สมาคมนักข่าวฯเข้าช่วยเหลือนักข่าวไทยรัฐถูกมือดีส่งข้อความขู่ฆ่าหลังเปิดโปงการทุจริต

ฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวฯ ประสานสภาทนายความ เข้าช่วยเหลือนักข่าวไทยรัฐ ถูกมือดีส่งข้อความขู่ฆ่าหลังจากเสนอข่าวเปิดโปงการทุจริต “ฟัน 11 ขรก.อุทยานทุ่งแสลงหลวงทุจริตฝายแม้ว เสียหาย 2.7 ล้าน

(20 ก.ย.) นายเกรียงไกร ภู่ระย้า ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมด้วย นายเชษฐ์ สุขสมเกษม รองเลขาธิการฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และนายอังคาร ดวงตาเวียง ทนายความ จากสภาทนายความ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.จิรภัทร แต้มทอง พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ไม่ประสงค์ดี ซึ่งส่งข้อความทางโทรศัพท์ข่มขู่ทำร้าย หลังจากที่นายเกรียงไกร ได้เสนอข่าวกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีหนังสือมายังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เอาผิดข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการสร้างฝายแม้ว อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง โดยนายเกรียงไกรได้นำหลักฐาน ซึ่งเป็นโทรศัพท์มือถือส่วนตัว ยี่ห้อโนเกีย และหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับวันที่ 19 ก.ย.2556 มามอบให้กับพนักงานสอบสวนด้วย

นายเกรียงไกร กล่าวว่า มีคนส่งข้อความมาทางโทรศัพท์ 3 ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2556 เวลา 18.00 น.มีข้อความว่า “ไอ้นักข่าวชั่วขายตัว มึงเป็นทาสรับใช้เอี้ยงหรือไงวะ เห็นแก่ผลประโยชน์อันน้อยนิด ทำให้มึงขาดจรรยาบรรณเชียวหรือวะ มึงขายข่าวโดยไม่สนใจข้อเท็จจริง ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน หมามันจนตรอกมันต้องสู้โว้ย มึงระวังครอบครัวมึงไว้ให้ดีเถอะ ลูกปืนไม่กี่บาทหรอกโว้ย" ต่อมาได้มีการส่งข้อความที่ 2 และ3 ตามมา ช่วงเวลา 08.13 น.ของวันที่ 20 ก.ย.2556 เป็นข้อความในลักษณะข่มขู่เช่นเดียวกัน โดยส่งมาจากหมายเลข 0927314385

“เชื่อว่าสาเหตุที่ถูกข่มขู่มาจากการนำเสนอข่าวกรณีที่ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมีหนังสือแจ้งมายังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เอาผิดวินัย อาญาและเเพ่ง กับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จำนวน 11 คน  ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการสร้างฝายแม้วมูลค่ากว่า 770 ล้านบาท ซึ่งทางสตง. ทำการสอบสวนมานาน 5 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2551 ผมเองก็ได้นำเสนอข่าวเรื่องนี้พร้อมสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม โดยข่าวที่นำเสนอได้ลงหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ หน้า 1 ฉบับวันที่ 19 ก.ย.2556” นายเกรียงไกร กล่าว

นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า ข่าวที่ลงไปเป็นการนำเสนอข่าวตามหน้าที่ปกติ เหมือนหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นที่มีการเสนอข่าวนี้ ยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีความโกรธแค้นส่วนตัวกับเจ้าหน้าที่ที่ถูกสอบสวนแต่อย่างใด ข้อความที่ส่งมาก็ระบุได้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเสนอข่าวอย่างแน่นอนและตนเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใคร ส่วนข้อความที่ระบุว่า “เอี้ยง” นั้นน่าจะหมายถึง นายดำรง พิเดช  อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งนายดำรงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ขณะเดียวกันตนเองก็ไม่มีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัวกับนายดำรง เพียงแต่รู้จักกันในฐานะนักข่าวกับแหล่งข่าวเท่านั้น

ด้านนายเชษ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นการคุกคามการทำหน้าที่สื่อมวลชน ซึ่งทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ตรวจสอบแล้วว่ากรณีนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอย่างแน่นอนจึงได้ประสานกับนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ เพื่อขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย ซึ่งทางสภาทนายความได้ส่งทนายมาช่วยดูแลด้านอรรถคดี ทั้งนี้ ทางสมาคมนักข่าวฯ จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกลัชิดเพราะถือว่าเป็นการคุกคามเสรีภาพสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่โดยสุจริต

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมด และให้ฝ่ายสืบสวนหาที่มาขอเบอร์โทรศัพท์ที่ส่งข้อความดังกล่าวเพื่อติดตามมาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป