"ความจริงทีมงานจับข่าวเรื่องขบวนการลักรังนกอีแอ่นมานานแล้ว ดูทุกจังหวัดในภาคใต้ที่มีการประมูล ไม่เฉพาะที่จังหวัดพัทลุงเท่านั้น เพราะพวกนี้เป็นขบวนการที่ขโมยในภาคใต้หลายเกาะ"
รางวัลอิศรา อมันตกุล เป็นหนึ่งในรางวัลที่ทำให้คนข่าวรู้สึกภูมิใจ นอกเหนือจากความรักในวิชาชีพ อุดมการณ์ ทั้งนี้ทุกปี สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้มอบประกาศเกียรติคุณให้แก่ผู้เป็นเจ้าของผลงานและต้นสังกัด เพื่อเป็นแรงกระตุ้นในการพัฒนาให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพและสร้างเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมสืบไป
เบื้องหลังข่าว "รางวัลอิศราอมันตกุล" เรื่อง “ตีแผ่ขบวนการลักรังนกอีแอ่นครั้งมโหฬารฯ ฆ่านกฯนับล้านตัว” ซึ่ง “ดำฤทธิ์ วิริยะกุล บรรณาธิการข่าวภูมิภาค นสพ.ไทยรัฐ” ได้รับรางวัลอิศรา อมันตกุล ประเภทข่าวดีเด่นสำหรับสื่อหนังสือพิมพ์ ประจำปี 2564 บอกเล่าถึงการทำข่าวชิ้นนี้ ผ่านรายการ “ช่วยกันคิดทิศทางข่าว” ว่า ทีมข่าวตั้งเป้าว่าจะทำข่าวนี้เพื่อเอารางวัล จึงต้องวางสเตปและวางทีมงานในการเก็บข้อมูลต่างๆ ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องรายงานข่าว เปิดโปงเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ยอมรับว่าการทำงานมีความสุ่มเสี่ยง เนื่องจากกระทบกับผู้มีอิทธิพล เป็นขบวนการใหญ่ คนในภาคใต้รู้ว่าดีว่าใครอยู่เบื้องหลัง มีทั้งนักการเมืองระดับชาติ นักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการในพื้นที่ และเครือข่ายคนที่เก็บรังนกบ้างบางส่วน เขาจะส่งเข้าตลาดมืดในประเทศไทย จะมีแหล่งรับซื้อที่เขารู้กันอยู่
จึงต้องคัดเลือกประเด็นข่าวและเนื้อหา จัดชุดทีมเฉพาะกิจลงไปดูว่าแต่ละข่าว ความหนักเบายากง่ายและเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งความเสี่ยงนั้นสำคัญที่สุดเพราะต้อง save นักข่าวในพื้นที่ ทั้งนี้ฝ่ายขบวนการก็มีการตรวจสอบอยู่ตลอดเช่นกันว่า ข่าวนี้ใครเป็นคนทำ หรือนักข่าวคนไหนทำข่าวนี้ เราจึงต้องหาข่าวแบบเงียบๆ บางทีปลอมเป็นชาวบ้านหรือผสมโรงไปกับตำรวจ เพราะอันตรายคนแปลกหน้าเข้าพื้นที่ก็โดนเพ่งเล็ง ชาวบ้านเห็นแปลกหน้ามา ถามและเตือนว่าเป็นทีมข่าวหรือเปล่า ให้ระวังและทำตัวเป็นชาวบ้านธรรมดามาเที่ยว อย่าไปกระโตกกระตาก เพราะพวกนี้สายข่าวเยอะอันตราย เมื่อนักข่าวเราไปทำข่าวในพื้นที่เสร็จแล้วก็ออกมาพักอีกจังหวัดหนึ่ง ก็ต้อง save คนทำงานเพราะเรื่องนี้เรื่องใหญ่ถึงตายได้
แต่ถ้านักข่าวในพื้นที่บอกว่ายังสู้ไหวมีทีมงาน เราก็ต้องให้เกียรติเขา เราก็ต้องบอกไปว่าอยากได้ประเด็นนี้ ให้หาข่าวและส่งประเด็นพวกนี้มาก่อน ถ้าครบถ้วนแล้วขอให้ตามประเด็นเพิ่มเติม เราจะเปิดข่าวนี้จับประเด็นไหนต่อ ต้องบอกเป็นขั้นตอนไป เช่น ในเรื่องของรังนกเริ่มจากการมีการเตรียมการประมูล เปิดประมูลแล้วเราก็มีการเตือนว่าระหว่างประมูลให้ระวัง เพราะปกติจะมีการขโมยรังนกเป็นประจำ ก็ต้องไปตามคนที่รู้เรื่องนี้ให้ออกมาเตือนว่า มีการขโมยกันแล้วฝ่ายจังหวัดต้องหามาตรการป้องกันการลักขโมย
