ชำแหละ “ช่องโหว่” ฟรีวีซ่า: ทางสะดวกอาชญากรข้ามชาติ

“ตอนแรกโครงการฟรีวีซ่าทำเพื่อนักธุรกิจ แต่มาภายหลังมีช่องโหว่ เพราะเราไม่รู้ว่ามีนักธุรกิจสีเทา เราขาดการตรวจสอบประวัติอาชญากร พอเขาเอาเงินมาซื้อ เราก็ให้เข้าประเทศง่ายๆอยู่ได้นานๆ และเขาก็ใช้เราเป็นฐาน”

“อลงกรณ์ เหมือนดาว บรรณาธิการ ข่าว 3 มิติ” ให้มุมมอง “ฟรีวีซ่า เส้นบาง ๆ ระหว่าง กระตุ้นเศรษฐกิจ กับช่องทางแฝงตัวอาชญากรข้ามชาติ” ใน “รายการช่วยกันคิดทิศทางข่าว" ว่า การขยายฟรีวีซ่าจาก 30วัน เป็น 60 วัน เป็นผลดีแน่นอน แต่ยังเป็นการเปิดช่องโหว่มากขึ้นด้วย แม้อาชญากรรมข้ามชาติ ไม่เกี่ยวข้องกับฟรีวีซ่าโดยตรง เพราะอาชญากรรมข้ามชาติ เกิดขึ้นก่อนที่จะมีฟรีวีซ่า และเกิดขึ้นต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นคอลเซ็นเตอร์ ที่มาฟอกเงินในประเทศไทย กลุ่มทุนจีนสีเทา ที่เข้ามาเปิดผับในประเทศไทย มียาเสพติด แต่ฟรีวีซ่า อาจจะเป็นตัวเปิดช่องโหว่ให้ขยายตัวใหญ่ขึ้น ใช้ช่องว่างนี้เข้ามามากขึ้น เพราะเกิดขึ้นแล้ว

“ฟรีวีซ่าจีน” นทท.เพิ่มจริง แต่เงินมาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย 

            อลงกรณ์ ยกตัวอย่างประเทศจีนก่อน เพราะคอลเซ็นเตอร์มาจากประเทศจีน และก่อนหน้านี้ มีการเพิ่มขึ้นของอาชญากรรมและอาชญากรจากจีน รวมทั้งญี่ปุ่น โดยนำคนมาฆ่าหั่นศพ 2 – 3 รอบ ซึ่งคนจีนเข้ามาตั้งขบวนการจีนมากขึ้น รวมทั้งทัวร์จีน ที่บอกว่า จะทำให้รายได้ของประเทศไทยเพิ่มขึ้นซึ่งก็จริง เพราะก่อนหน้านี้ มาเลเซียอันดับ 1 จีนอันดับ 2 แต่เมื่อเปิดฟรีวีซ่า นักท่องเที่ยวจีนเริ่มแซงมาเลเซียมาเป็นที่ 1 แต่ผลร้าย คือ เมื่อตรวจสอบแล้ว พบว่า การท่องเที่ยวยอดหัวเพิ่มขึ้นก็จริง แต่เงินมาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย

“ชำแหละกลโกง ทัวร์จีนศูนย์เหรียญยุคใหม่”

            อลงกรณ์ ยังได้ลงพื้นที่ทำข่าวเกี่ยวกับเรื่องทัวร์ เมื่อก่อนเรียก “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” แต่ตอนนี้เป็นยุคที่ไกด์ไทย ต้องซื้อลูกทัวร์จากจีนในการพาเที่ยว เช่น ซื้อตัว 7,000 บาท มาอยู่ที่ประเทศไทย 5-7 วัน ซึ่งความจริง 7,000 บาทนั้น แค่ค่าเครื่องบินก็ไม่พอแล้ว แต่บริษัททัวร์ที่เก็บ แค่ 7,000 บาทก็เริ่มขายลูกทัวร์กลุ่มนี้ ให้กับบริษัททัวร์จีน ที่แอบมาตั้งนอมินี และแอบเปิดบริษัททัวร์ในประเทศไทย และอ้างเป็นทัวร์ของประเทศไทย ทั้งที่เป็นทัวร์จีน เมื่อเก็บ 7,000 บาทแล้ว บอกว่าจะจ่ายให้คุณคืน 8,000 บาท รวมแล้ว ซื้อทัวร์ต่อหัว 15,000 บาท 

            อลงกรณ์ ยังบอกว่า บริษัทที่อยู่ในประเทศจีน เก็บเงินไป 7,000 บาท ได้กำไรแล้ว 8,000 บาท เพราะขายให้กับทัวร์จีนที่แฝงชุบตัว เป็นทัวร์ไทยในประเทศไทย ซึ่งทัวร์จีนที่แฝงตัวเป็นนอมินีคนไทย ก็เริ่มคิดแล้วว่า จะเอาเงิน 8,000 บาทคืนมาได้อย่างไร เขาก็เอาถัวเฉลี่ยต่อหัวนี้ ไปขายให้กับบริษัทขายของที่ระลึก, ร้านอาหาร และเช่าพื้นที่วัดเปิดขายเครื่องรางของขลัง ซึ่งชิ้นหนึ่งราคา 50 -100 บาท แต่ขายราคาเป็นแสน โดยอ้างว่า เป็นพระโบราณ คือวิธีที่เขาเสียไป 15,000 บาทแล้วต้องเอาคืน

แฝงตัวเป็นทัวร์ไทย  ถึงยุคไกด์ไทยต้องซื้อลูกทัวร์จีน

            อลงกรณ์ ยังบอกด้วยว่า ทัวร์จีนที่แฝงตัวเป็นทัวร์ไทย ซื้อลูกทัวร์ต่อหัวละ 15,000 บาท แต่ก็ไม่ได้ใช้ไกด์คนไทย แต่ใช้ไกด์เถื่อนจีน เพราะอาชีพไกด์ เป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทย แต่ถ้าไกด์ไทยอยากจะมีทัวร์จีนไปหากินบ้างก็ซื้อ ซึ่งเป็นยุคที่ไกด์ไทยต้องซื้อลูกทัวร์จีน 2,000 หรือ 3,000 บาทต่อหัว ตรงนี้เป็นกำไรเพิ่มสำหรับบริษัททัวร์จีนในประเทศไทย ไกด์ไทยต้องไปซื้อ เพราะพาเที่ยวไกด์ไทยต้องไปหาในส่วนที่ทัวร์จีนยังไม่ได้ขายหัวนักท่องเที่ยวไป เช่น ร้านอาหารไกด์ไทยก็พาไปทานอาหาร เพื่อขอค่าเปอร์เซ็นต์ให้คุ้มกับที่จ่ายไปหัวละ 3,000 ตรงนี้คือส่วนที่ผมไปคุยกับแกนนำไกด์ไทยที่โดนภาวะแบบนี้

หมดยุคทัวร์ศูนย์เหรียญ ผันไปเป็นทัวร์ราคาถูก ทำงานเป็นระบบ เปิดช่องทัวร์เถื่อน-ทัวร์นอมินี”

            อลงกรณ์ บอกว่า ทัวร์ศูนย์เหรียญหมดยุคแล้ว แต่มีทัวร์ราคาถูกมาแทน มีการรูดเงินใช้จ่ายต่าง ๆ ผ่านร้านค้า ผ่านเครื่องรางของขลังตามวัด ผ่านระบบช่องทางการเงินของจีนหมดเลย เงินจึงกลับไปประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่ ฉะนั้น ต่อหัวนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น น่าจะได้เงินไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย และยังเป็นการเปิดช่องทางให้กับทัวร์เถื่อนและทัวร์นอมินี หากินแทรกแซงไกด์ไทยทัวร์ไทย ที่ต้องใช้ซื้อเงินหัวนักท่องเที่ยวชาวจีน

            “การเปิดฟรีวีซ่า ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวแน่นอน แต่อยากให้รัฐช่วยอุดช่องโหว่ ที่ผมตรวจสอบ และลงพื้นที่ไปเจอมา การที่ต่างชาติเลือกประเทศไทย ก็เพราะเข้า-ออกง่าย ความจริงแล้ว เขาเคยทำก่อนหน้านี้ ต่อให้ไม่มีฟรีวีซ่า ก็เข้ามาประเทศไทยได้ไม่ยาก เจ้าหน้าที่บางคนรับสินบน การหลบเลี่ยงต่าง ๆ ก็ง่าย การก่อเรื่องราวที่ไม่ดีก็ง่าย มีช่องทางหลบหนีออกนอกประเทศ ตามแนวชายแดนของเราเยอะไปหมด” อลงกรณ์ กล่าว

“ไทย” ถูกใช้เป็นฐานการฟอกเงิน – ติดสินบน จนท.-นักการเมือง

            อลงกรณ์ บอกว่า คอลเซ็นเตอร์ที่ถูกจับในประเทศไทย  แต่ส่วนใหญ่มีฐานอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศไทยให้เขาเข้ามา เพื่อที่จะให้เอาเงินมาฟอก ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซื้อรถยนต์ เพื่อฟอกเงินกลับไปเป็นเงินบริสุทธิ์ เข้าระบบบัญชีธนาคารใช้จ่ายได้ บางทีนำเงินเข้าไปสู่ตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ แต่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการอยู่อาศัยสั่งการ ซึ่งเหยื่อก็คือคนไทยหากินกับคนไทย ลูกค้าเป็นคนไทย หลอกคนไทย ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการอยู่อาศัย และฟอกเงินตรงนี้คือหลักๆ

            อลงกรณ์ บอกว่า ปัญหาอาชญากรรมต่างชาติ ที่มาก่อเหตุในประเทศไทยแล้ว หลบหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้านหลายครั้ง ไม่ใช่เพราะประสิทธิภาพของกฎหมายไทยอ่อน แต่เจ้าหน้าที่ของไทยบางคน รู้เห็นเป็นใจชี้ช่อง เช่น ทุนสีเทาเข้ามาประเทศไทย เจ้าหน้าที่บางคน หรือนักการเมืองบางคน ร่ำรวยจากเงินเทาพวกนี้ ส่วนหนึ่งผ่านระบบสินบนต่อเนื่อง ยิ่งมีฟรีวีซ่า ก็ทำให้ยิ่งง่ายขึ้น

Thailand Elite Card” อีกช่องโหว่นักลงทุน VIP สีเทา 

            อลงกรณ์ บอกว่า นอกจากนี้การเข้า-ออกของนักธุรกิจ โดยใช้เงินซื้อ "Thailand Elite Card" ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  เป็นวีซ่าพิเศษที่เข้ามา 1-2 ปี โดยซื้อบัตร 500,000 บาทบ้าง 1,000,000 บาทบ้าง ก็จะเข้าประเทศได้สะดวกเพราะกลุ่มที่ผ่าน “Elite Card” เป็นกลุ่มนักธุรกิจ ซึ่งผมเช็คมาแล้วว่า พวกจีนเทา หรือธุรกิจสีเทา นอกจากผ่านระบบฟรีวีซ่าแล้ว ยังผ่าน “Elite Card” จำนวนมาก ซึ่งผมได้ประสานกับ ททท.แล้ว เขาก็ร่วมกับตำรวจตรวจสอบอยู่ขณะนี้ ซึ่งผมรู้จากกลุ่มสีเทาว่า เขาถือ “Elite Card” ผ่านด่านเข้ามา การตรวจสอบก็จะเบาบางลง เพราะเป็น VIP ใช้เงินจ่ายค่าวีซ่าเป็นหลักแสนหลักล้าน และอยู่ในประเทศไทยได้ประมาณ 1-3 ปี 

            “ตอนแรกโครงการฟรีวีซ่าทำเพื่อนักธุรกิจ แต่มาภายหลังมีช่องโหว่ เพราะเราไม่รู้ว่า มีนักธุรกิจสีเทา เราขาดการตรวจสอบประวัติอาชญากร พอเขาเอาเงินมาซื้อ เราก็ให้เข้าประเทศง่าย ๆ อยู่ได้นาน ๆ และเขาก็ใช้เราเป็นฐาน ตรงนี้ ก่อนหน้านี้ที่จะมีโครงการฟรีวีซ่าถือว่า น่ากลัว แต่พอประสานเจ้าหน้าที่เขาก็ตรวจสอบ และเริ่มมีมาตรการว่าต่อไปนี้ ถ้าใครจะมาซื้อ "Thailand Elite Card" แม้จะถูกต้อง แต่ก็ต้องตรวจสอบประวัติอาชญากรเข้มข้นมากขึ้น

แนะรัฐแม้เปิดฟรีวีซ่า การตรวจสอบต้องยังเข้มข้น-เอาจริงเอาจังสกัดอาชญากร 

            อลงกรณ์ บอกว่า  นโยบายฟรีวีซ่าควรต้องทำควบคู่กับการตรวจสอบที่เข้มข้นกว่าเดิม และอุดผลเสีย โดยให้เงินอยู่ในประเทศไทยจริง และต้องควบคุมเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ให้รับสินบนของอาชญากรข้ามชาติ เพราะตอนนี้หลายประเทศ กำลังเลียนแบบจีน เม็ดเงินก็วนกลับไปที่ประเทศจีน โดยไม่ลงมาประเทศไทยเท่าใด นอกจากนี้ คนจีนยังใช้บริษัท ที่มีชื่อคนไทยถือหุ้น มาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อฟอกเงินไปในตัวด้วย อาชญากรพวกนี้ปรับรูปแบบ ตามนโยบายของประเทศไทย เพราะเขามีเงินเยอะ ผมเคยเห็นเขาซื้อคอนโดทั้งฟลอร์ ประมาณ 200 – 300 ล้าน พวกทุนจีนสีเทามาฟอกเงิน ซื้อคอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยาเยอะแยะไปหมด

            อลงกรณ์ เชื่อว่า อาชญากรและเครือข่าย ที่เข้ามาประเทศไทยผิดปกติ เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้หมดว่า ใครเข้ามาแล้วทำอะไรไม่ถูกต้อง ฉะนั้น ต้องตรวจสอบให้เข้มข้น สั่งการให้เข้มข้น และเอาจริงเอาจัง เพราะประเด็นอาชญากรข้ามชาติ เมื่อมีนโยบายฟรีวีซ่าแล้ว ต้องทำให้เงินอยู่ในประเทศไทยจริง ๆ ไม่ใช่คนในประเทศนั้น ๆ มาตั้งระบบ และใช้จ่ายผ่านระบบของเขาเอง โดยเหลือแค่เศษเงินตกถึงไทย 

สุดจี๊ด! อาชญากรรับเอง นักการเมือง-จนท.ไทยใช้เงินซื้อได้ มีช่องหลบหนี 

            อลงกรณ์ บอกว่า เคยคุยกับผู้ใหญ่ตำรวจท่านหนึ่ง บอกว่า มีอาชญากรพูดหลังจากถูกจับว่า ประเทศไทยถูกเลือกเป็นฐานของอาชญากรข้ามชาติ เพราะใช้เงินซื้อได้ผ่านนักการเมืองบางคน และผ่านเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเราเจ็บปวด เพราะเงินซื้อได้ แต่เขาไม่เลือกประเทศที่จริงจัง กับเรื่องทุจริตคอรัปชั่น เช่น มีการประหารชีวิตอย่างเอาจริงเอาจังเด็ดขาดเพราะมันยาก นอกจากนี้รอบ ๆ ประเทศไทยเหมาะที่จะตั้งฐานอยู่อาศัยเพื่อบัญชาการ ทำธุรกิจสีเทาหรือสีต่าง ๆ 

            “อาชญากรระดับใหญ่ ๆ มีการจ่ายเงินระดับสูง เขาเลือกประเทศไทย เพราะเจรจาง่าย ผ่านระดับการเมืองบางคน ลงไปถึงระดับล่างเลย เพราะเชื่อว่า เงินซื้อได้ และพอเกิดอะไรขึ้นมาก็จะมีคนพาหนีและหนีได้ หากจะทำธุรกิจผิดกฎหมาย ก็ใช้รอบ ๆ ประเทศไทยทำได้ ทำธุรกิจหลอกคนไทย โดยใช้ประเทศเพื่อนบ้านเป็นจุดปฏิบัติการ เพราะไทย คือศูนย์กลางของประเทศเพื่อนบ้าน แล้วส่งคนไทยไปร่วมแก๊งส์กับเขา หลอกคนไทยไปทำงาน และใช้เสียงคนไทยหลอกคนไทย เป็นแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์” อลงกรณ์ กล่าว

