แถลงการณ์สภาพัฒนาการเมือง-ต่อกรณีสถานการณ์วิกฤตการณ์

 

แถลงการณ์สภาพัฒนาการเมือง
ต่อกรณีสถานการณ์วิกฤตการณ์

ทางการเมือง
ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ภาวะวิกฤติความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันระหว่างรัฐบาลกับแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา สถานการณ์ดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความตึงเครียดกับสังคมไทย สร้างความกังวลในเรื่องความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงกับรัฐบาลที่มีตำรวจและทหารหลายหมื่นนายที่ทำหน้าที่รักษาความสงบ ถึงแม้ได้พยายามแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยการเจรจากันมาแล้ว 2 ครั้ง ก็ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้
สภาพัฒนาการเมืองมีความเป็นห่วงและวิตกกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้มีการประชุมสภาพัฒนาการเมืองสมัยวิสามัญ ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2553 ที่ประชุมมีมติให้ออกแถลงการณ์เพื่อแสดงจุดยืนและเจตนารมณ์ของสภาพัฒนาการเมืองเพื่อเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการร่วมกันเพื่อหาทางออกให้กับวิกฤติการณ์ทางการเมืองทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้
1.    ข้อเสนอระยะสั้น
1.1    ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ใช้ความรุนแรงต่อกันในการแก้ไขปัญหา ขอให้คู่กรณีของความขัดแย้งได้คำนึงถึงผลกระทบความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับสังคมไทย พึงแก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวิธี การต่อสู้เรียกร้องทางการเมืองไม่ควรแสดงออกด้วยความรุนแรง ไม่ควรใช้วาจาที่สร้างความเกลียดชังที่มีต่อกันระหว่างพี่น้องร่วมชาติและที่สำคัญคือต้องละเว้นจากการพาดพิงถึงสถาบันหลักของชาติไม่ว่าโดยตรงหรือโดยปริยาย
ทั้งนี้ขอให้ทุกฝ่ายเคารพรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และดำเนินการตามขอบเขตของสิทธิของตนโดยเคารพและไม่ละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
1.2    สภาพัฒนาการเมืองเห็นว่า การเจรจาของทั้งสองฝ่ายเป็นสิ่งที่ดีควรดำเนินการต่อไป ส่วนการยุบสภาฯ หรือไม่ หรือยุบเมื่อใดนั้นเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายควรตกลงกันเอง โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะของประเทศและประชาชน
ไม่ว่าทั้งสองฝ่ายจะมีการตกลงยุบสภาฯ เมื่อใดก็ตาม กระบวนการทั้งก่อนและหลังการยุบสภาฯ จะต้องไม่นำมาซึ่งความแตกแยกของคนไทยด้วยกันเอง ในกระบวนการที่จะเลือกตั้งผู้แทนราษฎรที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งสองฝ่ายจะต้องยืนยันกับประชาชนได้ว่าจะไม่หาเสียงโดยสร้างความเกลียดชัง ความโกรธแค้นให้เกิดขึ้นในหมู่พี่น้องร่วมชาติ รวมไปถึงเมื่อมีการดำเนินการบริหารประเทศต่อไปในอนาคตไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดก็ตามจะต้องไม่เป็นกระบวนการที่ก่อให้เกิดความร้าวฉานต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม จะต้องไม่กระทำการใดๆ ที่ก่อให้เกิดความบาดหมางระหว่างคนไทยด้วยกัน หากมีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นในอนาคตผู้รับผิดชอบจะต้องเป็นทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาล
2. ข้อเสนอเพื่อหาทางออกระยะยาว
ด้วยเหตุวิกฤตของชาติครั้งนี้ไม่สามารถแก้ไขได้เพียงเฉพาะฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายที่ขัดแย้งกับรัฐบาลเท่านั้น ต้องอาศัยการผนึกกำลังทุกภาคส่วนของสังคมไทย โดยที่ประเทศไทยเป็นของคนไทยทุกคน ควรที่คนไทยทุกๆ ภาคส่วนต้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจกำหนดชะตา อนาคตของประเทศด้วยการปฏิรูปประเทศไทยร่วมกัน
สภาพัฒนาการเมืองยินดีเป็นองค์กรทำหน้าที่เชื่อมประสานกับคนไทยทุกภาคส่วนในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นให้เกิดฉันทามติเพื่อออกแบบประเทศไทยในอนาคตร่วมกัน เพื่อให้ได้สังคมไทยใหม่ที่มีความเป็นธรรม มีภราดรภาพคือความเป็นพี่น้องร่วมชาติที่อาทรต่อกันและเป็นสังคมที่มีสันติสุขไร้ความแตกแยกร้าวลึกดังที่เป็นอยู่ สภาพัฒนาการเมืองจะเปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันคิดปฏิรูปสังคมไทย จัดทำข้อเสนอยุทธศาสตร์การปฏิรูปประเทศไทยในระยะยาวที่มีสาระสำคัญ คือ การปฏิรูปการจัดสรรผลประโยชน์และทรัพยากร การปฏิรูประบบบริหารของรัฐ การจัดสรรอำนาจใหม่ และอื่นๆ ซึ่งต้องอาศัยการเคลื่อนไหวทางสังคมให้เกิดกระบวนทัศน์ใหม่และร่วมกันผลักดันยุทธศาสตร์ให้เป็นจริง โดยสภาพัฒนาการเมืองจะช่วยเปิดพื้นที่ทางสังคมการเมืองให้คนไทยทุกหมู่เหล่าที่ไม่มีพื้นที่ในการแสดงออกได้มีพื้นที่หรือเวทีสำหรับการพูดคุย ปรึกษาหารือและแสดงความคิดเห็น เพื่อนำไปสู่การหาฉันทามติร่วมกันในสังคม เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอต่อสาธารณะอันเป็นที่ยอมรับร่วมกันที่จะดำเนินการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ทิศทางที่พึงประสงค์
จึงขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยเจ้าของประเทศทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการปฏิรูปประเทศไทยร่วมกัน และขอให้ติดตามข่าวสาร การดำเนินกิจกรรมของสภาพัฒนาการเมืองในระยะต่อไป

(ศาสตราจารย์ ดร.สุจิต บุญบงการ)
ประธานสภาพัฒนาการเมือง
วันที่ 6 เมษายน 2553