อานนท์ บุนนาค

เจ้าพ่อรัฐสภายึดอาชีพนักข่าวจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต

ปัจจุบันน้องนักข่าวชอบแซวนักข่าวรุ่นพี่ ไม่ว่าสังกัดค่ายไหนที่ทำข่าวประจำรัฐสภาหรือทำเนียบรัฐบาล หรือกระทรวงต่างๆ มาอย่างยาวนาน ถ้าเป็นนักข่าวผู้หญิง ต้องมีคำนำหน้าชื่อตัวเองว่า  เจ้าแม่  ถ้าเป็นนักข่าวชาย ก็มีคำหน้าว่า  เจ้าพ่อ  เพื่อบ่งบอกให้เห็นว่าเป็นผู้คร่ำหวอดในการทำข่าว

เช่นเดียวกับ  อานนท์ บุนนาค  หลังจากจบวิทยาลัยพาณิชย์การ เคยมีประสบการณ์ทำงานประจำอยู่หนังสือพิมพ์จีน 1 ปี ก่อนย้ายสังกัดมาเป็นนักข่าวประจำหนังสือพิมพ์  กอกโพสต์ รุ่นก่อตั้ง

ประจำอยู่รัฐสภามายาวนาน เข้าข่ายเป็น  เจ้าพ่อ รัฐสภาด้วยกะเขาอีกคน โดยไม่หวั่นต้องทำงานข่าวแข่งขับกับนักข่าวรุ่นน้องกว่า 50 ชีวิตจากค่ายอื่น เพราะ  หมาแก่ ฉายาเขาเรียกตัวเองไม่เคยเต้นตามจังหวะการทำงานข่าวของคนรุ่นใหม่ ไม่สนใจข่าว  เอ็กซ์คลูชีฟ ของใคร ไม่สนใจหากต้องตกข่าวพวกนักข่าวรุ่นลูกรุ่นหลาน

 หมาแก่ ยังคงทำงานตามสไตล์ของนักข่าวรุ่นเดอะ  บินเดี่ยว  ทำให้ไม่มีใครรู้ได้เลยว่า แต่ละวันนักข่าวรุ่นใหม่ จะตกข่าว  เจ้าพ่อ รัฐสภาแบบเบาะ หรือหนักขนาดไหน

วันเปิดทำการของราชการเขาจะเดินท่อมๆไปตามอาคารรัฐสภา 1 อาคารรัฐสภา 2 อาคารรัฐสภา 3 ซึ่งจะมีห้องประชุมประชุมสภาผู้แทนราษฎร์ ประชุมวุฒิสภา ประชุมคณะกรรมาธิการการชุดต่างๆ เจอส.ส. เจอส.ว.ก็เข้าไปทักทายอย่างเป็นกันเองและพูดคุย เก็บประเด็นข่าว ถึงคราวต้องรุมสัมภาษณ์ เขาจะงัดเอาเครื่องบันทึกเทปจอปากแหล่งข่าว และหายไปถอดเทป จับประเด็นข่าวส่งเข้าโรงพิมพ์เพียงลำพังเงียบๆ

นักข่าวสภาทุกคนไม่เห็นเคย  อานนท์  ขอข่าวจากใคร

น้อยครั้งที่จะเห็นเขา เข้ามานั่งในห้องนักข่าว เพราะมักนั่งอยู่ด้านนอกใต้ถุนสภา เพื่อคอยเก็บความเคลื่อนไหวต่างๆที่เกิดขึ้น

ชีวิตประจำวันของเขาในวัย 85 ปี ด้วยความรักในงานข่าว ไม่ยอมเกีษยณตัวเอง ยังคงนั่งรถเมล์โดยมีผ้ากรองอากาศเปิดจมูก ขึ้นบ้านย่านสำโรง จ.สมุทรปราการ มาลงป้ายรถเมล์หน้ากระทรวงศึกษาธิการ ต่อสาย 70 ลงหน้ารัฐสภา สะพายกระเป๋าที่บรรจุอุปกรณ์การทำข่าว ทั้งสมุด ปากกา เครื่องบันทึกเทป ร่ม เวลาที่เขาเดินไปไหน จะมีเสียงกรุ๊งกริ๊งๆจากกระดิ่งเล็กๆให้ได้ยิน

เขาเป็นต้นแบบที่ดีของการแต่งกายที่เรียบร้อย คงเส้นคงวา ในชุดเสื้อซาฟารี หรือบางครั้งก็สวมเสื้อเชิ้ต ผูกหูกระต่ายหรือไท

ตลอดชีวิตการทำงาน 53 ปี ไม่เคยทำเรื่องใดให้เกิดปัญหา และไม่เคยมีข่าว ข้องแวะ กับเรื่อง  สินบน  แล้ววันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2542 เขาแจ้งเข้ามายังกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ว่า จะเข้าโรงพยาบาลตำรวจ มีปัญหาเรื่องหัวใจ และบอกเองว่าครั้งนี้อาจจะไม่รอด พร้อมสั่งลูกสะใภ้ให้นำซองเอกสารไปส่งให้หัวหน้ากองบรรณาธิการด้วย ในซองมีใบลาป่วย เพื่อเข้ารักษาพยาบาลแนบมา พร้อมกับระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ และเนื้อหาในร่างพ.ร.บ.ฉบับต่างๆจะเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมในวันนั้น

ก่อนจะเสียชีวิตอย่างสงบโดยโรคหัวใจล้มเหลวเมื่อคืนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2542

เป็นการปิดฉากนักหนังสือพิมพ์น้ำดีของเมืองไทยไปอีกคน