นาทีชีวิต! จนท.รัฐสมุนมาเฟีย ขู่ฆ่าเกือบไม่รอด สะท้อน จนท.รัฐมีเอี่ยว 

            อลงกรณ์ เล่าว่า ได้ลงพื้นที่เมืองพัทยา ร่วมกับช่างภาพ 2 คน ทำข่าวสืบสวนสอบสวน ติดตามมาเฟียต่างชาติ เป็นเจ้าพ่อพัทยาคุมทั้งหมด มีธุรกิจใหญ่โต ทั้งผิดกฎหมาย และถูกกฎหมายมากมาย จ่ายเจ้าหน้าที่รัฐจนใหญ่โต ซึ่งผมเป็นคนแรกที่เข้าไปตามเขา ไปดูธุรกิจผิดกฎหมาย และถ่ายภาพเก็บไว้ และรู้ว่าเป็นเจ้าพ่อจริง สุดท้ายตนโดนจับ โดยมีคนมีสี และลากผมเข้าไปในห้องลับ เหวี่ยงผมเพื่อที่จะเอาเรื่อง ผมนึกในใจว่า “กูตายแน่นอนงานนี้พลาด” เพราะไม่รู้ว่า มีคนสะกดรอยตาม แต่ผมก็พยายามพูดโน้มน้าวใจเขา ถึงความเป็นคนไทย เพื่อกระตุ้นอยู่นาน สุดท้ายเขาคิดได้ แต่ขู่พร้อมกับเหวี่ยงผม แล้วพูดว่า “ให้กลับไป ถ้าเมื่อไรเจ้านายกูออกอากาศ มึงตาย” ซึ่งผมเก็บเทปเอาไว้ ไม่ได้เอาออกอากาศ เพราะกลัวเขาตามมาฆ่าจริง ๆ หลังจากนั้นไม่กี่เดือน ก็มีคนพูดถึงชาวเยอรมันคนนี้ในที่ประชุมสภา  คืนเดียวกันกับที่นักการเมืองพูดในสภา รายการข่าวที่ผมทำมา ก็มีสกู๊ปออกมา ทำให้หลายคนงงว่า ทำไมช่องนี้มีสกู๊ปเรื่องนี้ หารู้ไม่ว่า ผมเกือบไปตายที่พัทยา ซึ่งเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่รัฐปกป้องเขา  

            อลงกรณ์ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ข่าวสืบสวนสอบสวนสำคัญ และมีบทบาทตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในสังคม ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นข่าวที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง ไม่เหมาะกับค่าโฆษณาที่ถูกลงเรื่อย ๆ ของวงการโทรทัศน์ วงการสื่อมวลชน เพราะต้องลงพื้นที่ไปซุ่ม ทั้งฝังตัว และแฝงตัว  2 อาทิตย์ ใช้เงินเป็นแสน และการตรวจสอบที่ดีที่สุด ต้องมีหลักฐาน ทั้งภาพและเสียงชัดเจน ซึ่งผมคุยกับทีมงานเสมอว่า การที่เราจะเข้าไปตีแผ่เขา ทำให้การทำงานยากขึ้น ต้องนึกถึงความปลอดภัยของทีมงานเป็นอันดับหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องทุ่มเทชีวิต แต่ต้องวางแผนและประเมินรอบคอบ ปลอดภัย และไม่เสี่ยง เพราะถ้าเสี่ยง จะไม่เข้า และต้องมีข้อมูลไว้ก่อน หากดูแล้วปลอดภัยเราถึงจะเข้าไป 

            ติดตาม “รายการช่วยกันคิดทิศทางข่าว" ทุกวันอาทิตย์ 11.00-12.00 น. โดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และคลื่นข่าว MCOT News FM 100.5