11กย52-ทีวีพูลค้านเอกชนลาว ค้ากำไรกับซีเกมส์

วันที่ 11 กันยายน 2552 15:26
ทีวีพูลค้านเอกชนลาว ค้ากำไรกับซีเกมส์
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ทีวีพูลรวมตัวออกโรงค้านการซื้อขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดเวียงจันทน์เกมส์ จวกเป็นการทำลายประเพณีดั้งเดิม ทำให้ซีเกมส์กลายเป็นพาณิชย์

พลโทสบโชค ศรีสาคร ในฐานะเลขานุการบริหารโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล/ทรท.) เปิดเผยถึงผลการประชุมสมาชิกผู้บริหารจากสถานีโทรทัศน์ 4 ช่อง คือ ช่อง 3, ช่อง 5, ช่อง 7 และ ช่อง 9  เมื่อ 10 กันยายนที่ผ่านมา ว่า ได้มีการพิจารณากรณีการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 25 หรือ “เวียงจันทน์เกมส์” ระหว่างวันที่ 9-18 ธันวาคม 2552 ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นเจ้าภาพนั้น มีการซื้อขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดวิทยุโทรทัศน์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

"ที่ประชุมเห็นพ้องกันว่า การขายลิขสิทธิ์ดังกล่าวเป็นการทำลายประเพณี การถ่ายทอดที่มีมาแต่ดั้งเดิม ทำให้การแข่งขันกีฬาซีเกมส์กลายเป็นรูปแบบระบบธุรกิจอย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ทำให้ผู้ชมชาวไทยเสียประโยชน์ และขัดกับหลักการแข่งขันกีฬาระดับภูมิภาคที่เน้นความสามัคคี สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ

ดังนั้น สมาชิกทีวีพูลไม่เห็นด้วยต่อแนวความคิดที่จะมีการขายลิขสิทธิ์ ทั้งนี้เพื่อพิทักษ์ประเพณีการถ่ายทอดตามปรัชญาทีวีที่ต้องมีการบริการสังคม มิใช่มุ่งแสวงหากำไรในทุกเรื่อง"

สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ไปทาง “ทีวีพูล” จะทำหนังสือไปยังคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ให้พิจารณาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ในการประชุมมนตรีซีเกมส์ปลายเดือนกันยายนนี้ต่อไป

ทั้งนี้ มนตรีซีเกมส์ มีนโยบายสำคัญในการส่งเสริมให้ประชาชนทุกประเทศมีโอกาสชมบรรยากาศแห่งความสามัคคีของคนในภูมิภาคผ่านการถ่ายทอดสดแบบ Free To Air โดยสมาชิกทุกประเทศร่วมกัน ทำหน้าที่สื่อกลางในการถ่ายทอดซีเกมส์ทุก 2 ปี

ซึ่ง ประเทศเจ้าภาพจะทำหน้าที่เป็น Host Broadcaster จัดตั้งศูนย์ IBC ผลิตสัญญาณการแข่งขันแจกจ่าย และให้บริการแก่ประเทศสมาชิก โดยคิดค่าใช้จ่ายในอัตราที่ทุกประเทศยอมรับได้ และไม่เคยมีการเก็บค่าลิขสิทธิ์แต่ประการใด เพราะเรื่องการแข่งขันกีฬาซีเกมส์เป็นไปเพื่อกระชับความสัมพันธ์  มิใช่แสวงหาผลประโยชน์ทางธุรกิจ

แหล่งข่าวแจ้งว่า คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้มอบหมายให้ บริษัท เพ็ชรจำปา แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด เป็นตัวแทนด้านธุรกิจสิทธิประโยชน์และดูแลการถ่ายทอดสดการแข่งขันดังกล่าวอย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายในการหารายได้จากโฆษณาไม่ต่ำกว่า 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 160 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีการหารายได้จากการถ่ายทอดผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และวิทยุโทรทัศน์อีกไม่น้อยกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งมีมูลค่าสูงกว่า 200 ล้านบาท

โดยสำหรับการถ่ายทอดสดในประเทศไทยนั้น บริษัทเพชรจำปา ก็ได้ส่งต่อให้ "อาร์เอสบีเอส" ในเครือ บมจ.อาร์เอส ให้เป็นผู้ได้รับสิทธิ์ในการบริหารลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขัน และ พิธีเปิด-ปิด ตลอดจนสิทธิประโยชน์ในซีเกมส์ครั้งนี้ทั้งระบบ

โดยแหล่งข่าวมองว่า การพลิกประวัติศาสตร์การถ่ายทอดกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้ ย่อมมีความเคลื่อนไหวจากหลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย เพราะนอกจากเป็นการมุ่งผลประโยชน์ธุรกิจในกีฬาภูมิภาคอาเซียนแล้ว ยังมีผลกระทบต่องบประมาณของแต่ละประเทศ ซึ่งไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน