บรรยากาศเทศกาลสงกรานต์ที่เพิ่งผ่านไปสดๆร้อนๆ หลายพื้นที่ทั่วไทยสุดคึกคัก ทำให้เม็ดเงินสะพัดนับแสนล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยและชาวต่างชาติ อัดอั้นอยากออกมาฉลองเล่นน้ำสงกรานต์จำนวนมาก ทำให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการ มองเห็นทางออกการท่องเที่ยวที่สดใส “อมรรัตน์ จรูญสมิทธิ์ ผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจอาวุโส หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ประจำทำเนียบรัฐบาล” วิเคราะห์ภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวของประเทศไทย ใน “รายการช่วยกันคิดทิศทางข่าว” ว่า
ภาพรวมนักท่องเที่ยวคึกคัก ปี 66 ททท.ตั้งเป้า 30 ล้านคน
ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ตัวเลขนักท่องเที่ยวเริ่มหายตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงสิ้นปี 2563 และปี 2564 นักท่องเที่ยวน้อยที่สุด เหลือเพียง 4 แสนคน ส่วน ปี 2565 มีโควิดระลอกใหม่ พอปี 2566 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) บอกว่าจะต้องนำนักท่องเที่ยว กลับมาให้ได้ประมาณ 80% ของปี 2562 ซึ่งไทยเคยมีตัวเลขนักท่องเที่ยว 39 - 40 ล้านคน เท่ากับว่าปีนี้ไทยตั้งเป้า จะต้องนำนักท่องเที่ยวเข้าประเทศให้ได้ 30 ล้านคน แต่ ททท.กลับระบุตัวเลขเพียง 25 ล้านคน
หลังจากนั้นไม่นานจีนก็เปิดประเทศ จึงเพิ่มเป้านักท่องเที่ยวจีนจาก 5 ล้านคนเป็น 7ล้านคน ฉะนั้นปีนี้มาลุ้นกันว่าจะได้ตัวเลข 30 ล้านคนหรือไม่ ซึ่งภาพรวมการท่องเที่ยวคึกคักมาก เพราะตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้คือวันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม เข้ามาแล้ว 6.4 ล้านคน และวันที่ 1-12 เมษายน มีตัวเลข 814,000 คน ถ้ารวม 1 มีนาคม - 12 เมษายน ลองบวกตัวเลขได้ 7.5 ล้านคน สมมุติว่าถ้าไตรมาสละ 6 ล้านคน 4 ไตรมาสก็คูณเข้าไป ได้ไม่ต่ำกว่า 24 ล้านคนแน่นอน
ช่วงโควิดเปรียบภูเก็ตเป็นเมืองซอมบี้ ตอนนี้ฟื้นตัว นักท่องเที่ยวพุ่งเป้ามาไทยอื้อ
“ช่วงสถานการณ์โควิด นายกรัฐมนตรี ยกคณะลงไปประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่ จ.ภูเก็ต เนื่องจากต้องการกระตุ้นภูเก็ต ที่แทบจะเป็นเมืองร้าง เพราะถ้าไปที่ป่าตอง ตามปกติกลางคืนจะต้องคึกคัก ตอนนั้นเหมือน “เมืองซอมบี้” ในหนังร้าง แต่ตอนนี้กลับมาเยอะแล้ว โดยเฉพาะภูเก็ตกลับมาก่อนที่อื่น เพราะเป็นจังหวัดแรกที่รัฐบาลเดินเรื่องการเปิดประเทศ”
ก่อนหน้านี้ภาคเอกชนมองว่าไตรมาสแรกช่วง Low Season ของไทย นักท่องเที่ยวอาจจะเยอะ เพราะอยู่ติดกับ High Season แต่ปรากฏว่าตารางการบินฤดูร้อน นักท่องเที่ยวเพิ่มเที่ยวบินเข้าประเทศ แต่ตรงนี้น่าแปลกใจมาก ปรากฏว่าตารางการบินฤดูร้อนตอนนี้ สูงกว่าช่วงฤดูหนาวอีก เฉพาะที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตารางการบินฤดูหนาวมีเที่ยวบินเข้ามา 35,228 เที่ยวบิน แต่ช่วงตารางบินฤดูร้อนมีถึง 84,848 เที่ยวบิน ก็เป็นสิ่งการันตีได้ว่า Low Season ของเมืองไทยปีนี้ไม่น่าจะมี เพราะเที่ยวบินเยอะ แสดงว่าความต้องการของนักท่องเที่ยว ที่อยากเดินทางเข้าไทยจำนวนมาก คงต้องมาลุ้นกันว่าปีนี้นักท่องเที่ยวจะถึง 30 ล้านคนหรือไม่
