สมาชิกสัมพันธ์ฯ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ นำสื่อลงพื้นที่ศึกษาวิถีวัฒนธรรมเชิงประวัติศาสตร์ จ.สมุทรสงคราม

เมืองปลายลุ่มน้ำแม่กลองถูกเลื่องลือกันว่า “เป็นดินแดงแห่งยักษ์ใหญ่องค์ท้าวเวสสุวรรณ” ที่ทรงพลังแห่งอิทธิปาฏิหาริย์กล่าวขานไปไกลด้วยเหตุนี้

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. นายมงคล บางประภา นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และนายวัฒนะชัย ยะนินทรอุปนายกฝ่ายสวัสดิการและสมาชิกสัมพันธ์ จัดกิจกรรมสมาชิกสัมพันธ์เชิงวัฒนธรรมตามรอยพลังศรัทธาท้าวเวสสุวรรณดินแดนแห่งเมืองยักษ์ปลายลุ่มแม่น้ำแม่กลอง

พร้อมทั้งนำสื่อมวลชนเยี่ยมชมศึกษาวิถีความเชื่อตำนานการสร้าง “ท้าวเวสสุวรรณ ณ วัดจุฬามณี อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม” ตามประวัติวัดนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ภายในวัดมีจุดสำคัญที่ผู้คนหลั่งไหลมากราบไหว้ คือ สังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของ หลวงพ่อเนื่อง โกวิท อดีตเจ้าอาวาส 

อุโบสถจตุรมุขหินอ่อนปูพื้นด้วยหินหยกสีเขียวที่มีความสวยงามภายประดิษฐานพระประธานบนฐานสูง  และไฮไลท์สำคัญคือ “ท้าวเวสสุวรรณ” ที่เชื่อกันว่าท่านเป็นเจ้าแห่งอสูรยักษ์ เป็นหนึ่งในท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ผู้ปกป้องคุ้มครองดูแลโลกมนุษย์ รักษาสมบัติเทวโลก ปกครองยักษ์ภูตผีปีศาจ ปกปักรักษาพุทธศาสนา 

ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่มาขอพรแคล้วคลาดจากภูตผีสิ่งอัปมงคล และเสริมดวงการเงินเรียกทรัพย์ร่ำรวย เป็นที่มาในความโดดเด่นเรื่องโชคลาภให้คนมาขอพรร่ำรวยมาแล้วไม่น้อย กลายเป็นปลุกกระแสพลังศรัทธายิ่งทำให้มีผู้คนต่างหลั่งไหลกราบไหว้ขอพรกันไม่ขาดสาย

ถัดมาคณะได้เดินมายัง “วัดอินทาราม อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม” สถานที่ประดิษฐานท้าวเวสสุวรรณเนื้อปูนปั้นบนเกตุบรรจุผงเนื้อสมเด็จวัดระฆังหนึ่งเดียวในประเทศไทย ตามประวัติวัดแห่งนี้สร้างขึ้นสมัยอยุธยาตอนปลายบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ในสมัยรัชกาลที่3 ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว

มีหลักฐานสำคัญคือ“พระอุโบสถ์วิหารมหาอุตม์ประดิษฐานหลวงพ่อโต”คนจีนเรียกว่า“พระซำปอกง” ปางมารวิชัย หรือปางปราบมารอายุ 300 ปีที่พึ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของคนสมุทรสงคราม ก่อนเข้ากราบนมัสการ ดร.พระครูพิศิษฏ์ประชานาถ หรือหลวงพ่อแดง เจ้าอาวาสวัดอินทาราม เล่าให้ฟังว่า

 สถานที่แห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่อันเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธรูปหลวงพ่อโตอายุกว่า 300 ปี และท้าวเวสสุวรรณ” ที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสของประชาชนทั่วทุกสารทิศ ตลอดทั้งวันมีญาติโยมมากราบไหว้ขอทั้งเรื่องโชคลาภ โภคทรัพย์ หรือหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า “ผู้ใดได้ดั่งใจนึก” มักนำไข่ต้มมาถวายแก้บนจำนวนมากทุกวัน แล้วในสถานการณ์โควิด-19 ชาวบ้านกำลังเผชิญความเดือดร้อน “อาตมา” ก็นำไข่ไก่แก้บนนนี้มาแจกญาติโยม

