“คำร้องกลุ่ม 40 สว. เกี่ยวกับนายเศรษฐา อาจจะเป็นแมสเสจส่งไปเตือนนายทักษิณ ระหว่างการพักโทษหรือไม่ เพราะเป็นนักโทษ แต่กลับเคลื่อนไหวทางการเมือง เดินสายไปหลายสถานที่”
ญาณี ไหว้ครู ผู้สื่อข่าว (การเมือง) สถานีโทรทัศน์ Thai PBS ให้มุมมองเรื่อง “มรสุมใหม่การเมือง: ศาล รธน.รับวินิจฉัย “เศรษฐา” ตั้ง รมต.มิชอบ?” ใน “รายการช่วยกันคิดทิศทางข่าว” ว่า กรณี 40 สว.ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เป็นมรสุมหนึ่งของพรรคเพื่อไทย
“นัดทีมกฎหมาย ทำเอกสารเร่งชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา”
ญาณี บอกว่า ตามระเบียบวิธีพิจารณาของศาล นายเศรษฐามีสิทธิ์ที่จะขอขยายเวลาได้ อยู่ที่ดุลยพินิจของนายเศรษฐาว่าจะขอขยายระยะเวลาหรือไม่ เชื่อว่าหลังจากที่ นายเศรษฐานัดประชุมทีมกฎหมายภายในสัปดาห์นี้ ก็อาจจะส่งคำชี้แจงแก้ไขข้อกล่าวหา เชื่อว่านายเศรษฐาจะทำคำชี้แจงเอกสาร เพื่อคลี่คลายข้อกล่าวหาคำร้องนี้โดยเร็ว ซึ่งกลุ่ม 40 สว. ร้อง คือ 1.นายพิชิต ชื่นบาน กรณีคุณสมบัติดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ส่วนร้องนายเศรษฐาเรื่องการพิจารณาแต่งตั้ง แม้ว่านายพิชิตจะลาออกไปแล้ว และศาลมีมติ 8 : 1 ไม่รับคำร้องนายพิชิต เพราะลาออกไปแล้ว โดยจำหน่ายคำร้องนี้ไป 2. กรณีนายเศรษฐาจะเห็นได้ว่ามติศาลรัฐธรรมนูญ เสียงข้างมาก 6 : 3 รับคำร้อง ชี้ขาดคุณสมบัตินายเศรษฐา แต่เสียงข้างมาก 5 : 4 ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาใน 15 วัน
เห็นได้ว่าเมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กลับจากภารกิจเยือนต่างประเทศ ได้นัดทีมงานฝ่ายกฎหมาย ทำเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ตามกระบวนการนับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง นายเศรษฐาต้องส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ตามคำร้องของกลุ่ม 40 สว. ภายใน 15 วัน ซึ่งจะครบวันที่ 6 มิถุนายนนี้
“มติเสียงศาล รธน.เป็นทิศทางบอกนัยยะการเมือง”
ญาณี บอกว่า ถ้าหากถอดรหัสจากจำนวนมติ ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะเห็นทิศทางของการพิจารณาคำร้อง เพราะว่าหากศาล 4 คน ที่บอกว่าให้นายเศรษฐาหยุดปฏิบัติหน้าที่ จะเห็นได้ว่า 3 ใน 4 เป็นตุลาการที่มาจากศาลฎีกา พิจารณาข้อกฎหมาย ได้มีการพูดคุยสอบถามเรื่องของเหตุผล ที่ศาลสั่งให้นายเศรษฐา ปฏิบัติหน้าที่ 4 คนนี้ ก็ได้ข้อมูลมาเพิ่มเติม ว่านายเศรษฐาจะต้องรู้การพิจารณาแต่งตั้งอยู่แล้วว่า ที่ผ่านมานายพิชิตเคยมีคดีอะไร ,โดนคำพิพากษาศาลอย่างไร โดยเฉพาะการถอดรายชื่อจากบัญชีทนายความ สะท้อนเรื่องของจริยธรรมหรือไม่ สะท้อนเรื่องการซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่
“จับตาเสียงศาลจะย้ายฝั่งหรือไม่ - รอดูคำชี้แจงเศรษฐา”
ญาณี บอกว่า ตามคำร้องของนายเศรษฐา เคยถามไปยังกฤษฎีกา จะเห็นได้ว่าถามเรื่องคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี มาตรา 160 (6) และ (7) แต่ตามคำร้องของกลุ่ม 40 สว. เป็น (4) และ (5) เรื่องของความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ก็เท่ากับว่า 4 คนเห็นว่านายกรัฐมนตรี ควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็น่าจะเห็นเรื่องของมูลความผิดในข้อนี้ ที่จะนำไปสู่การวินิจฉัยในอนาคต แต่หลังจากนี้ก็ต้องดูว่านายกรัฐมนตรีจะทำคำชี้แจงอย่างไร
ญาณี บอกว่า ท้ายที่สุดเวลาวินิจฉัยคำร้องมาแล้ว ฝั่ง 4 เสียง จะย้ายไปอยู่ฝั่ง 5 เสียง ที่ไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือฝั่ง 5 เสียงอาจจะย้ายมาฝั่ง 4 เสียงเราก็อาจจะเห็นทิศทางเรื่องการชี้ขาดในคดีนี้ ซึ่งต้องดูว่านายกส่งคำชี้แจงไป ศาลจะไต่สวนหรือไม่ หรือว่าจะเรียกพยานเพิ่มเติม , จะมี สว. ผู้ยื่นคำร้อง มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมมาหรือไม่ ก็ต้องดูข้อเท็จจริงและทิศทางคำสั่งของศาล ที่จะออกมาหลังจากนี้ด้วยว่าเป็นอย่างไร ตามคำร้องนี้ต้องมองว่ากลุ่ม 40 สว. ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่อง การพักโทษของนายทักษิณ และอภิปรายพาดพิงนายทักษิณ
