 และวิทยุเครือกรมประชาสัมพันธ์ 2. การไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมสร้างข่าวบิดเบือนสถานการณ์ ทั้งนี้ จะมีการตั้งศูนย์รักษาความปลอดภัย กทม.เพื่อให้ประชาชนแจ้งเบาะแสความผิดปกติต่างๆเข้ามา ผ่านสายด่วน 1555 จำนวน 120 คู่สาย ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเริ่มเปิดศูนย์วันที่ 24 ก.พ.


นาย สาทิตย์กล่าวถึงกรณีที่ประชุม คตม.มีความกังวลถึงการใช้สื่อของคนเสื้อแดงหรือไม่ว่า ได้ประเมินสถานการณ์ว่า ช่วงนี้ต้องระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสารเพราะอีกฝ่ายพยายามใช้ข้อมูลข่าว สารที่สร้างเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การนัดชุมนุมที่รุนแรง ดังนั้นได้แนะนำทุกฝ่ายว่า การสื่อสารของรัฐช่วงนี้ต้องให้ข้อมูลที่เท็จจริง ซึ่งในสัปดาห์หน้าก็จะทำมากขึ้นคือ จะทำให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทาง การเมืองที่จะตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทมีกระบวนการพิจารณา โปร่งใส ยุติธรรมอย่างไร สามารถหักล้างได้อย่างไร ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการบิดเบือนหรือไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล

///////////////