ไม่เท่านั้นในสมัยก่อนผู้คนมักนำประทัดมาจุดแก้บนถวายเป็นหมื่นๆ แสนๆนัด อาตมา” มองว่า การจุดประทัดถวายแก้บนเป็นการเผาเงินทิ้งไปกับกองไฟไปไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เลยเปลี่ยนวิถีแก้บนถวายมาเป็น ข้าวสารอาหารแห้ง เครื่องอุปโภค หรือสิ่งของอันจำเป็น เพื่อจะได้นำไปส่งมอบให้กับผู้ยากไร้ที่กำลังเดือดร้อน

ทำให้มีญาติโยมที่สมหวังมาแก้บนด้วยข้าวสารอาหารแห้ง ในบางครั้งสมหวังได้โชคลาภมากก็นำข้าวสารมาแก้บนถวายเป็นตันๆ วัดอินทารามจะมีการรวบรวมนำข้าวสารไปมอบให้โรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร เพื่อเป็นอาหารกลางวันไปแล้วหลายสิบตัน และยังมอบให้วัดอื่นเพื่อนำไปมอบให้ผู้ยากไร้ เพื่อเป็นการสร้างความสุช่วยประชาชนให้พ้นต่อความทุกข์ยากลำบากนั้น 

ก่อนจบกิจกรรมด้วยการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “แนวทางการนำเสนอข่าวไสยศาสตร์ภายใต้กรอบจริยธรรมวิชาชีพ” โดยนายชาย ปถะคามินทร์ อดีตเลขาธิการสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ กล่าวว่า สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติมีแนวปฏิบัติในการนำเสนอข่าวความเชื่อ ทางไสยศาสตร์ และสลากพนันมานานแล้ว เพราะสมัยก่อนสื่อมวลชนมีการนำเสนอข่าวในเชิงให้ข้อมูลสนับสนุนการเล่นพนัน และการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเชื่อเหนือธรรมชาติ ไสยศาสตร์ค่อยข้างรุนแรง ทำให้บางครั้งมีภาพไม่เหมาะสมถูกนำเสนอออกบ่อยๆ

โดยเฉพาะสื่อหนังสือพิมพ์ประเภทหัวสี หรือสถานีโทรทัศน์บางช่อง มักนำเรื่องความเชื่องมงายเป็นข่าวเด่นจุดขาย ไม่ว่าจะเป็นการขูดต้นไม้ขอหวย ทาแป้งขอเลขเด็ดเลขดัง เจ้าพ่อนั้นเจ้าแม่นี่ แม้แต่ข่าวเหตุการณ์คนมีพระเหรียญเกจิติดตัวรอดตายจากอุบัติเหตุ ต่างก็มีการประโคมนำเสนอข่าวชี้นำให้พื้นที่มากไปมาตลอด แล้วสื่อก็มักมีอิทธิพลต่อการชักนำความคิดของคนสูง กลายเป็นการสร้างความงมงายให้ประชาชนมีพฤติกรรมเลียนแบบอีก 

ทำให้ประชาชน นักวิชาการ ต่างร้องเรียนมายังสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ กระทั้งมีการหารือถึงแนวการปฏิบัติในการนำเสนอข่าวเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล สิ่งเหนือธรรมชาติ ไสยศาสตร์ เพื่อให้สื่อมวลชนตระหนักการนำเสนอให้อยู่ในกรอบอย่างเหมาะสมไม่งมงายมากเกินไป และสื่อก็มีการปรับรูปแบบนำเสนอดีมาเรื่อยๆ

นายชาย ปถะคามินทร์ อดีตเลขาธิการสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันรูปแบบนำเสนอข่าวสิ่งเหนือธรรมชาติ หรือไสยศาสตร์ ได้เปลี่ยนไปจากอดีต มุ่งเน้นเสนอความเชื่อศรัทธาส่วนบุคคลเป็นหลัก อย่างเช่นความเชื่อต่อองค์ท้าวเวสสุวรรณที่มีผู้คนเลื่อมใสศรัทธามานาน อันเป็นความศรัทธาส่วนบุคคลด้านจิตใจ มีความหวังจากการขอพร ขอโชคขอลาภ ทำมาค้าขายดีมีชีวิตรุ่งเรือง แต่มาโด่งดังขึ้นภายหลังจากศิลปิน ดารา พูดถึงกันมากจนสื่อมวลชนหันมาจับประเด็นนำเสนอจนเป็นกระแสฟีเวอร์มาถึงทุกวันนี้