ความจริงทีมงานจับข่าวเรื่องขบวนการลักรังนกอีแอ่นมานานแล้ว ดูทุกจังหวัดในภาคใต้ที่มีการประมูล ไม่เฉพาะที่จังหวัดพัทลุงเท่านั้น เพราะพวกนี้เป็นขบวนการที่ขโมยในภาคใต้หลายเกาะ จนไม่มีใครยอมประมูลเพราะไม่คุ้ม มีการขโมยในช่วงวันส่งมอบสัมปทาน แต่ที่จังหวัดพัทลุงจะเป็นเรื่องใหญ่ จะเก็บรังนกปีละ 3 ครั้งเวลาสัมปทานเก็บแค่ 3 ครั้ง โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐมาคอยควบคุม ชั่งกิโลเก็บได้เท่าไหร่ก็ทำเป็นบัญชีเอาไว้ สุดท้ายก็ต้อง declare ทุกวันที่เก็บ เช่น เก็บ 10 วันจำนวนเท่าไหร่เป็นมูลค่าเท่าไหร่ก็จะทำบัญชีไว้ แต่สัมปทานของบริษัทเก่าปีที่ผ่านมาครั้งที่ 2 เขาไม่ได้เก็บ ก่อนที่จะครบสัมปทาน เพราะมีเรื่องของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และลูกนกโตช้า คนทำจึงต้องการรักษาประชากรนกเอาไว้
ยอมขาดทุนเพื่อสร้างและรักษาประชากรนก เพราะรังนกนางแอ่นหนึ่งรัง จะมีลูกนกอยู่ 2 ตัว ฉะนั้น 5-6 แสนรังในจังหวัดพัทลุงที่เขาไม่เก็บ จึงเป็นช่องโหว่ให้ขบวนการพวกนี้เริ่มวางแผนกัน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ใช้สายสนกลในกับกลุ่มข้าราชการในพื้นที่และเครือข่าย ซึ่งข้าราชการก็รู้ว่าปีนี้มีรังนกอยู่จำนวนมาก ทีมข่าวจึงมีการเสนอข่าวดักไว้ก่อน ว่าการประมูลรังนกนี้ต้องประมูล ในราคาที่สมควรตามสภาพจริง เราไม่ต้องการให้เห็นว่าประมูลสูง เพื่อถ่วงเวลาให้คนประมูลไม่ได้ เมื่อคนไม่ประมูลก็จะมีช่องว่างให้ระยะเวลา การส่งมอบนานออกไป จึงเป็นช่องโหว่ให้ขบวนการพวกนี้ขโมยได้มาก
เราก็ลงข่าวเตือนให้รู้ว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นและตามเป็นระยะๆ สัมภาษณ์คนที่รู้เรื่องนี้ให้ออกมาเตือน และติดตามเรื่องการเปิดประมูล ซึ่งประมูลครั้งแรกก็ตั้งราคาไว้สูง ประมูลถึงครั้งที่ 8 ก็ยังไม่มีใครมาประมูลจนครั้งที่ 9 ก็มีการเปิดประมูลสู้ราคาที่ 400 ล้านบาท บริษัทสยามเนสซึ่งเป็นบริษัทสัมปทานเดิม ซึ่งเขาไม่เก็บรังนกครั้งที่แล้ว เขาก็มาสู้กันในราคาที่ 400 ล้านบาท เขาก็ได้ไป แต่พอได้ประมูลแล้วยังไม่ส่งมอบ บริษัทนี้เขาก็รู้อยู่แล้วว่าต้องมีการขโมย จึงได้ทำหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ให้ส่งตำรวจชุดของภาค 9 มาคอยดู และสืบสวนเพราะทราบว่ามีการขโมยรังนกแล้ว ทางภาค 9 ก็ใช้วิธีติดตามเครือข่ายที่ติดต่อขายในตลาดมืดมีการล่อซื้อ จับได้ 2-3 คนมีการขยายผล เขาก็สารภาพว่าระหว่างที่จะเข้าไปขโมย ประสานงานเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าเกาะ ขโมยถึง 5 ครั้งแต่ขโมยครั้งที่ 5 ถึงโดนจับ ซึ่งตรงนี้เราก็มีการนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง
“เรานำเสนอรูปแบบข่าวเจาะลึก โดยจัดทีม 2 ส่วนเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่อง ของอิทธิพลใหญ่คนไม่รู้ว่ามันไปเรื่องอิทธิพลใหญ่ นักข่าวในจังหวัดพัทลุงแทบจะไม่ค่อยกล้าทำข่าวนี้เลย เพราะรู้ว่ามีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง มีกลุ่มมือปืนอยู่ด้วยเมื่อมันถึงตายได้ เราก็ต้อง save นักข่าวของเรา โดยจัดทีมเฉพาะกิจลงไปในพื้นที่ เจาะข่าวแล้วนำเสนอในรูปแบบของการรายงานข่าว ประกอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชิงลึก ซึ่งเรารู้แล้วแคะระคาย แล้วสั่งให้ทีมนักข่าวตาม จึงจัดทีมเฉพาะกิจไปช่วย เจาะข่าวเก็บประเด็นต่างๆ ส่วนนักข่าวในพื้นที่เราก็ให้ดูในประเด็นที่เป็นประเด็นหน้างาน คือเรื่องของการประมูลการจับกุม หรือมีเหตุการณ์เกิดขึ้นทุกวัน ขณะเดียวกันก็มีการประสานข้อมูลกับกลุ่ม ส.ส. เพื่อให้ไปพูดในสภา เป็นตัวกระตุ้นทางหนึ่งโดยนำเสนอข่าวว่าส.ส.ให้ความสำคัญในเรื่องนี้”
นอกจากนี้เราทำหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ท่านจึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมทีมงานสืบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติลงไปสืบหา โดยใช้ 2 ทีมเป็นหลักและสถานีตำรวจที่พัทลุงประกอบ เพราะเขารู้ว่าการเคลื่อนไหวทุกอย่างข่าวมันรั่วแน่ เนื่องจากมีข้าราชการหลายฝ่ายที่มาร่วมในขบวนการครั้งนี้เยอะมาก ทั้งนี้ต้องชมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดี เป็นการถอนรากถอนโคน คือ พล.ต.อ.สุชาติ และพล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ได้ส่งทีมไปจับกุมเครือข่ายพวกนี้ที่อยู่จังหวัดอื่น ตามไปรวบและบล็อกตัวมาใช้วิธีกดดันจนได้ตัวมาหลายคน และบางส่วนให้มาเป็นพยาน ตำรวจมีชุดทำงานลับเช่นกันในเรื่องนี้ เพราะถ้าหากข่าวแพร่งพรายออกไปก็จะรั่วหมด จึงต้องใช้ตำรวจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกชุดหนึ่ง ไปสืบสวนสอบสวนด้วย เนื่องจากผู้ต้องหามีทั้งตำรวจระดับผู้กำกับ รองผู้กำกับ ชั้นประทวน ข้าราชการฝ่ายปกครอง ระดับผู้ช่วยปลัดจังหวัด นายอำเภอ อส. พลเรือน บางส่วนชุดที่เก็บรังนก จากที่อื่นก็เข้ามามีส่วนตกเป็นผู้ต้องหาด้วย
“เราส่งทีมงานเข้าไปเจาะและไปประกบหาข้อมูลจากข้าราชการน้ำดี เพราะมีข้าราชการที่ไม่เห็นด้วยการกระทำของกลุ่มคนพวกนี้ให้ข้อมูลเราด้วย แต่บอกว่าให้เลี่ยงอย่าออกชื่อ โดยหาช่องทางในการนำเสนอข่าว ซึ่งเขาให้ข้อมูลที่แท้จริงและเอกสาร เราก็ไม่เสนอข่าวตรงๆว่าข้อมูลนี้ได้มาจากคนนี้ โดยใช้วิธีเลี่ยงไปสัมภาษณ์เพิ่มเติม หรือให้ใครพูดโดยนำข้อมูลนี้ไปคุยกับคนที่พอรู้เรื่องและกล้าพูด เราก็นำเสนอจากข่าวพวกนี้ออกมา เราเห็นว่ามีข้าราชการที่ดี ไม่เห็นด้วยกับขบวนการพวกนี้เยอะมาก เขาบอกว่าถ้ามีสื่อที่กล้าเปิด เขาก็พร้อมที่จะให้ข้อมูล เขาอยากให้นำเสนอ บอกว่าขบวนการพวกนี้ ย่ามใจกันมาก”
