ราชดำเนินเสวนา “ทางออกวิกฤติพ.ร.บ.นิรโทษกรรม กับแนวโน้มการเมืองไทย?” ชี้ ยุบสภาทางออกวิกฤติ

วงเสวนาหาทางออกวิกฤติกฎหมายนิรโทษ แนะ เสนอร่าง “แม่น้องเกด” ควบคู่ค้นหาความจริง เชื่อเรื่องจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ เสนอการยุบสภาจะรักษาระบบการเมืองไว้ หรือจะให้สถานการณ์ผ่อนคลายคือนายกฯลาออก

เมื่อวันที่ 9 พ.ย.2556 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย จัดงานราชดำเนินเสวนา ในหัวข้อ “ทางออกวิกฤติ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กับแนวโน้มการเมืองไทย?” โดยผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย ศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายไพโรจน์ พลเพชร กรรมการปฏิรูปกฎหมาย นายทวี ประจวบลาภ ประธานศาลอุทธรณ์ ภาค 9 น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ญาติผู้เสียหายจากเหตุการณ์ทางการเมือง เม.ย.-พ.ย.53 และนางพะเยาว์ อัคฮาค ญาติผู้เสียหายจากเหตุการณ์ทางการเมือง เม.ย.-พ.ค.53

น.ส.รสนา ระบุว่า นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส่งสัญญาณครั้งเดียว ส.ส.ก็ถอนร่าง แต่เป็นเพียงถอดยางอะไหล่ ส่วน พ.ร.บ.สุดซอย ยังเดินหน้าต่อไปได้ จึงไม่มีประโยชน์ และจากการลุกขึ้นมาคัดค้านของประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกมของฝ่ายค้าน แต่ความจริงแล้วนั่นเป็นนิมิตหมายใหม่ จนการเมืองถอยกรูดแต่ไม่สุดซอยจริง

น.ส.รสนา กล่าวว่า รัฐบาลกำลังผลักภาระให้ ส.ว. เพราะจากการที่ประธานวุฒิสภาเร่งรัดให้มีการพิจารณากฎหมายฉบับดังกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อจะได้หาความชอบธรรมในการสลายชุมนุมในวันเสาร์และอาทิตย์นี้ ซึ่งส่วนตัวมองว่าการกระทำของประธานวุฒิเป็นเหมือนการรับจ๊อบมาทำงานเพื่อโยนความรับผิดชอบให้วุฒิสภา ดังนั้น อย่าเอาประชาชนที่ต้องการนิรโทษกรรมมาเป็นเครื่องบังหน้า การถอยจึงเป็นแค่ยุทธวิธี เพราะยังมีการขึ้นป้ายสนับสนุน พ.ร.บ.อัปยศนี้อยู่ ดังนั้นอย่าโยนความผิดให้ส.ว.กลุ่มหนึ่ง แล้วส.ส.310เสียง ไม่ต้องรับโทษหรือลอยตัวหนีปัญหาหมด

ส.ว.กรุงเทพฯ กล่าวต่อว่า ทางออกคือให้ตีความว่าเป็นกฎหมายการเงินให้นายกฯ ลงนาม ถ้าไม่ลงนามกฎหมายก็ตกไป ขณะนี้ทราบข่าวว่ามีการเปลี่ยนให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มาคุมตำรวจแทน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เพื่อเตรียมปราบผู้ชุมนุน อีกด้านหนึ่งก็ระดมเสื้อแดงเข้ากรุงเทพฯ เตรียมพร้อมเผชิญหน้า หรือไม่ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ ส.ว.ไม่เข้าประชุมวันที่ 8 พ.ย. เพราะไม่อยากมองเป็นสภาทาส และเป็นเครื่องมือให้ตำรวจปราบปรามประชาชน

 

คปก.ห่วงรัฐเกณฑ์เสื้อแดงเผชิญหน้ามวลชน

นายไพโรจน์ กล่าวว่า ในทางสิทธิมนุษยชนมองว่าการนิรโทษกรรมเป็นการยินยอมให้มีการฆ่าคนได้โดยถูกกฎหมาย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เป็นการสร้างวัฒนธรมที่ไม่ถูกต้องให้กับสังคม และการนิรโทษผู้ก่ออาชญากรรมทางเศรษฐกิจก็ไม่มีที่ไหนในโลกทำกัน ดังนั้นยิ่งร้ายแรงเข้าไปใหญ่ ขณะที่ผู้ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ก็ไม่ควรได้รับการนิรโทษ

“นี่เป็นครั้งแรกที่มหาชนออกมาคัดค้านเสียงข้างมาก ตรวจสอบเสียงข้างมากในสภาที่ออกเสียงโดยไม่ชอบ  เพราะที่ผ่านมาสังคมไม่เคยตรวจสอบเสียงข้างมากได้เลย” นายไพโรจน์ กล่าวและว่า การนิรโทษกรรมเฉพาะหน้า กระบวนการยุติธรรมปกติเยียวยาได้ตั้งแต่ต้น แต่กลับไม่เดินหน้า ไม่รู้สึกรู้สากับคดีเหล่านี้ ยิ่งไปซ้ำเติมความขัดแย้งให้เพิ่มมากขึ้น

สำหรับทางออก รัฐบาลต้องให้ส.ส.มาลงสัตยาบรรณไม่เสนอกฎหมายในลักษณะนี้เข้ามาอีก หรือจะไปแก้ข้อบังคับสภาให้กฎหมายตกไปก่อน 180 วัน หรือนำเอาร่างของภาคประชาชนที่นิรโทษให้เฉพาะประชาชน แต่รัฐบาลคิดที่จะเอาประชาชนมาต่อสู้ในสนามจะนำพาสังคมไทยไปสู่การเผชิญหน้า

 

“แม่น้องเกด” ชี้ ปชช.ไม่โง่ที่จะรับกฎหมายเหมาเข่ง

นางพะเยาว์ ระบุว่า ประชาชนไม่โง่ตามรัฐบาลที่จะยอมรับกฎหมายเหมาเข่ง จึงอยากฝากรัฐบาลตอนนี้ประชาชนออกมาอยู่บนถนนจำนวนมาก ห่วงว่าจะนำไปสู่ภาพที่เคยเกิดเมื่อปี 2553 ถ้ารัฐบาลเพื่อไทยเป็นประชาธิปไตยจริงก็ต้องถอย และฟังเสียงประชาชน เพราะที่ทำมาเป็นเผด็จการเสียงข้างมาก ส่วนกรรมาธิการผู้แปรญัตติ และส.ส.ทั้งหมดต้องออกมาขอโทษที่ดูถูกประชาชน ส่วนตัวจะไม่เดินตามหลังคนที่ทรยศประชาชน

 

“นิชา” ระบุ ก่อนจะนิรโทษต้องหาความจริงก่อน

นางนิชา กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่จบเกมนิรโทษกรรม เพราะกฎหมายนิรโทษกรรมจะยุติคดีในชั้นพิสูจน์ความจริงทั้งหมด ไม่เช่นนั้นทหารจะเป็นคนผิดตลอดไปทั้งที่ทหารต้องการพิสูจน์ความจริง

“คดีของพล.อ.ร่มเกล้า ตอนนี้คดีไม่คืบหน้า แต่ดีเอสไอ กลับทำแต่คดีการตายของประชาชน 24 คดี โดยเฉพาะธาริต หมดความชอบธรรมที่จะทำหน้าที่อธิบดีดีเอสไอ เพราะยอมรับนิรโทษกรรมสุดซอยโดยยอมรับว่าตัวเองมีส่วนได้เสียเพราะถูกฟ้อง จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้นี้”

นางนิชา กล่าวย้ำว่า ก่อนจะนิรโทษกรรมต้องเริ่มหาความจริงก่อน ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องยอมรับว่าสิ่งที่ทำไปเมื่อปี 2553 นั้นเป็นความผิด

 

'ทวี' ยุบสภาเชื่อว่าคนบนถนนกลับบ้าน

นายทวี ระบุว่า การที่กฎหมายจะตกไปได้ ก็คือ วันที่ 11 พ.ย.นี้ วุฒิสภาต้องทำให้จบ ถ้าจะให้เร็วรัฐบาลต้องลาออก หรือยุบสภา จะทำให้คนบนถนนกลับบ้าน แต่จริงๆ แล้วกฎหมายนี้ก็ยังไม่จบ เพราะรัฐบาลยังเอากลับมาใหม่ได้อีก สิ่งที่เราไม่เห็นคือสำนึกรับผิดชอบของนักการเมืองไทย

“ส่วนตัวเห็นด้วยกับการตรวจสอบการตาย สถานการณ์ตอนนี้อ่อนไหวมาก มีความล่อแหลมมาก” นายทวี กล่าว

 

'นครินทร'สภาออกกฎหมายห่วยมาก-ชี้ทางออกยุบสภา

ศ.ดร.นครินทร์ กล่าวว่า ขณะที่ประชาชนเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว การเมืองกลับเปลี่ยนไปช้ามากกฎหมายนิรโทษ เป็นข้อยกเว้นของรัฐสมัยใหม่ แต่ไม่เกิดขึ้นบ่อยแต่ก็ต้องเรียนรู้ธรรมเนียมปฏิบัติในอดีตด้วย นิรโทษที่กลุ่มคนเคลื่อนไปมาก ก้าวหน้ามาก ภาคสภาฯ ออกกฎหมายได้ห่วยมาก ต้องตรากฎหมายที่เป็นประชาธิปไตย ต้องรับฟังความเห็นประชาชน

รองอธิการบรดี มธ. กล่าวด้วยว่า การนิรโทษกรรมปี 2547-2556 ไม่ได้อยู่ในบนธรรมเนียมของการตรากฎหมาย และเป็นความไม่รับผิดชอบของฝ่ายการเมือง นิรโทษกรรมจะคลุมคดีอะไรบ้าง ไม่มีใครทราบ อีกอย่างพรรคการเมืองไทยไม่อยู่ในขนบธรรมเนียมปฏิบัติ รัฐบาลมีอำนาจและขอบเขตทำได้ หรือทำไม่ได้แค่ไหน ดังนั้น ส.ว.ต้องหาทางให้กฎหมายนี้ตายภายในวันหรือสองวันนี้ให้ได้ ซึ่งตามเทคนิคสภาทำได้ ส่วนตัวเชื่อว่าเรื่องนี้จะจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ หรือถ้าจะรักษาระบบการเมืองไว้ คือการยุบสภา หรือจะให้สถานการณ์ผ่อนคลายคือนายกฯลาออก