เรียน หัวหน้าข่าวหน้า 1 ข่าวประชาสัมพันธ์ ประกาศผลงานข่าว,ภาพข่าวและข่าวสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2552
สมาคม นักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้จัดการประกวดรางวัล “อิศรา อมันตกุล “ ประเภทข่าวยอดเยี่ยมและภาพข่าวยอดเยี่ยม และรางวัลข่าวอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดีเด่น ของชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ประจำปี 2552 โดยมีพิธีมอบรางวัลผลการประกวดประเภทต่างๆ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2553 เวลา 19.00 น. ณ ห้องบางกอกคอนเวนชั่น ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ดังนี้
รางวัลอิศรา อมันตกุล ประเภทข่าว มีผลงานข่าวส่งเข้าประกวดจำนวน 13 ข่าว จากหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับ ผลงานข่าวที่เข้ารอบ 5 ข่าวสุดท้ายได้แก่ 1. เปิดโปงขบวนการปล่อยสินเชื่อแสนล้าน สกัด "สกสค.-ธ.ออมสิน-ทิพยฯ" ร่วมมือรีดเงินค่าทำศพครูกว่าหมื่นล้าน (นสพ.มติชน) 2. เปิดโปงทุจริตพอเพียง ยับยั้งแผนรุมทึ้งไทยเข้มแข็ง สธ. (นสพ.มติชน) 3.เปิดโปง รพ. โกงเงินแสนล้าน สปสช. ตีแผ่ปัญหาเบิกค่า "สเต็นท์" เกินจริง (นสพ.เดลินิวส์) 4. ปลากระป๋องเน่า ทำรมต.ตกเก้าอี้ (นสพ.ไทยรัฐ) 5."มลพิษมาบตาพุด จุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมไทย" (นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
ผลการตัดสินในปี 2552 ไม่มีผลงานใดได้รับรางวัลยอดเยี่ยม แต่มี รางวัลดีเด่น 1 รางวัล ได้แก่ผลงานข่าว เปิดโปงทุจริตพอเพียง ยับยั้งแผนรุมทึ้งไทยเข้มแข็ง สธ. โดยกองบรรณาธิการ นสพ. มติชน ได้รับโล่ห์และเงินรางวัล 40,000 บาท ส่วนรางวัลชมเชยมี 2 รางวัล ได้แก่ผลงานข่าว เปิดโปง รพ. โกงเงินแสนล้าน สปสช. ตีแผ่ปัญหาเบิกค่า "สเต็นท์" เกินจริง โดยกองบรรณาธิการ นสพ.เดลินิวส์ และผลงานข่าว ."มลพิษมาบตาพุด จุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมไทย" โดยกองบรรณาธิการ นสพ กรุงเทพธุรกิจ ได้รับโล่ห์และเงินรางวัล รางวัลละ 20,000 บาท นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียยร ประธานมูลนิธิอิศรา อมันตกุล เป็นผู้มอบโล่ห์และนายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ นายก สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เป็นผู้มอบเงินรางวัล
รางวัลอิศรา อมันตกุล ประเภทภาพข่าว มีผลงานภาพข่าวส่งเข้าประกวดจำนวน 101 ภาพ จากหนังสือพิมพ์ 8 ฉบับ ผลงานภาพข่าวที่เข้ารอบ 3 ภาพสุดท้ายได้แก่ 1. ภาพข่าว “สงครามกลางเมือง” ถ่ายโดยนายภานุมาศ สงวนวงษ์ นสพ.มติชน 2. ภาพข่าว “คลายหนาว” ถ่ายโดยนายภวัต เล่าไพศาลทักษิณ นสพ.บางกอกโพสต์ 3. ภาพข่าว “ไล่ขวิด” ถ่ายโดยนายไชยวัฒน์ สาดแย้ม นสพ. บางกอกโพสต์
ผล การตัดสินในปี 2552 ภาพข่าวที่รับรางวัลอิศรา อมันตกุล รางวัลยอดเยี่ยม ได้แก่ ภาพข่าว “ไล่ขวิด” ถ่ายโดยนายไชยวัฒน์ สาดแย้ม นสพ. บางกอกโพสต์ ได้รับโล่ห์และเงินรางวัล 50,000 บาท ส่วนรางวัลชมเชยมี 2 รางวัล ได้แก่ผลงาน ภาพข่าว “สงครามกลางเมือง” ถ่ายโดยนายภานุมาศ สงวนวงษ์ นสพ.มติชน และผลงาน ภาพข่าว “คลายหนาว” ถ่ายโดยนายภวัต เล่าไพศาลทักษิณ นสพ.บางกอกโพสต์ ได้รับโล่ห์และเงินรางวัล รางวัลละ 20,000 บาท นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ประธานมูลนิธิอิศรา อมันตกุล เป็นผู้มอบโล่ห์และนายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ นายก สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เป็นผู้มอบเงินรางวัล
รางวัลข่าวอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดีเด่น ของชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สนับสนุนเงินรางวัลโดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม มีผลงานข่าวส่งเข้าประกวดจำนวน 5 ข่าว จากหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับ ได้แก่ 1 .ดับแผนขุดทรายให้สิงคโปร์ ปกป้องทรัพยากรมีค่าไทย (นสพ. มติชน) 2. "มหัตภัยร้าย!!!มลพิษมาบตาพุด" (นสพ.ฐานเศรษฐกิจ) 3. ค้านระงับสร้างรูปปั้นกวนอิม รุกที่หลวง บดบังสะพานข้ามแม่น้ำแคว (นสพ.ไทยรัฐ) 4. ทวงคืนผืนป่าไม้อนุรักษ์"แก่งกรุง"กลับคืนสู่ธรรมชาติ (นสพ.เดลินิวส์) และ 5."มลพิษมาบตาพุด จุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมไทย" (นสพ. กรุงเทพธุรกิจ)
ผล การตัดสินในปี 2552 ผลงานข่าวอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ได้รับรางวัลดีเด่นได้แก่ผลงาน ข่าวดับแผนขุดทรายให้สิงคโปร์ ปกป้องทรัพยากรมีค่าไทย โดยกองบรรณาธิการ นสพ. มติชน ได้รับโล่ห์และเงินรางวัล 30,000 บาท ส่วนรางวัลชมเชยมี 2 รางวัล ได้แก่ ผลงานข่าวมลพิษมาบตาพุด จุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมไทย โดยกองบรรณาธิการ นสพ. กรุงเทพธุรกิจ และ ผลงานข่าวค้านระงับสร้างรูปปั้นกวนอิมรุกที่หลวง บดบังสะพานข้ามแม่น้ำแคว โดยกองบรรณาธิการ นสพ. ไทยรัฐ ได้รับโล่ห์และเงินรางวัล รางวัลละ 10,000 บาท นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ นายก สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เป็นผู้มอบโล่ห์ และนายธเนศ ดาวาสุวรรณ รองอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นผู้มอบเงินรางวัล
นอก จากการประกาศผลการตัดสินและพิธีมอบรางวัลข่าวทั้ง 3 ประเภทแล้ว ยังมีการปาฐกถาพิเศษเรื่อง “2 ผู้นำ” โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวข้อ“การสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนท่ามกลางวิกฤต” และ คุณอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี หัวข้อ “แนวทางการแก้ไขปัญหาการลงทุนกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม”