สมาคมนักข่าวฯ หวั่นความรุนแรงบานปลาย ขยายปมคุกคามสื่อ จี้รัฐเร่งหาตัวผู้กระทำผิดหลังคนร้ายปาระเบิดเพลิงรถยนต์”มติชน “

สมาคมนักข่าวฯ หวั่นความรุนแรงบานปลาย ขยายปมคุกคามสื่อ จี้รัฐเร่งหาตัวผู้กระทำผิดหลังคนร้ายปาระเบิดเพลิงรถยนต์"มติชน "

นายวีระศักดิ์ พงศ์อักษร เลขาธิการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากสาเหตุที่คนร้าย2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ ก่อเหตุเผารถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีแดง หมายเลขทะเบียน ฐฐ 4609 กรุงเทพมหานคร ของนายเลิศรบ เชื่อมั่น อายุ 38 ปี พนักงานรับส่งเอกสารบริษัทมติชน จำกัด (มหาชน) ที่จอดอยู่ข้างแนวกำแพงรั้วบริษัทมติชน จำกัด (มหาชน) เมื่อเวลา 01.05 น.วันที่ 2 เมษายน นั้นเราไม่ได้บักใจว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง เพียงแต่เป็นห่วงว่า การก่อความรุนแรง ลอบวางปาและยิงระเบิด ในสถานที่ต่างๆ และสถานที่ปฎิบัติงานของสื่อมวลชนนั้น มีอัตราถี่มากขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง

เพราะในช่วงไม่ถึงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มีผู้ลอบวาง ปาและยิงระเบิดตามสถานที่ต่างๆทั้งที่เป็นหน่วยงานของรัฐ และพื้นที่สาธารณะกว่า 20 ครั้ง และก่อนหน้านี้เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 27 มีนาคม 2553 ในห้วงเวลาที่ห่างกันไม่ถึง 3 ชั่วโมง มีผู้ขว้างระเบิดใส่สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และยิงลูกระเบิดชนิด เอ็ม 79 ใส่อาคารของสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ถนนวิภาวดีรังสิต ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย

"ผมเห็นว่า การคุมคามองค์กรสื่อ เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น อย่างน่าวิตก ไม่สามารถบักใจได้ว่าฝ่ายใดกระทำ แต่เข้าใจได้ว่า เป็นกลุ่มที่จ้องหาประโยชน์ จากผลของความรุนแรง ทั้งจากประโยชน์ทางการเมืองหรืออย่างอื่น สังคมจึงควรออกมาประนามการกระทำของกลุ่มดังกล่าว เพื่อที่การเจรจา หรือการสร้างสันติสุขของคนในชาติ จะได้บังเกิดขึ้น"

ขณะเดียวกัน ขอย้ำอีกครั้งว่า สื่อมวลชนไม่ว่าจะเป็นผู้ปฏิบัติงานภาคสนามหรือองค์กรสื่อไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใคร และพยายามทำหน้าที่ในการรายงานข่าวและความคิดเห็นอย่างรอบด้านที่สุด แต่ก็ไม่อาจทำให้ทุกฝ่าย ซึ่งมีความเห็นทางการเมืองแตกต่างกันพึงพอใจได้ทั้งหมด

เพราะการนำเสนอข่าวหรือการแสดงความคิดเห็นใดๆที่ประชาชนเห็นว่า ไม่ถูกต้องหรือละเมิดจริยธรรม ก็สามารถใช้กลไกทางกฎหมายหรือกลไกทางวิชาชีพ

 

นายวีระศักดิ์ ยังเห็นว่า รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ต้องเพิ่มมาตรการในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน พร้อมทั้งเร่งสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว เนื่องจากสถานการณ์ ยังไม่ลดระดับความรุนแรงลงเลย ตรงกันข้ามมีแนวโน้มขยายผลมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งจะมีการชุมนุมใหญ่อีกครั้งในวันเสาร์ที่ 3 เม.ย.นี้และเริ่มมีองค์กร ที่คิดเห็นแตกต่าง ออกมาชุมนุม ด้วยนั้น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยิ่งต้องเพิ่มมาตรการในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชนทุกฝ่าย