8เมย.53-สาทิตย์เตือนสื่อทำหน้าที่ต้องเสนอข่าวอย่างระวังช่วงประกาศพรก.ฉุกเฉิน

สาทิตย์เตือนสื่อทำหน้าที่ต้องเสนอข่าวอย่างระวังช่วงประกาศพรก.ฉุกเฉิน

เมื่อเวลา 11.40 น.นายสาทิตย์  วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงและบังคับใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมทั้งประกาศและข้อกำหนดต่างๆไปเมื่อวันที่7เม.ย.แล้ว เพื่อให้ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)ได้ดำเนินการให้สถานการณ์ กลับคืนสู่ความปกติ และคืบหน้าหลายเรื่อง ประเด็นที่ศอฉ.ให้ความสำคัญเมื่อคืนวันที่7เม.ย.นี้คือเรื่องสื่อมวลชนในข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้อ2 ที่ระบุว่า ห้ามการเสนอข่าว การจำหน่าย หรือทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ในทั่วราชอาณาจักร

“ในข้อนี้ผมขอเรียนไปยังสื่อมวลชนทั้งหลายว่า  ยังทำหน้าที่ในฐานะสื่อสารมวลชนได้อย่างปกติ  แต่สิ่งใดที่กระทบทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวหรือเจตนาบิดเบือนข่าวสาร หรือทำให้เกิด ความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เป็นข้อห้ามภายใต้พ.ร.ก.ฉบับนี้ และครอบคลุมสื่อทุกประเภท  เช่น สิ่งพิมพ์ ออนไลน์  โทรทัศน์ดาว เทียม โทรทัศน์และวิทยุทั่วไปด้วย”นายสาทิตย์ กล่าว

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ศอฉ.จึงถือโอกาสนี้เรียนไปยังสื่อมวลชนทั่วราชอาณาจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเคเบิ้ลทีวีซึ่งยังไม่มีการแจ้งอย่างเป็นทางการ และเรื่องนี้ได้เกี่ยวกับพีเพิลแชนแนล ความจริงรัฐบาลไม่ได้มีการดำเนินการกับช่องนี้ในตลอดเวลาที่ผ่านมาเพราะเห็น ว่าแม้เป็นการเผยแพร่ข้อความที่จะไปกระทบและละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและบุคคล สามารถฟ้องร้องทางคดีได้แต่ระยะหลังที่ปรากฏพีเพิลแชนแนลได้ถ่ายทอดเวทีการ ชุมนุมและมีหลายข้อความที่บิดเบือนข้อมูลข่าวสารอย่างจงใจ  และ ส่งผลกระทบต่อสถาบัน บุคคล องค์กร สิ่งสำคัญคือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดเป็นการปลุก ระดมประชาชนให้มีความเกลียดชังรัฐและเจ้าหน้าที่ และกระทำการผิดกฎหมาย เช่น นำคลิปตัดต่อมาออกอากาศ   ล่าสุดถ่ายทอดการชุมนุมที่เวทีแยกราชประสงค์    และ เวทีชุมนุมนั้นถูกประกาศว่าผิดกฎหมายและขัดรัฐธรรมนูญตามคำสั่งศาลแพ่ง การถ่ายทอดในเวทีเช่นนั้นเป็นการทำผิดกฎหมายและสนับสนุนการทำผิดกฎหมาย จึงมอบหมายให้หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการเพื่อระงับยับยั้งไม่ให้ พีเพิลแชนแนลและการสื่อโดยช่องทางอื่นที่เกี่ยวข้องใช้ข้อความบิดเบือน ปลุกระดมทำให้เกิดความเข้าใจและอาจทำให้สถานการณ์บานปลายลุกลามได้

นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า ขอเรียนว่าเจ้าหน้าที่พยายามตลอดเวลา  โดยเมื่อคืนวันที่7เม.ย.และเช้าวันนี้ต้องยอม รับว่าพีเพิลแชนแนลมีการดำเนินการที่สลับซับซ้อน   โดย ใช้ดาวเทียมมากกว่าหนึ่งดวงมีการดำเนินการผ่านสื่อหลายทาง โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ตและดาวเทียม โดยได้รับความร่วมมือจากบุคคลบางกลุ่มบางพวกที่เกี่ยวข้องกับอำนาจเก่าสมัย รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลพยายามขอความร่วมมือ  และใช้อำนาจตามกฎหมายที่มีอยู่ดำเนินการ   แต่เป็นการดำเนินการด้วยความยากลำบาก เมื่อคืนนี้ได้ดำเนินการจนสามารถที่จัดการดาวเทียมระบบซีแบนด์ได้ แต่ยังเหลือระบบเคยูแบนด์ และเพิ่งดำเนินการได้ในช่วงสายวันนี้ ทราบว่าตอนนี้กลุ่มผู้ชุมนุมจะพยายามที่จะให้มีการเผยแพร่ออกอากาศอีกครั้ง   ขอเรียนว่าเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องระงับยับยั้งไม่ให้ ถ่ายทอดสื่อที่เป็นการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารและจงใจที่จะทำให้เกิดสถานการณ์ ที่ปั่นป่วนต่อไปอีก