เขาคาดว่าเฉพาะรังนก 5-6 แสนรัง จะมีลูกนกจำนวน 2 ตัวต่อรัง ทำให้นกหลายแสนเกือบล้านตัวที่ต้องเสียไป ส่วนการจุดไฟในถ้ำเป็นการไล่นกทำให้นกสำลักควันตายลงมา ซึ่งภาพที่นกนางแอ่นตกลงมาตายกับพื้นไม่เคยมีปรากฏให้เห็น เมื่อเราส่งทีมงานลงไปก็ตกใจมาก ว่าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ได้อย่างไร มีขยะเยอะแยะแล้วยังมีการจุดไฟรมควัน แต่เขาก็พยายามปฏิเสธกัน เพราะการจุดไฟไล่นกและทำให้ลูกนกตายด้วย ในถ้ำจะไม่ทำอย่างนี้กันและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่เฝ้าเกาะบางส่วนก็รู้เห็นเป็นใจ ซึ่งตำรวจภูธรภาค 9 พยายามที่จะเข้าไปตรวจสอบก็โดนไล่ออกมา สุดท้ายก็เห็นว่ามีขบวนการ ทั้งฝ่ายปกครองข้าราชการที่ไปเฝ้าเกาะที่รับผิดชอบเฝ้าเกาะ ร่วมเป็นขบวนการใหญ่ก็เลยมีการจับกลุ่มกันได้ ซึ่งชาวบ้านให้ข้อมูลกับชุดสืบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ทำคดี
หลังจากนี้เรายังจะเกาะติดเฝ้าตามอยู่ตลอด ทุกจังหวัดที่มีการเปิดประมูล เพราะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ คนที่ไม่ติดตามเรื่องรังนกก็จะไม่รู้ว่ารังนกเป็นสมบัติของชาติ และไม่ต้องลงทุน แต่มีมูลค่าที่คุณต้องรักษาไว้ให้เกิดประโยชน์ เพราะนกบินมาไกลมาสร้างรังอยู่ที่นี่ คุณไม่ต้องลงทุน เพียงแต่ว่ารอบๆเกาะรังนกต้องตัดระบบนิเวศด้วย คนจะไม่รู้ว่ารอบเกาะรังนกเขาจะห้ามทำประมง บางทีต้องนำปลาไปปล่อยด้วย ให้มีธรรมชาติที่นกจะบินหาอาหารในทะเลรอบๆนั้น เขาจึงไม่มีการไปทำประมงเลย เพราะฉะนั้นคนจึงได้บอกว่าพวกสัมปทานรังนกถึงต้องห้ามเข้าเกาะเข้าพื้นที่ เพราะถ้าเข้าเกาะก็จะไปทำลายระบบนิเวศของการดูแลนก
“แม้จะมีคนถูกจับกุมถึง 47 คนในครั้งนี้ แต่ความจริงแล้วมีตัวการอยู่เบื้องหลัง เขาตกลงกันว่าอย่าซัดทอดถึงคนที่อยู่เบื้องหลัง เพราะฉะนั้นจึงสาวไม่ถึง แม้คนในพัทลุงและภาคใต้จะรู้กันอยู่ว่าเป็นใคร แต่เขาไม่พูดกันมีแม้กระทั่งคลิปที่เปิดทางให้ขโมย เรามีอีกคลิปหนึ่งซึ่งเป็นคลิปลับ ที่เค้ายังไม่เปิดเผยเป็นหลังบ้านของข้าราชการผู้ใหญ่คนหนึ่ง โดยมีการติดต่อเจรจากันด้วย อันนี้ก็ยังไม่เปิดเผย เขายังเก็บไว้ รอจังหวะที่จะเปิดเผยอยู่ แต่ตอนนี้เขาเห็นว่าเป็นการหยุดยั้งขบวนการพวกนี้ได้แล้ว” ดำฤทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย
ติดตามรายการ "ช่วยกันคิดทิศทางข่าว" ทุกวันอาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.โดยความร่วมมือของ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และ คลื่นข่าว MCOT News FM 100.5