ผู้จองหองทุบหมอข้าวตัวเองกระชิ่งเผด็จการ
ส.อาสนจินดา เป็นนักหนังสือพิมพ์ นักเขียน และนักแสดง โดยเริ่มจากเป็นครูสอนหนังสือ ม.3 โรงเรียนอำนาจศิลป์ ต่อมาหันเอาดีไปรับราชการเป็นเสมียนสหกรณ์เชียงราย และใช้ช่วงเวลากลางคืนเขียนเรื่องสั้นส่งให้นิตยสารสุภาพบุรุษประชามิตร ก่อนลาออกจากราชการ เพื่อเริ่มต้นนับหนึ่งงานหนังสือพิมพ์ที่กรุงเทพฯ โดยเข้าทำงานที่หนังสือพิมพ์บางกอกรายปักษ์ ก่อนขยับไปทำ บางกอกรายวัน ที่คึกคักไปด้วยนักเขียนหนังสือพิมพ์ชื่อเฟื่องระดับ อิศรา อมันตกุล เสนีย์ เสาวพงศ์ อุษณา เพลิงธรรม โดยน้องใหม่ถูกมอบหมายให้รับหน้าที่ตระเวนข่าวโรงพัก
แต่ บางกอกรายวัน ขายดินขายดีไม่ทันไรก็ร่วงผล็อยต้องปิดตัวลง เพราะนายทุนถอดใจ
เขาตกงานอยู่พักใหญ่ ต้องหอบเสื่อผืนหมอนใบ กลับไปอาศัยวัดมหรรณพฯ อันเป็นวิวาสสถานเดิม กระทั้งเกิดรัฐประหารโดยพล.ท.ผิน ชุณหะวัณ ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 ได้อาทิตย์กว่าๆ เขายังนุ่งผ้าขาวม้าอาบน้ำอยู่กลางลานวัด มีหนุ่ม 2 คน ชื่อ ประทีป โกมลภิศ และ สุเทพ เหมือนประสิทธิเวช แนะนำตัวว่าทั้งสองได้รับหมอบหมายจากผู้ใหญ่ในคณะรัฐประหาร จะเป็นใครไม่ขอเปิดเผย ให้เตรียมการออกหนังสือพิมพ์รายวัน 8 พฤศจิกา จึงมาเชื้อเชิญให้นั่งเก้าอี้บรรณาธิการ อันมี หลวงกาจสงคราม และ ขุนจำนง ภูมิเวท เป็นหัวเรือใหญ่ เขาตอบตกลงในเงื่อนไขว่า มีอิสระในภาระหน้าที่บรรณาธิการอย่างเต็มภาคภูมิ ผู้ใหญ่ไม่ว่าใครในคณะรัฐประหารจะเข้ามาแทรกแซงมิได้
หนังสือพิมพ์ 8 พฤศิจิกา จึงเดินเครื่องตามมงคลฤกษ์ที่ผู้จัดการชื่อ เทพ สาริกบุตร โหรใหญ่เป็นผู้กำหนด มียอดขายในระยะเริ่มแรกค่อนข้างดี เพราะมีข่าวความเคลื่อนไหวติดตามจับ ปรีดี พนมยงค์ กับพวก และบุคคลในคณะรัฐบาลชุดเก่าอย่างตื่นเต้น ต่อเนื่อง
กระทั้งวันหนึ่งคณะรัฐประการจับกุมคนหนังสือพิมพ์เกือบ 20 คน ไปคุมขัง ในจำนวนนี้ มี อิศรา อมันตกุล หัวหน้ากองบรรณาธิการเอกราช รวมอยู่ด้วย
ต้องไม่ลืมว่า ส.อาสนจินดา บูชา อิศรา อมันตกุล ว่า เป็นพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ในอุดมการณ์ ไม่มีค่ายไม่เอียงฝ่ายไหนยืนหยัดอยู่เคียงข้างประชาชน
เขา จึงใช้คอลัมน์บรรณาธิการ คือ บทนำ เขียนตำหนิ จอมพลป. พิบูลสงคราม หัวหน้ารัฐบาลในขณะนั้นอย่างดุเดือด การกระทำดังกล่าวเปรียบเหมือนผู้จองหองทุบหม้าข้าวตัวเอง ที่บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฝ่ายรัฐประหาร เขียนบทนำ ตำหนิการกระทำของงฝ่ายรัฐประหารเอง
ปัญหาจึงเกิดขึ้นภายในโรงพิมพ์โดยพลันอย่างน่าใจหาย เมื่อปรากฏว่าสัปดาห์นั้น เงินทุกบาทของกองบรรณาธิการไม่ออกตามกำหนด
ส.อาสนจินดา เป็นนกรู้ อยู่เหมือนกัน รู้ว่าตัวเองควรปฏิบัติสถานใด เพื่อมิให้พรรคพวกในกองบรรณาธิการและครอบครัวต้องระทบกระเทือนเดือนดร้อน เขาจึงบินเดี่ยว ทำหนังสือลาออก
เป็นหนังสือพิมพ์ฉบับสุดท้ายที่เขาทำงานในวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ก่อนหลุดวงจรทะยานเข้าสู่แวดวงบันเทิง
เขาเคยรำพึงรำพันว่า ไม่มีอาชีพใดที่ผมจะเป็นสุขได้เท่ากับเป็นนักเขียนไส้แห้ง เป็นนักหนังสือพิมพ์เตะฝุ่น ผมขอยืนยันว่าวันหนึ่งผมจะกลับมา ทว่าในท้ายสุดหาได้กลับมาไม่ เพราะวันที่ 19 กันยายน 2536 ในวัย 71 ปีเขาปิดฉากชีวิตด้วยโรคหัวใจ