แต่เพื่อให้สื่อมวลชนปฏิบัติหน้าที่ให้สอดคล้องยุคสมัย สภาการสื่อมวลชนฯ จึงปรุงปรุงแนวปฏิบัติการนำเสนอข่าว ภาพข่าว ความเชื่อทางไสยศาสตร์ ตัวเลข และสลากพนันฉบับใหม่ออกมาเดือน มี.ค.2565 ดังนี้ คือ 

1.ไม่ให้ความสำคัญการนำเสนอข่าวสลากพนัน หรือสื่อสารทำนองสนับสนุนการเล่นสลากพนัน เว้นแต่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการกุศล 

2.ไม่นำเสนอแหล่งที่มา วิธีการตีความ เพื่อให้ได้ตัวเลข หรือบ่งชี้ตัวเลขสลากพนัน 

3. ต้องไม่นำเสนอข่าวสารการพนันทุกรูปแบบ 

4.ไม่นำเสนอข้อมูลประกอบการเล่นพนัน หรือสลากพนัน ที่ได้มาจากศิลปิน ดารา หรือบุคคลสาธารณะ อันนำไปสู่การจูงใจให้เล่นการพนัน

5. ไม่นำเสนอเนื้อหาสนับสนุนการเล่นพนัน หรือสลากพนันในระหว่างการถ่ายทอดสดทางวิทยุ โทรทัศน์ หรือสื่อออนไลน์ในการจับรางวัลสลากพนันแก่ผู้ชมทั่วไป 

6. พึงหลีกเลี่ยงการนำเสนอข่าวข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่ได้รับรางวัลสลากพนัน หรือข้อมูลการได้มาซึ่งตัวเลข วิธีการ โดยเฉพาะความฝัน วิญญาณ ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ หรือความเชื่อส่วนบุคคล 

7. พึงระมัดระวังการเสนอข่าวจำนวนมากเดินทางไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ โดยชี้นำไปสู่การส่งเสริมให้มีการเล่นพนัน หรือสนับสนุนความเชื่ออันงมงายซึ่งพิสูจน์ไม่ได้ 

8.พึงระมัดระวังการนำเสนอข่าวจากบุคคลที่อ้างตัวว่ามีคุณสมบัติพิเศษเกี่ยวกับข้อมูลความเชื่อทางไสยศาสตร์ และการทำนายผลการพนัน

9. พึงนำเสนอข่าวสารที่เน้นความสมดุล รอบด้าน ของผู้เล่นการพนันแล้วไม่ประสบความสำเร็จ หรือโอกาสที่จะเสี่ยงได้เสี่ยงเสีย และผลกระทบของการเล่นพนันที่เกิดขึ้น

10.พึงนำเสนอคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์จากผู้เชี่ยวชาญ หรือหลักฐานที่พิสูจน์ทราบได้ ในส่วนของความนำ และเนื้อหาข่าวที่เป็นเรื่องราวปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ หรือเรื่องแปลก 

11.ข่าวเนื้อหาข่าว การแสดงความคิดเห็น เนื้อหาทั่วไป ตามแนวปฏิบัติฉบับนี้หมายถึง ข่าว เนื้อหาข่าว การแสดงความคิดเห็น เนื้อหา ตามข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชน  ตอนนี้การสื่อสารมีความกว้างขวางมาก และสื่อมวลชนมืออาชีพจำเป็นต้องมีแนวปฏิบัติให้อยู่ภายใต้กรอบไม่นำเสนอล้ำเส้นเกินไป เพราะเป็นสภาวิชาชีพเดียวที่ไม่มีกฎหมายออกมากำกับควบคุมดูแล  ดังนั้นแนวการปฏิบัติการนำเสนอข่าวเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล สิ่งเหนือธรรมชาติ ไสยศาสตร์ จะเป็นเสมือนกรอบช่วยเป็นเกราะคุ้มกันในการทำหน้าที่ได้อย่างอิสระอยู่บนความถูกต้อง เพื่อประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติต่อไป...