“ขอเตือนสื่อมวลชนว่า   การ นำเสนอข่าวของผู้ชุมนุมนั้นขอให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง  หากมีการปราศรัยปลุกระดมบนเวทีและนำข้อมูลบิดเบือนมาเผยแพร่ต่ออาจ เข้าข่ายไม่เป็นไปตามข้อกำหนดในการประกาศพ.ร.ก.ฉบับนี้ด้วย  ทั้งหมดที่กระทำไปนี้เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ปกติโดยเร็วและทราบว่า ตอนนี้แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่มีการแจ้งไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมที่ยังชุมนุม ว่าพีเพิลแชนแนลโดนปิดแล้วและอาจเป็นผลที่เกรงว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะเกิดความ วิตกกังวลและออกจากที่ชุมนุมได้ จึงเรียนไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องว่าได้มีการดำเนินการปิดพีเพิลแชนแนลแล้ว ส่วนที่อาจถามว่ากังวลหรือไม่ที่อาจมีการปลุกระดมคนกันมากขึ้นนั้น  ทราบว่ามีความพยายามดำเนินการอยู่แล้วแต่เจ้าหน้าที่ประสานไปยังผู้ ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศให้ดูแลอยู่แล้ว    และยังมีการเพิ่มความเข้มงวดและป้องกันสื่อมวลชนของรัฐ เช่นเอ็นบีทีและช่องอื่นๆเพราะอาจมีการปฏิบัติการตอบโต้ได้ โดยเจ้าหน้าที่จะใช้อำนาจที่มีอยู่ในการระงับยับยั้งด้วย”นายสาทิตย์ กล่าว

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้กลุ่มพันธมิตรฯใช้เอเอส ทีวีเผยแพร่การชุมนุมแต่ไม่มีการปิดสถานี หากปิดพีเพิลแชนแนลแบบนี้จะสองมาตรฐานหรือไม่  นายสา ทิตย์กล่าวว่า   สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมในประเทศไทยมีหลายร้อยสถานีและที่รู้จักดีคือ สถานีป้าเช็ง ประเด็นในตอนนี้คือคณะอนุกรรมการ ในคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)ที่มีหน้าที่ดูแลสถานีโทรทัศน์ ดาวเทียมอยู่นั้น หลายสถานีเคยได้รับใบประกอบการชั่วคราวก่อนหน้าพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความ ถี่พ.ศ.2541 ตอนที่กรมประชาสัมพันธ์ยังมีอำนาจในขณะนั้น และรัฐธรรมนูญ2540ยกเลิกอำนาจนี้ไป โดยใบอนุญาตหมดอายุไปด้วย แต่โทรทัศน์ดาวเทียมยังดำเนินการต่อได้  จากนั้นจึงมีการเปิดโทรทัศน์ดาวเทียมอีกหลายช่อง หากเนื้อหาไม่เป็นการดำเนินการผิดกฎหมายหรือปลุกระดมบิดเบือนเข้าข่ายทำให้ เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายก็สามารถดำเนินการต่อได้โดยการอนุโลมของคณะกรรมการฯ กทช.หากมีเนื้อหาปรากฏดั่งพีเพิลแชนแนลต้องดำเนินการปิดไปกรณีที่เกิดขึ้น ชัดเจนคือกรณีดีสเตชั่น ในช่วงวันที่11-12เม.ย.2552 นั้นมีการดำเนินการในลักษณะเดียวกัน ฉะนั้นหากยกกรณีเอเอสทีวีขึ้นมาจะเป็นกรณีที่แตกต่างเพราะเข้าใจว่ายุคที่เอ เอสทีวีต่อต้านรัฐบาลในขณะนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในขณะนั้นที่จะดำเนินการ แต่ตอนนี้เอเอสทีวีไม่มีลักษณะการใช้ข้อมูลบิดเบือนและทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย เช่นการถ่ายทอดการชุมนุมที่แยกราชประสงค์

เมื่อถามว่ามาตรการต่อไปหลังปิดช่องทางการบิด เบือนข่าวสารแล้วคือสื่งใด  นายสาทิตย์กล่าวว่าจะดำเนินการในภารกิจที่นายกฯระบุ ไปแล้วเมื่อวันที่7เม.ย.ตอนนี้ทราบว่ามีความพยายามปลุกระดมคน เข้ามาร่วมชุมนุมในกทม.มากขึ้นและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯและผอ.ศอฉ.แถลงข่าวว่าการดำเนินการนั้นเป็นข้อห้าม ฉะนั้นการตั้งด่านสกัดทั้งหลายในการชี้แจงทำความเข้าใจได้เกิดขึ้นตั้งแต่ คืนวันที่7เม.ย.แล้ว   ส่วนเวทีที่แยกราชประสงค์นั้นจะมีการดำเนินการที่จะให้ผู้ ชุมนุมที่นั่นที่เปิดเครื่องเสียงไว้จะมีการให้ระงับตรงนั้นเพราะเป็นการ เปิดเครื่องขยายเสียงที่รบกวน ส่วนความพยายามดำเนินการกับแกนนำนปช.นั้นจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ คือในส่วนที่มีหมายเรียกและหมายจับ  วันนี้ศอฉ.จะเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมและเป็นอำนาจ หน้าที่ตามพ.ร.ก.ฉบับนี้มาดำเนินการ แต่จะเป็นใครบ้างนั้นอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งโดยหลักแล้วจะเรียกสอบถามข้อมูลข้อเท็จจริง ส่วนบุคคลที่มีส่วนช่วยเหลือการถ่ายทอดสัญญาณพีเพิล แชนแนลนั้นมีหลายกลุ่ม เช่นอาจดำเนินการทางธุรกิจหรือช่วยกันก็ดีโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในการทำให้ พีเพิล แชนแนลออกอากาศได้ โดยได้มอบให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว แต่ที่ทราบยังัไม่มีคนของราชการเกี่ยวข้อง เมื่อถามว่าวิทยุชุมชนยังมีการถ่ายทอดสดจากเวที ชุมนุมจะทำอย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า  ก็เข้าลักษณะเดียวกัน ก็คือ เข้าตามข้อ2ของข้อกำหนดตามมาตร9 ซึ่งตนพูดตกไปถึงวิทยุชุมชน ซึ่งวิทยุชุมชนจะมีสองส่วน 1.กรณีถ่ายทอดสดจากเวที ชุมนุมที่แยกราชประสงค์ซึ่งอาจจะรับสัญญาณถ่ายทอดโดยตรงหรือเป็นการรับ สัญญาณจากพีเพิลชาแนลก็ตามอันนี้ต้องยุติการออกอากาศในเรื่องนั้นโดยทันที 2.เป็นการดำเนินการโดยวิทยุชุมชนเอง ถ้าเข้าข่ายลักษณะที่เป็นข้อห้ามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็เตรียมเจ้า หน้าที่ไปดำเนินการ ส่วนกรณีของSMSปลุกระดมนั้นก็มีการดำเนินการมีการทำ หนังสือเตือนไปยังโอเปเรเตอร์แล้ว ส่วนการส่งข้อความผ่านอินเตอร์เน็ตนั้นทางไอซีทีก็ได้มีการแจ้งเตือน รวมทั้งว๊อยออฟทักษิณก็อยู่ในส่วนที่ต้องดำเนินการด้วย อย่างไรก็ตามจะไม่มีการไปกลั่นแกล้งบุคคลหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นการเฉพาะ เพราะจะใช้อำนาจตามอำเภอใจหรืออารมณ์ไม่ได้ต้องใช้หลักของเหตุผล

เมื่อถามว่าศอฉ.ได้ประเมินหรือไม่ว่าหลังการประกา ศพรก.ฉุกเฉินแล้วยังมีการไปยิงถล่มพรรคการเมืองใหม่และตึกทีพีไอ นายสาทิตย์ กล่าวว่า  มีการติดตามสถานการณ์โดยใกล้ ชิดและหลายสถานการณ์ก็เป็นความกังวลของศอฉ.อยู่แล้ว จะเห็นได้ว่า4ภารกิจที่นายกฯแถลงไปในการประกาศพรก.ฉุกเฉินก็คือ กรณีของการก่อเหตุความรุนแรงและการวินาศกรรมเพราะกรณีที่เกิดขึ้นก็สามารถ ใช้อำนาจตามพรก.เข้าไปตามหาข้อเท็จจริงถึงกลุ่มที่ลงมือกระทำการได้

นายสาทิตย์กล่าวว่า ส่วนกำหนดการของนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกฯในการเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนามในวันที่7-8เม.ย.นั้น เนื่องจากสถานการณ์ของประเทศมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน   นายกฯ จึงได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต้องการเห็นเหตุการณ์คลี่คลายไปในทาง ที่ดีและเป็นปกติโดยเร็ว   เนื่องจากมีการดำเนินการ หลายทางและอาจเกิดแรงกดดันกับผู้ชุมนุมได้ อาจมีปฏิบัติการใดๆที่ทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นมา  นายกฯจึงตัดสินใจที่จะไม่ไปร่วมประชุม   และมอบให้นายกษิต  ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตัวแทนประเทศไทยไปทำหน้าที่ดังกล่าว โดยเวียดนามมีความเข้าใจสถานการณ์ของไทยที่เกิดขึ้น โดยได้แจ้งไปยังนายกษิตเพื่อให้แจ้งต่อประเทศเจ้าภาพแล้ว  รัฐ บาลเเละศอฉ.หวังว่าหากได้รับความร่วมมือจากประชาชนและมีการทำความเข้าใจกับ ทุกฝ่าย สถานการณ์น่าจะกลับคืนสู่ปกติสุขโดยเร็ว