“ 40 สว.ยื่นศาล รธน.ร้องเศรษฐา หวังกระทบแม้ว ”
“คำร้องกลุ่ม 40 สว. เกี่ยวกับนายเศรษฐา อาจจะเป็นแมสเสจส่งไปเตือนนายทักษิณ ระหว่างการพักโทษหรือไม่ เพราะเป็นนักโทษ แต่กลับเคลื่อนไหวทางการเมือง เดินสายไปหลายสถานที่”
ญาณี บอกว่า นายทักษิณให้สัมภาษณ์มีนัยยะ บอกว่ารู้ใครอยู่เบื้องหลังให้กลุ่ม 40 สว. เคลื่อนไหวยื่นคำร้อง แต่เมื่อยื่นคำร้องนี้ไปแล้ว ก็เป็นเรื่องของมิติทางนิติศาสตร์ข้อกฎหมาย ที่มองในเรื่องของการพิจารณาแต่งตั้ง แต่ในมิติรัฐศาสตร์ทางการเมือง เรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล และสถานการณ์ทางการเมืองก็เกี่ยวข้องด้วย
“สัญญาณทางการเมือง ยังไม่มีท่าทีสลับขั้ว ขึ้นอยู่กับ “ดีลการเมือง”
ญาณี บอกว่า หากสมมุติว่านายเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งไปแล้วคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ต้องพ้นไปทั้งคณะด้วย แต่สัญญาณทางการเมืองตอนนี้ ยังไม่มีท่าทีหรือจุดบ่งชี้ว่าจะมีการเปลี่ยนขั้ว ว่าพรรคเพื่อไทยจะไปจับกับก้าวไกล ยังเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาล เดิม ยังคงจับมือกันอยู่ แต่ทั้งนี้ต้องดูว่าท้ายที่สุดแล้ว บัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี หรือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคการเมืองไหนที่จะเข้ามาทำหน้าที่ต่อจากนายเศรษฐา หากถูกศาลสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง
ญาณี บอกว่า ทุกอย่างทางการเมืองมีโอกาสหมด แต่ก็ต้องดู “ดีล” ด้วยว่าเป็นใคร อาจจะเป็นนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย บุคคลที่ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีไทยจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ที่เป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย เพราะนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุยังไม่พร้อมตอนนี้
หรืออาจจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ , นายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค พรรครวมไทยสร้างชาติ หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภูมิใจไทย ดังนั้นทางการเมืองก็อยู่ที่ “ดีล” ว่าท้ายที่สุดตกลงอะไรกันอย่างไร
“เสถียรภาพรัฐบาล ไม่ได้ขึ้นกับมติศาล ปม คำร้องเศรษฐา”
ญาณี บอกว่า หากนายเศรษฐารอด ก็ไม่ได้การันตีว่า เสถียรภาพของรัฐบาลและความสัมพันธ์ของรัฐบาลยังแนบแน่น เพราะสถานการณ์ทางการเมือง มีความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา อย่างที่การเปรียบเปรยไว้ว่า “การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร” การเมืองสามารถเปลี่ยนไปโยกมาได้ตลอด ต้องดูว่าอะไรจะเป็นปัจจัยบ้าง
“ชนวนการเมืองมีหลายปัจจัย ต้องจับตา”
ญาณี บอกว่า ชนวนการเมืองที่ต้องจับตาหลังจากนี้ ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคำร้องของกลุ่ม 40 สว. เสร็จ คือ คำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัย เพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเงินดิจิทัล ประชาชนก็รออยู่ว่ารัฐบาลจะเอาอย่างไร และท้ายที่สุดจะส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกหรือไม่ ถือเป็นระเบิดลูกหนึ่งของพรรคเพื่อไทยที่ต้องเผชิญ
ติดตามรายการ ช่วยกันคิดทิศทางข่าว วันอาทิตย์ 11.00-12.00 น.โดย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และคลื่นข่าว MCOT News FM 100.5