“เสี่ยงโชค” แบบไทย ในยุคดิจิทัล

“ลอตเตอรี่” หรือ “หวย” คือความหวังของใครหลายคน ที่ซื้อแล้วอยากจะถูกรางวัล แต่แน่นอนการลงทุนมีความเสี่ยง เปอร์เซ็นต์การถูก ถ้าไปดูสถิติแล้วเพียง 0.0001% เท่านั้น ที่จะถูกรางวัล

แต่ก็ยังอยู่กับวิถีชีวิตของใครหลายคน ทั้งเรื่องของการลงทุน การเสี่ยงโชค อยากรวยอยากมีเงิน แต่จะต้องศึกษาให้ดี ที่สำคัญต้องไม่ลงทุนกับความเสี่ยง

​ณิชชนันทน์ แจ่มดวง และ วสวัตติ์ โอดทวี พูดคุยใน “รายการช่วยกันคิดทิศทางข่าว” พาย้อนไปในอดีต “หวย กข.” เริ่มมีตั้งแต่รัชกาลที่ 3 แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว

ไม่ว่าจะเป็น กำถั่ว ยี่กี ไม้สามอัน ไม้ดำไม้แดง เป็นต้น ขณะที่พ.ร.บ.การพนัน ใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 และปัจจุบันยังบังคับใช้อยู่หลายฉบับ

​คนบางคนนำทุกอย่างมาเล่นพนันได้หมด มีพฤติกรรมนิยมเรื่องการเสี่ยงโชคเสี่ยงดวง ต่อรองเดิมพัน และเล่นพนัน อยู่ในวิถีชีวิตมาตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที เช่น เรื่องของกีฬามวย จึงเกิดเป็นคลัสเตอร์ เมื่อครั้งที่โควิดระบาดช่วงแรกๆ หรือ สนุ๊กเกอร์ แม้แต่การเลือกตั้ง ยังนำมาพนันได้ว่าใครจะชนะ ส่วนการพนันที่ถูกกฎหมายมีหลายชนิด เช่น “ไก่ชน-วัวชน” แต่ต้องขออนุญาตเปิดดำเนินการ

​ปัจจุบันยุคดิจิทัล คนเปรียบเทียบว่า “คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น วัยรุ่นเล่นคลิปโต” มีการเสี่ยงโชคหลากหลายมาก ในออนไลน์และง่าย เพียงปลายนิ้วก็สามารถเลือกซื้อ ในมือถือได้แล้ว

ซึ่งพฤติกรรมการเสี่ยงโชค มีตั้งแต่พนันเล็กๆไปจนถึงสิ้นเนื้อประดาตัว ระดับบ่อนคาสิโน การเข้าถึงก็ง่ายแต่ควบคุมยาก เป็นการเล่นพนันที่ ไม่ได้ผลตอบแทน 100 % แต่คนเล่นเสีย 100%

​ดร.เนตรปรียา มุสิกไชย ชุมไชโย นักจิตวิทยาคำปรึกษา เคยให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ PPTV ถึงสาเหตุที่คนไทย นิยมเล่นการพนันหรือเสี่ยงโชค เพราะคนไทยต้องการความตื่นเต้น และปัจจุบันอยู่ในสภาวะเครียด เจอสารพัดมรสุม การพนันเสี่ยงโชค ถือเป็นสิ่งที่มาช่วยบำบัด เรื่องสภาวะความตึงเครียดของคนไทยได้

​ นอกจากนี้คนไทยมักหลีกเลี่ยง การพูดคุยเรื่องของตัวเอง ดังนั้นหวยเป็นช่องทางหนึ่ง ที่เข้าไปมีส่วนร่วมกับสังคมได้ จนบางครั้งคนไม่เล่นหวย กลายเป็นคนเล่นก็มี และเรื่องของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องเงินไม่พอใช้ ควรต้องหาอาชีพเสริม

แต่ทางเลือกของคนเหลือไม่กี่ทาง การแสวงโชค ทำให้ทุกคนหวังรวยและพลิกชีวิต แตกต่างกับต่างประเทศ ที่เคยสำรวจว่าการซื้อหวย , ลอตเตอรี่ , ลอตโต้ เป็นเพียงความสนุก ไม่ได้ซื้อเพราะความหวัง

​2-3 ปีที่ผ่านมากรมสุขภาพจิต ได้สำรวจพฤติกรรมการซื้อหวยใต้ดิน ของประชาชน สำรวจกลุ่มตัวอย่าง อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 7,000 กว่าคนทั่วประเทศ พบว่าส่วนใหญ่มีรายได้น้อย และส่วนใหญ่เป็นคนพื้นที่ภาคอีสาน มีรายได้ต่อหัวต่อปี ต่ำที่สุด ส่วนเพศหญิงกลุ่มคนโสดซื้อมากที่สุด

​แนวทางของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยเป็นรัฐบาลคสช. ต้องการแก้ไขปัญหาสลากขายเกินราคา ให้ได้ที่ราคา 80 บาท ซึ่งตอนนั้นก็ตกใจว่าทำได้หรือไม่ ถือเป็นเรื่องที่ 2 รองจากเรื่องของ ปัญหาโครงการรับจำนำข้าว โดยใช้ มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 โละบอร์ดกองสลากฯ เพื่อแก้ปัญหาขายเกินราคา และตั้งรางวัลนำจับ ก็สามารถแก้ไขได้บ้าง

​หลังจากนั้น 1 ปีบอร์ดกองสลาก โดย พล.อ.อภิรัตน์ คงสมพงษ์ ประธานบอร์ดฯ ได้ออกมาแถลงผลงาน แก้ไขปัญหาสลากแพงเกิน 80 บาทสำเร็จ แต่ต้องซื้อที่จุดเฉพาะเท่านั้น เรื่องนี้ก็เป็นปัญหามาต่อเนื่อง จนช่วงต้นปี 2565 นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งชุดเฉพาะกิจ ขึ้นมา 1 ชุด แก้ปัญหาดังกล่าว ให้ได้ราคา 80 บาทอย่างจริงจัง

​สุดท้ายก็เลยเกิดวิวัฒนาการ เป็นสลากดิจิตอลขึ้นมา หาซื้อได้ง่ายผ่าน “แอปเป๋าตัง” พอมาอยู่ในแอพเป๋าตัง ถือว่าขายดีและได้รับความนิยมจำนวนมาก มีการกว้านซื้อและหาเลขในการรวมเล่ม ได้ง่ายกว่าเดินซื้อตามแผง สามารถกดเลขหน้าเลขหลัง ตามที่ต้องการได้เลย

ทำให้จำนวน 5.1 ล้านใบ หมดในเวลารวดเร็วไม่ถึง 2 วัน รัฐบาลจึงเตรียมเพิ่ม การจำหน่าย อีก 2,000,000 ฉบับ รวมเป็น 7,000,000 ฉบับ สำหรับการจำหน่ายวันที่ 17 ก.ค.นี้ โดยเป็นงวดที่จะไปออกวันที่ 1 ส.ค.

​รัฐบาลยังมีจุดประสงค์ที่จะขยาย ให้ถึง 20 ล้านฉบับภายในปีนี้ นำมาใส่ในแพลตฟอร์มของแอปเป๋าตัง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ตามไทม์ไลน์บอกว่า จะพยายามทำให้ได้เดือนละ 2,000,000 ฉบับ ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อที่จะไม่ให้กระทบผู้ค้ารายย่อย และไม่ให้กระทบกับผู้ค้าสลากรายอื่นๆ ซึ่งถือเป็นงานที่ท้าทายของสำนักงานสลากเช่นกัน

​ปัญหาแรกๆคือเรื่องของโควตา เป็นการตัดโควตาของคนที่เดินขายหรือไม่ และสมาคมองค์กรผู้พิการและจำหน่ายสลาก ก็ร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบ ขณะที่เริ่มมีผู้ค้าหัวใส กว้านซื้อ และนำไปจำหน่ายต่อ

ตรงนี้ต้องระมัดระวังเพราะมีเรื่องกรรมสิทธิ์ ของผู้ที่ซื้อสลากในแอปเป๋าตัง เป็นของใครของมัน ถ้าถูกรางวัลเจ้าของที่ขายให้ ต้องเป็นคนที่ไปขึ้นเงินแล้ว นำเงินที่ขึ้นรางวัลได้ ให้ผู้ที่ซื้อต่อจากตนเอง หากถูกเลขท้ายคงไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าถูกหวยรางวัลใหญ่ขึ้นมา คงจะเกิดปัญหาตามมาได้

​ทั้งนี้รัฐบาลเตรียมมาตรการแก้ปัญหา การขายสลากเกินราคา ด้วยการจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ “สลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก” และ “สลากตัวเลข 3 หลัก” ซึ่งอยู่ระหว่าง จัดทำแนวทาง โดยไทม์ไลน์ทั้งหมดที่วางไว้ จะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้ เพื่อสรุปส่งเรื่องให้ บอร์ดสลากกินแบ่งรัฐบาลพิจารณา ก่อนส่งไปยังกระทรวงการคลัง เพื่อเสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาต่อไป

ซึ่งขั้นตอนไม่ง่าย จะต้องผ่านหลายด่านถึงจะออกมา ที่สำคัญต้องเปิดรับฟังความเห็นประชาชน กำหนดไว้ระหว่างวันที่ 20 ก.ค.- 3 ส.ค. ประชาชนสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ของกองสลากได้

ติดตาม “รายการช่วยกันคิดทิศทางข่าว” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.โดย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และคลื่นข่าว MCOT News FM 100.5