รอบปีธุรกิจหนังสือพิมพ์ ปี 2548
อรุณี เอี่ยมสิริโชค
ข่าวกลุ่มทุนยักษใหญ่ทางด้านบันเทิง “ย่องเบา” เข้าเทกโอเวอร์หนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ กลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์แทบจะทุกฉบับ ทำให้ภาพรวมของธุรกิจหนังสือพิมพ์ในรอบปี 2548 ดูมีสีสันระคนเศร้าเมื่อระบบทุนนิยม (ผูกขาด) สำแดงตัวตนอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งต่อสาธารณะอีกครั้ง
“แกรมมี่” เทกโอเวอร์ “มติชน-บางกอกโพสต์”
สังคมไทยมีโอกาสรับรู้และซึมซับ “เสรีภาพ” คุณค่าอันพึงหวงแหนอีกครั้ง ผ่านจิตวิญญาณของผองเพื่อนหนังสือพิมพ์ในยุคทุนนิยม และประชาชนคนอ่านที่ได้ผนึกกำลังลุกฮือและต่อต้านการเข้าซื้อหุ้นหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ทางด้านธุรกิจบันเทิง ซึ่งรายงานต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 12 ก.ย.2548 ว่า ได้เข้าซื้อหุ้นของบริษัท มติชน จำกัด(มหาชน) ได้ 32.23 % พร้อมกับการซื้อหุ้นบริษัทโพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) 23.60 %
ข่าวนี้เริ่มกระเซ็นกระสายผ่านสายตากลุ่มคนอ่านหนังสือพิมพ์แนวบันเทิง และแนวเศรษฐกิจฉบับเล็กๆ มาก่อนหน้านี้บ้างแล้ว โดยเฉพาะนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกลุ่มแกรมมี่ หรือ”อากู๋” ให้สัมภาษณ์ไว้เป็นแนวกว้างๆ ว่าบริษัทฯ กำลังร่วมมือกับพันธมิตรในกลุ่มทุนสื่อ 2 ราย โดยหวังจะผลักดันให้บริษัทเป็นมัลติมีเดียที่สมบูรณ์ ซ้ำคาดการณ์ตัวเลขรายได้ของปี 2548 ไว้อีกว่า น่าจะอยู่ที่ 5,400 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิน่าจะอยู่ที่ 600 ล้านบาท
ในแง่ธุรกิจกลุ่มแกรมมี่มีความเชื่อโดยคาดว่าการเข้าซื้อหุ้นของหนังสือพิมพ์ทั้ง 2 ฉบับ จะได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า ซึ่งสวนทางกับข้อครหาหนาหูที่คู่ขนานมากับข่าวการเทกโอเวอร์หนังสือพิมพ์ทั้ง 2 ฉบับว่า เรื่องนี้อาจมีเบื้องหลังจากฝ่ายการเมืองที่ต้องการยืมมือเข้าไปแทรกแซงสื่อ สุดท้ายอากู๋ก็ต้องฝันค้างเมื่อฝ่ายบริหารมติชนไม่ยินยอม การเจรจาจึงยุติลงที่ฝ่ายแกรมมี่ยอมถอย และขายหุ้นคืนให้แก่กลุ่มของนายขรรค์ชัย บุนปาน ผู้ก่อตั้งบริษัท มติชนบางส่วน และแกรมมี่จะถือหุ้นในสัดส่วน 20 % รวมทั้งเบื้องหลังของการเทกโอเวอร์ครั้งนี้อากู๋ยอมรับกับสื่อว่า ก่อนหน้านี้เคยมีการหารือเรื่องการควบรวมกิจการสื่อสิ่งพิมพ์ทั้งสองราย แต่ยังไม่มีข้อสรุป
สำหรับบริษัทโพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) มีเพียงสารยืนยันจากนายสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานธรรมการ บริษัทฯ ที่ออกมายืนยันถึงจุดยืนของบริษัทฯ แต่เพียงว่า หนังสือพิมพ์ที่อยู่ในเครือของบริษัทฯ ทั้ง 2 ฉบับ จะยังคงยึดมั่นในประเพณีและภารกิจแห่งการรายงานข่าว และวิเคราะห์ข่าวด้วยความเที่ยงตรง ยุติธรรม และเป็นกลาง ซึ่งดำรงมาเป็นเวลาช้านาน ส่วนหุ้นที่นายสุทธิเกียรติถืออยู่ในบริษัทโพสต์ฯ ซึ่งใครๆ หวั่นเกรงว่าจะเทขายให้กับกลุ่มแกรมมี่ด้วยนั้นนายสุทธิเกียรติบอกเพียงสั้นๆ ว่า “ไม่”
ผู้จัดการจับมือต่างชาติทำนสพ.ภาษาอังกฤษ
ท่ามกลางข่าวการเทกโอเวอร์ของหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ ในห้วงเวลาใกล้ๆ กัน มีรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ว่า มีการเปลี่ยนแปลงภายในเงียบๆ ของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ซึ่งได้นายทุนใหม่เป็นอดีตนักการเมืองเข้ามาร่วมลงทุน และยุบบริษัทเดิมคือ บริษัท หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ จำกัด ปัจจุบันจดทะเบียนบริษัทใหม่แล้วชื่อ บริษัท สารสู่อนาคต จำกัด
