อัปเดตไทม์ไลน์การเมือง ผ่านปีมังกรลุยไฟ!!”

            “การเมืองในปี 2567 รัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ภายใต้การบริหารประเทศ ของนายเศรษฐา และการทำงานของ น.ส.แพรทองธาร จะต้องเร่งสร้างทั้งผลงานและความนิยม เพื่อเรียกศรัทธาของพรรคกลับคืนมา ซึ่งจะเป็นการ“ปูพรมแดง” ให้นางสาวแพรทองธาร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในอีก 4 ปีข้างหน้า”

            

ญาณี ไหว้ครู ผู้สื่อข่าวการเมือง สถานีโทรทัศน์ Thai PBS” วิเคราะห์ “อุณหภูมิการเมืองไทยปี'67 ระอุไม่แผ่ว!” ใน “รายการช่วยกันคิดทิศทางข่าว” ว่า อีเวนท์ใหญ่ๆของการเมืองที่ต้องจับตาและติดตามมีหลายประเด็น ผ่านนิยามการเมืองปี 2567 ถ้าจะสอดคล้องกับปีนักษัตร คือ มะโรงงูใหญ่หรือปีมังกร ก็อาจเป็นมังกรเล่นน้ำหรือมังกรลุยไฟ คือ ประเด็นที่ 1. วันที่ 3 - 5 มกราคมนี้ จะมีการถกร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567

             ประเด็นที่ 2. กรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเลย 120 วันมาแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไร และทักษิณจะได้รับประโยชน์ จากระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 หรือไม่ ซึ่งล่าสุดเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2566 มีการเคาะ 5หลักเกณฑ์แนวทางปฏิบัติ หลักการบริหารโทษรายบุคคล ด้านทัณฑปฏิบัติที่สำคัญ ( การจำแนกลักษณะผู้ต้องขัง , การเลื่อนชั้นนักโทษเด็ดขาด , การลดวันต้องโทษจำคุก , การพักการลงโทษ และ การขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ) ต้องติดตามดูว่าทักษิณจะเข้าข่าย 1 ใน 5 หลักเกณฑ์ดังกล่าวหรือไม่ 

            ประเด็นที่ 3.ประเด็นของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย กรณีถูกร้องขาดคุณสมบัติ สส.เพราะถือหุ้นสื่อไอทีวีปลายเดือนมกราคมนี้ หลังจากนั้นก็จะมีประเด็นของศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ จะไต่สวนกรณีถูกร้องว่ายังถือหุ้นส่วน และเป็นผู้ถือหุ้นและเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น เป็นการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 ประกอบ พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี 2543 มาตรา 4(1) ไล่เรียงกันไป 

            ประเด็นที่ 4. พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน ที่รัฐบาลจะนำไปขับเคลื่อนนโยบาย“ดิจิทัล วอลเล็ต” ซึ่งฝ่ายค้านโดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล วิเคราะห์ว่านโยบายนี้น่าจะถึงทางตัน เพราะรัฐบาลไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งล่าสุดเรื่องอยู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ต้องติดตามความคืบหน้าว่าจะเป็นอย่างไร คาดว่าประมาณเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมก็จะรู้

            และประเด็นที่ 5. การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)  แม้นายกรัฐมนตรีบอกว่าจะยังไม่ปรับ เพราะเพิ่งทำงานได้เพียง 3-4 เดือน ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะไม่ได้ปรับออก แต่อาจจะปรับเพิ่มเข้ามาหรือไม่ เพราะยังมีตำแหน่งว่างอยู่ 2 เก้าอี้ คือ โควต้าของพรรคเพื่อไทยและโควต้าของพรรคพลังประชารัฐ  

เพื่อไทยต้องเร่งสปีดผลงานและสร้างศรัทธา

             “การเมืองในปี 2567 รัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ภายใต้การบริหารประเทศ ของนายเศรษฐา ทวีสินและการทำงานของ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะต้องเร่งสร้างทั้งผลงานและความนิยม เพื่อเรียกศรัทธาของพรรคกลับคืนมา และจะเป็นการ“ปูพรมแดง” ให้นางสาวแพรทองธาร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในอีก 4 ปีข้างหน้า

            ญาณี บอกว่า 1 ในนโยบายที่พรรคเพื่อไทยและรัฐบาล กำลังจะชูในต้นเดือนมกราคมนี้ คือ “บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่” ซึ่ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข จะการคิคออฟ  เปิดการใช้บัตรดังกล่าวที่ จ.ร้อยเอ็ด โดยจะมี น.ส.แพรทองธารและเศรษฐา ไปร่วมงานด้วย ถือเป็นการเปิดผลงานใหญ่อีกโครงการหนึ่งของรัฐบาล

            ขณะเดียวกันโปรเจคสงกรานต์เฟสติวัล ของน.ส.แพรทองธาร ก็จะเริ่มโหมโรงประชาสัมพันธ์การตลาดในเดือนมกราคมนี้เช่นกัน เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ จากนั้นไฮไลท์ช่วงกลางปี 2567 จะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นเวทีที่ 2 ของฝ่ายค้าน ต่อจากการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ต้องจับตาว่ามีข้อมูลเพียงพอที่จะเขย่ารัฐบาลได้หรือไม่ หากสะสมข้อมูลไปเรื่อยๆ ถึงช่วงเวลานั้นฝ่ายค้านอาจจะมีข้อมูลมากเพียงพอ ที่จะเขย่ารัฐบาลก็เป็นได้

“เพื่อไทยมั่นใจ เศรษฐาไม่ถูกเปลี่ยนม้ากลางศึก พร้อมปูพรมแดงให้“อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกฯในอนาคต”

            ส่วนการปูทางเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพรทองธาร โดยนายเศรษฐา อาจจะถูกเปลี่ยนม้ากลางศึกนั้น  ญาณี วิเคราะห์ว่า ดูปฏิกิริยาของนายเศรษฐาที่มั่นใจว่า จะอยู่ได้ 4 ปีสบายๆ ขณะที่ฝ่ายค้านมองว่า หากไม่สามารถหาแหล่งกู้เงินมาดำเนินโครงการ “ดิจิทัล วอลเล็ต” ได้ เรื่องนี้ก็จะเขย่ารัฐบาลและอาจจะต้องเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี  มาเป็น น.ส.แพรทองธารหรือไม่ ก็เป็นซินาริโอหนึ่งที่คอการเมืองวิเคราะห์

            แต่ในมุมของพรรคเพื่อไทยนั้น นายเศรษฐายังเป็นนายกรัฐมนตรี ได้จนครบเทอมสบายๆ ไม่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของนายเศรษฐาเท่าไหร่ ที่อาสามาทำงานการเมืองในช่วง 4 ปีนี้ ขณะเดียวกัน น.ส.แพรทองธาร ก็จะสั่งสมประสบการณ์ทางการเมือง  เตรียมพร้อมที่จะเป็นแคนดิเดตชิงนายกรัฐมนตรี และ“ปูพรมแดง” ให้ น.ส.แพรทองธาร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในอีก 4 ปีข้างหน้า

            หากจะจำกันได้นายทักษิณเคยให้สัมภาษณ์ว่า น.ส.แพรทองธาร จะต้องทำ สร้างกระแสนิยมและความศรัทธากลับมา เพราะคู่แข่งทางการเมืองตอนนี้ คือ พรรคก้าวไกล เพื่อจะชิงฐานเสียงทางการเมืองกลับคืนมา ถือเป็นอีกบทบาทหนึ่งที่สำคัญ ของ น.ส.แพรทองธาร ว่าจะสามารถฟื้นวิกฤติศรัทธา และเรียกความนิยมฐานเสียงกลุ่มแฟนคลับ ของเพื่อไทยได้อย่างไร เพราะจะส่งผลถึงสนามการเมืองในอีก 4 ปีข้างหน้าด้วย

“ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ ชะตาพิธา รอด-ไม่รอด ล้วนมีผลต่ออนาคตก้าวไกล”

            ญาณี ประเมิน กรณีของพิธา ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย กรณีถูกร้องขาดคุณสมบัติ สส.เพราะถือหุ้นสื่อไอทีวีปลายเดือนมกราคมว่า จะส่งผลต่ออนาคตของพรรคก้าวไกลและบทบาทของนายพิธา  ถ้าสมมติว่ารอดการวินิจฉัย ก็จะเดินหน้าต่อไปกับพรรคก้าวไกลในฐานะส.ส. และอาจจะพลิกบทบาทเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพรรคก้าวไกลจะมีการประชุมใหญ่สามัญในเดือนเมษายนนี้  

            แต่หากพิธาไม่รอดก็จะเป็นประเด็นใหญ่ที่เขย่าการเมือง มัดรวมไปถึงนโยบายของพรรคก้าวไกลให้ยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งมีผู้ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด เพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสอง ว่าการกระทำของพิธาและพรรคก้าวไกล เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพ ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 หรือไม่ ก็สะเทือนพรรคก้าวไกลเหมือนกัน หากโดนยุบพรรค แต่ก็เชื่อว่าพรรคก้าวไกลอาจจะเตรียมแผนสำรอรับไว้แล้ว

หลากปัจจัยทำให้แก้รธน.เป็นไปได้ยาก”

            ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ญาณี ประเมินว่า เงื่อนไขของการทำประชามติ ที่จะต้องดำเนินการ 2-3 รอบ และใช้งบประมาณมหาศาล โดยเฉพาะเรื่องเงื่อนไขของเสียง ซึ่งต้องมีคนออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่ง แล้วเสียงต้องได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของเสียงข้างมาก ตรงนี้ทำให้มองว่าเป็นไปได้ยาก เพราะถ้ามีคนไม่ออกมาใช้สิทธิ์ ก็เท่ากับว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติครั้งนี้ ดังนั้นต้องดูกลไกและวิธีของกรรมาธิการ ขณะเดียวกันคงต้องรอ ส.ว.ชุดใหม่ด้วย ว่าจะทำอย่างไรให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ง่ายและสามารถทำได้

            ติดตาม “รายการช่วยกันคิดทิศทางข่าว” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 11.00 - 12.00น. โดยความร่วมมือ ระหว่างสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และคลื่นข่าว MCOT News FM 100.5