ไตรมาศแรกปี 66 นักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเป็นอันดับ 1 แต่จับตารัสเซีย-อินเดีย
สำหรับนักท่องเที่ยวจีนตัวเลขเพิ่มขึ้น จาก 5 ล้านคนเป็น 7 ล้านคน ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของทุกชาติ แต่ ณ ตอนนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาไทยประมาณแล้วประมาณ 517,000 คน แต่ปีที่แล้วและ 3 เดือนแรกของปีนี้ นักท่องเที่ยวมาเลเซียยังเป็นอันดับสูงสุด มีจำนวน 902,621 คน ถ้ารวมตัวเลขที่มาเที่ยวช่วงสงกรานต์ มาเลเซียน่าจะถึงหลักล้านคนแล้ว
นอกจากนี้รัสเซียเป็นอีก 1 ประเทศที่น่าจับตา เพราะทั้งปี 2562 เคยมาเที่ยวไทย 1.5ล้านคน แต่ 3 เดือนแรกของปีนี้มีประมาณ 5.6 แสนคน ถือว่าเป็นตัวเลขที่เยอะมาก อารมณ์ก็คือ 1.ไม่ได้เที่ยวหลายปี 2. หนีจากภาวะเครียดเรื่องสงคราม มาอยู่คอนโดแถวภูเก็ตจำนวนมาก น่าจะมีเศรษฐีรัสเซียบินมาเยอะเพราะชอบภูเก็ต จึงมีสังคมรัสเซียจำนวนมาก น่าจะชวนกันมาเพราะอากาศดี มีทะเลที่ลงน้ำได้ด้วย
ส่วนอินเดียเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่เข้ามาเที่ยวเมืองไทยเช่นกัน และในอนาคตประเทศไทยอยากจะให้อินเดียมาทดแทนจีน เพราะเป็นประเทศที่มีประชากรเกิน 1 พันล้านคนเหมือนกัน ซึ่งจีนเคยมาเที่ยวประเทศไทย 80 ล้านคนแล้ว ขณะที่อินเดียมาประมาณ 2 ล้านคน แม้ตัวเลขจะต่างกันมาก แต่ททท.กลับมองว่าอินเดียเป็นประเทศใหญ่ ที่สามารถทำตลาดได้
กลางปี 2564 ช่วงที่ไทยกำลังเปิดประเทศ อินเดียเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ (เพราะว่าจีนยังไม่เปิดประเทศ) ที่เข้ามาช่วยท่องเที่ยวไทยได้เยอะมาก เวลาเขามาแล้วจะกลับไปพูดต่อๆกัน ทำให้มีญาติพี่น้องหรือเพื่อนๆอยากตามมา เช่น เหมาเครื่องบินมาร่วมงานแต่งงาน และยังเหมาโรงแรมถึง 4 วันเพื่อเข้าพัก เป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายสูง แต่อินเดียกลุ่มที่ใช้จ่ายไม่สูงก็มีเข้ามาเช่นกัน
ชี้ 5 อุปสรรค กระทบท่องเที่ยว
สำหรับอุปสรรคและปัญหาที่กระทบการท่องเที่ยวของไทยมีเยอะมาก เท่าที่ได้คุยกับผู้ประกอบการบอกว่า คนรัสเซียอยากจะมาไทยมากกว่านี้ อยากเพิ่มเที่ยวบินแต่เพิ่มไม่ได้ เหตุผลเพราะ 1.ท่าอากาศยานหลักๆอย่างสุวรรณภูมิหรือภูเก็ต เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินไม่เพียงพอ เพราะมีการ Lay Off พนักงาน ออกไปช่วงโควิด ตอนนี้ยังไม่เปิดรับเพิ่ม ทำให้เจ้าหน้าที่บริการภาคพื้นจำนวนไม่เพียงพอ เขาบอกว่าแบบนี้เหมือนสะดุดขาตัวเอง ยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไป
2. ผู้ประกอบการโรงแรม มีปัญหาค่าใช้จ่ายต้นทุนสูงขึ้น น้ำ, ไฟ , อาหาร ,บริการ,จัดเลี้ยงต่างๆ แต่ไปขึ้นราคากับลูกค้าไม่ได้ 3. สายการบินตอนนี้ราคาแพงมาก อาจเพราะน้ำมันปรับขึ้นราคาด้วย แต่ที่กล้าเพิ่มเที่ยวบิน ในตารางบินฤดูร้อน เพราะมีคนต้องการบินมาประเทศไทย คนที่อยากบินมาต้องจ่ายค่าเครื่องบินเพิ่ม จากเดิม 2 เท่า ฉะนั้นการันตีได้ว่าพวกนี้คือกลุ่มคนที่มีเงิน เข้ามาอยู่ในไทยนานขึ้น ใช้จ่ายเงินมากขึ้นซึ่งถือเป็นข้อดี 4.ธุรกิจท่องเที่ยวทั้งหมดขาดแคลนแรงงานจำนวนมาก ทั้งโรงแรมและร้านอาหาร เพราะประเทศไทยยังไม่มีระบบการนำเข้า แรงงานต่างชาติที่ดี มีการเรียกร้องกันว่าควรตั้งระบบการนำเข้าให้ถูกต้อง ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก
รัฐบาลรู้แล้วกลุ่มจีนสีเทา คือ ทัวร์อั้งยี่ มาแทนทัวร์ศูนย์เหรียญ
5. ประเด็นใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาในปัจจุบัน คือ “ทัวร์อั้งยี่” มาแทน “ทัวร์ศูนย์เหรียญ”เพราะช่วงสถานการณ์โควิด 3 ปี คนจีนกลุ่ม 1 ใช้ชีวิตและทำธุรกิจในประเทศไทย รู้จักประเทศไทยมากขึ้น เปิดร้านอาหารใหญ่ๆจำนวนมากแถวรัชดา ซึ่งตอนนี้ผู้ประกอบการจีนร่วมมือกัน ระหว่างบริษัทขายทัวร์รายใหญ่ เหมาตั๋วเครื่องบินไว้หมด ร่วมมือกับคนจีนที่อยู่ในไทย ทำทัวร์ลักษณะคล้ายๆศูนย์เหรียญ แต่ทำเฉพาะกลุ่มคนจีนด้วยกัน แล้วเอาคนจีนเข้ามาโดยที่ผู้ประกอบการคนไทยไม่ได้อะไรเลย
“ที่บอกว่าเมื่อตอนต้นปี มีคนจีนเข้ามา 5 แสนกว่าคน คนที่ได้ประโยชน์ จึงเป็นกลุ่มคนจีนด้วยกันเท่านั้น เพราะแทบไม่มีการส่งต่อนักท่องเที่ยวเลย ผู้ประกอบการจึงมองว่าเกิดจากกลุ่มคนจีน ก่อการร่วมกันหลายคน จึงเรียกว่า “ทัวร์อั้งยี่” ซึ่งรัฐบาลรู้ปัญหาแล้วว่ากลุ่มนี้เป็นจีนสีเทา บางทีประกอบธุรกิจไม่ถูกกฎหมายในประเทศไทย ทางการรู้แล้วจับตามองอยู่ ซึ่งตำรวจบอกว่าเรื่องพวกนี้ต้องรวบรวมหลักฐาน ถึงจะดำเนินการทางกฎหมายได้”
แต่อีกวิธี 1 กรมการท่องเที่ยว ในกำกับดูแลของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ไปร่วมมือกับสถานฑูตจีน เพราะมีรายชื่อบริษัททัวร์ที่ถูกต้องของไทย จึงให้ส่งนักท่องเที่ยวมาในแบบที่ถูกต้อง ขณะที่สถานทูตจีนบอกว่า คนที่ทำผิดเหล่านี้ไม่ค่อยกลัวกฎหมายไทย แต่จะกลัวกฎหมายจีนมาก
ไม่รู้ว่าในที่สุดจะปราบได้หรือไม่ เท่าที่สอบถามผู้ประกอบการรายใหญ่ของไทย ไม่กล้าพูดตรงๆว่าเป็นทัวร์อั้งยี่ บอกเพียงว่าได้ยินมีการพูดกัน ว่าโฮเต็ลรายใหญ่ของจีนเหมาตั๋วเครื่องบินไปหมดแล้ว บริษัทจึงทำทัวร์ไม่ค่อยได้ ตรงนี้น่าเป็นห่วงเพราะเขามาใช้ทรัพยากรท่องเที่ยวของไทย แต่โกยเงินกลับประเทศ คนไทยแทบไม่ได้อะไร กลัวว่ากว่าจะปราบคนกลุ่มนี้ได้ คนไทยจะยิ่งเสียเปรียบดังนั้นต้องรีบดำเนินการ
ติดตาม “รายการช่วยกันคิดทิศทางข่าว” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.โดย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ คลื่นข่าว MCOT News FM 100.5