ส่วนหนังสือพิมพ์เก่าแก่อย่างหนังสือพิมพ์สยามรัฐ มีรายงานจากหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ว่า หนังสือพิมพ์สยามรัฐได้นายสมใจนึก เองตระกูล อดีตปลัดกระทรวงการคลังมาร่วมลงทุน และดำรงตำแหน่งประธานบริษัท รับหน้าที่ดูแลการบริหาร ขณะที่นายชัช เตาปูน ซึ่งเป็นผู้สืบต่อกิจการมาจาก ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช จะไปบุกเบิกตลาดหนังสือพิมพ์
ทางด้านกลุ่มทุนผู้จัดการจับมือกับต่างประเทศออกหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษ ชื่อ “IHT /THAIDAY” วางแผงแล้ว เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท ไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด มีนายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล เป็นกรรมการผู้จัดการ กับสื่อต่างประเทศที่ชื่ออินเตอร์เนชั่นแนล เฮอรัลด์ ทริบูน (IHT) ซึ่งนายจิตตนาถเผยถึงตัวเลขของการลงทุนว่า ใช้ทุนประมาณ 100 ล้านบาท คาดว่าภายใน 3 ปี น่าจะคืนทุน ส่วนกลุ่มเป้าหมายคือคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย และคนไทยในกลุ่มผู้บริหารระดับสูง
2 กลุ่มทุนแข่งขันออกนสพ.บันเทิงชิงตลาดผู้บริโภค
สำหรับกลุ่มสยามสปอร์ต ซึ่งครองตลาดหนังสือพิมพ์แนวกีฬามายาวนาน ขยายการลงทุนทางธุรกิจด้วยการออกหนังสือพิมพ์แนวบันเทิงรายวันชื่อ “ดารารายวัน” โดยนายวิลักษณ์ โหลทอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ในเครือของสยามสปอร์ตซินดิเคท เผยว่า การออกหนังสือพิมพ์สยามดารารายวันเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด เนื่องจากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา วงการบันเทิงทั้งในและต่างประเทศเป็นที่สนใจของผู้คนจำนวนมาก รวมทั้งการศึกษาตลาดพบว่า การตอบรับของผู้คนในการบริโภคข่าวสารบันเทิงมีปริมาณมากขึ้นทุกปี ไม่แพ้การบริโภคข่าวการเมืองหรือเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ค่ายอาร์เอส โปรโมชั่น กลุ่มธุรกิจด้านบันเทิงซึ่งเป็นคู่แข่งของกลุ่มแกรมมี่ ก็หันมาลงทุนออกหนังสือพิมพ์แนวบันเทิงชื่อ “ดาราเดลี่” เพื่อรองรับการโปรโมตและสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทฯให้ครบวงจรมากขึ้น
ปีนี้ธุรกิจหนังสือพิมพ์ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำมันแพง ส่งผลให้ต้นทุนราคากระดาษปรับราคาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตัวเลขการใช้งบประมาณสำหรับโฆษณาลงในสื่อหนังสือพิมพ์โดยรวมลดลง 6.85 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2547 (ตัวเลขจากเอซีนีลเส็น จำกัด) อย่างไรก็ดีโดยภาพรวมของธุรกิจหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งรายได้และกำไรยังคงอยู่ในจุดที่น่าพอใจระดับหนึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ
ตัวเลขกำไรของธุรกิจหนังสือพิมพ์ ประจำปี 2548
หนังสือพิมพ์ |
2548 (ณ 30/09/2548) (ล้านบาท) |
2547 (ล้านบาท) |
2546 (ล้านบาท) |
บริษัท มติชน จำกัด |
70.55 |
103.03 |
163.33 |
บริษัท โพสต์พับลิชชิ่ง จำกัด |
96.47 |
194.19 |
103.59 |
บริษัท เนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป |
-260.96 |
113.56 |
150.94 |
บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด |
12.95 |
81.66 |
50.23 |
ที่มา:ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตัวเลขงบโฆษณาสินค้าลงในสื่อต่างๆ ระหว่างเดือนม.ค.-ก.ย.2548
สื่อ |
ม.ค.-ก.ย.47 (ล้านบาท) |
สัดส่วน (%) |
ม.ค.-ก.ย.48 (ล้านบาท) |
สัดส่วน (%) |
เปลี่ยนแปลง (ล้านบาท |
เปลี่ยนแปลง (%) |
โทรทัศน์ |
35,150 |
56.78 |
37,160 |
56.67 |
2,010 |
5.72 |
หนังสือพิมพ์ |
13,002 |
21.00 |
13,258 |
20.22 |
256 |
1.97 |
วิทยุ |
5,103 |
8.24 |
5,091 |
7.76 |
-12 |
-0.24 |
นิตยสาร |
4,361 |
7.05 |
4,863 |
7.42 |
502 |
11.51 |
สื่อกลางแจ้ง |
2,834 |
4.58 |
3,395 |
5.18 |
561 |
19.80 |
โรงภาพยนตร์ |
939 |
1.52 |
1,184 |
1.81 |
245 |
26.09 |
สื่อเคลื่อนที่ |
425 |
0.69 |
537 |
0.82 |
112 |
26.35 |
สื่อในร้านค้า |
86 |
0.14 |
89 |
0.14 |
3 |
3.49 |
รวม |
61,901 |
100 |
65,576 |
100 |
3,675 |
5.94 |
ที่มา:นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ซ กรุงเทพธุรกิจ,25 ตุลาคม 2548
จับตายุคไฮเทคคนรับสื่อลด
ในรอบปี 2548 ยังมีประเด็นน่าสนใจซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจหนังสือพิมพ์เพื่อให้รู้เท่าทันและรักษาฐานทางการตลาดต่อไปในอนาคต สำหรับผลวิจัยที่ชื่อ “ออพติมั่ม อินไซด์” งานวิจัยสำรวจพฤติกรรมการรับสื่อของคนไทยโดยเฉพาะ จัดทำโดยบริษัทออพติมั่ม มีเดีย ไดเรคชั่น (ประเทศไทย) หรือโอเอ็มดี มีเดียเอเยนซี่ในเครือออมนิคอมกรุ๊ป
ผลวิจัยพบว่า พัฒนาการของเทคโนโลยีมีผลทำให้พฤติกรรมการรับสื่อของคนไทยเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับให้เข้ากับรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ๆ ทำให้สัดส่วนการจดจำโฆษณาในสื่อต่างๆ ของคนไทยลดน้อยลง และส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจสื่อขยายตัวสูงขึ้นมาก ทั้งในสื่อแต่ละประเภทและสื่อใหม่ๆ เช่น ส่วนของเม็ดเงินโฆษณาในธุรกิจหนังสือพิมพ์ขยายตัวกว่า 66 % ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา ชิ้นงานโฆษณาบางส่วนจึงถูกแบ่งความน่าสนใจลง ส่งผลทำให้ในอนาคตแนวโน้มการเลือกใช้จ่ายเม็ดเงินผ่านสื่อจะต้องมีการวางแผนแบ่งแยกและจัดสรร (Fragment) ให้มีประสิทธิภาพ เข้าถึงและครอบคลุมมากถึง
นอกจากงานวิจัยชิ้นดังกล่าว บริษัทฯ ยังได้จัดทำงานวิจัยอีกชิ้นชื่อ “ออพติมั่มเพรสชั่น” เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของออพติมั่ม อินได์ ซึ่งศึกษาลงลึกในรายละเอียดการรับรู้ข่าวสารในสื่อ ที่เจาะจงเฉพาะกลุ่มผู้อ่านหนังสือพิมพ์ หลังจากบริษัทฯ เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2543 โดยใช้หนังสือพิมพ์รายวันชั้นแนวหน้า 5 ฉบับ พบว่า การจดจำโฆษณาในสื่อหนังสือพิมพ์มีจำนวนลดลง เหลือเพียง 53 %จากเดิมในปี 2543 อยู่ที่ 69 %
เมื่อแยกกลุ่มหนังสือพิมพ์รายวันที่มีคนจำจดมากที่สุดพบว่า ไทยรัฐ เป็นฉบับที่มีคนจดจำโฆษณาได้สูงสุด 32 % ตามด้วย เดลินิวส์ 54% คมชัดลึก 46 % ข่าวสด 46 % และมติชน 44 % ส่วนหนังสือพิมพ์ธุรกิจ อันดับแรก คือ โพสต์ทูเดย์ 39 % กรุงเทพธุรกิจ 38 % และฐานเศรษฐกิจ 32 % สำหรับหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษ อันดับแรก คือเดอะเนชั่น 41 % และ บางกอกโพสต์ 38 %
อีกด้านหนึ่ง งานวิจัยชิ้นนี้ยังชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการอ่านหนังสือพิมพ์ของคนไทยในอนาคตอันใกล้ เพื่อให้เจ้าของธุรกิจหนังสือพิมพ์พึงตระหนักได้อีกด้วย