"คุณเป็ด" อดีตผู้ต้องขังในคดียาเสพติด ผู้มีประสบการณ์เป็นนักโทษติดซ้ำ เปิดเผยความรู้สึกให้ฟังว่า ครั้งแรกที่เข้าเรือนจำเป็นช่วงปี 2544 เพราะขายยาเสพติด อายุประมาณ 20-21 ปี โดนตัดสินจำคุก 2 ปี 6 เดือนที่เรือนจำพิเศษธนบุรี บางบอน
“ผมเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะติดเพื่อน ผมอยู่กับพ่อแม่ แต่พวกเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงออกในเรื่องของความรัก แต่เวลาผมอยู่กับเพื่อน มันจะมีการกอดคอกอดกัน ทำให้รู้สึกอบอุ่นกว่าอยู่ที่บ้าน ผมว่ามันมีผลนะ เช่น เรารักแม่เรา อยากกอดแม่แต่เราไม่กล้าเราอาย และแม่ก็อาย เขินที่จะแสดงออกกับเรา แตกต่างกับเวลาเจอเพื่อนเรากระโดดล็อคคอกันได้ กอดกันได้ มันจะทำให้รู้สึกอบอุ่นเวลาไปอยู่กับเพื่อน ก็มีผลทำให้เราอยากอยู่กับเพื่อน ติดเพื่อน” เป็ดเปิดเผยความรู้สึกลึก ๆ ที่ต้องกลายเป็นเหยื่อยาเสพติดตอนวัยรุ่น
เขายอมรับว่าวันแรกในห้องขังรู้สึกกลัวมากร้องไห้ แต่พอเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ผมไปเจอเพื่อน มีทั้งเพื่อนแถวบ้าน เพื่อนรุ่นพี่ พอได้ไปอยู่ด้วยกัน แม้จะเป็นในเรือนจำ แต่ก็เปลี่ยนความกลัว กลายเป็นความฮึกเหิม เพราะเรารู้สึกว่าเรามีพวก มีเพื่อน เหมือนเป็นแก๊งใหญ่อยู่ในเรือนจำ แทนที่ถูกส่งไปในเรือนจำจะกลัว จะสำนึกผิด แต่ตอนนั้นไม่มีความรู้สึกแบบนั้นอยู่เลย
“ผมติดคุกจริง แค่ 2 ปี ลดไป 6 เดือน เพราะช่วยงานเจ้าหน้าที่ ออกมาแล้วก็กลับตัวกลับใจได้พักหนึ่ง จนปี 2555 ก็เริ่มกลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก กลับไปเสพ เพราะไปเจอเพื่อนเก่าๆ เจอสิ่งแวดล้อมเดิมๆ
ตอนนั้นพ่อแม่เสีย เหลือพี่สาวเพียงคนเดียว แต่พี่มาเกิดอุบัติเหตุ ต้องใช้เงินในการรักษาตัวจากการถูกไฟฟ้าช็อต ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก คิดไม่ออกว่าจะทำงานอะไรที่จะได้เงินมากพอกับการรักษาพี่ ผมจึงหันกลับไปเดินในเส้นทางอโคจรอีกครั้ง แต่คราวนี้ ผมขายยา ติดต่อส่งผู้หญิง พาลูกค้าเข้าบ่อน รับจำนำรถเข้าบ่อน ทำทุกอย่างที่ทำได้เป็นเงิน เพื่อมาเป็นค่ารักษาพี่สาว”
หลังจากนั้นถูกตำรวจจับด้วยคดียาเสพติดอีกครั้ง เขาถูกส่งตัวไปบำบัดที่ค่ายทหารในชลบุรี อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ร่างกายฟื้นขึ้นมา ก็มีความคิดที่จะหยุดยุ่งเกี่ยวกับยาเสพ
"ทุกครั้งที่เข้าไปอยู่ในเรือนจำ ในสถานฟื้นฟูอยากจะกลับตัวเป็นคนดีอยากจะเลิก อยากจะหยุด เขามีฝึกงาน ฝึกอาชีพ ผมก็หวังว่าออกมาแล้วจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ หรือทำอะไรก็ได้ ไม่ได้อยากเป็นคนไม่ดี แต่พอออกมาเจอสังคมภายนอก เขาเห็นว่าเราติดคุกมา เขาก็ไม่เอาหรอกนะ ยิ่งเรื่องการทำงานเขาไม่เอาเลย ไม่ใช่ว่าผมไม่พยายาม ผมไปเรียน กศน. ใกล้จะจบ ผมก็ไปสมัครงานขับรถส่งอาหาร เขาถามว่าผมเคยทำอะไรมาก่อนหน้านี้ พอผมบอกว่าผมเคยติดคุกมา เขาก็บอกว่านโยบายบริษัทเขาไม่มีรับคนเคยติดคุก.... ตอนแรกผมดีใจมาก ที่เขาจะรับ แต่เพราะคำว่า ''ติดคุก'' มันทำให้เขาไม่รับผมเข้าทำงาน แล้วผมจะไปไหนได้ มันก็วนกลับมาขายยาเหมือนเดิม"
“รอบนี้ผมออกมาจากคุก ก็ยังสงสัยว่าจะกลับไปใช้ชีวิตยังไงข้างนอก เคยคิดว่าผมคงต้องกลับไปขายยาเหมือนเดิม แล้วชีวิตผมก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มันก็คงวนกลับเข้ามาในเรือนจำอีก ผมก็รู้ว่ามันจะเป็นยังไง...จนตอนได้อบรมกับมูลนิธิบ้านพระพร เขาบอกว่าจะช่วยทำให้ผมเป็นคนใหม่ แต่ต้องอยากเปลี่ยนตัวเองจริงๆ มีความคิดที่อยากจะเปลี่ยนตัวเอง....ผมก็เลยตัดสินใจไปที่นั่น วันที่ออกมาจากเรือนจำ ผมโทรหามูลนิธิฯ เจ้าหน้าที่ถามผมคำแรกว่า กินข้าวหรือยังแล้วและบอกว่าไม่ต้องเดินทางมา เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่ไปรับเอง นั่นเป็นวันแรกที่ผมมาที่นี่"
หลังออกมาอยู่ที่นี่ 5 วัน เพื่อนที่เคยอยู่ในเรือนจำมาตามหา “เป็ด” เพราะอยากชวนกลับไปทำงานด้วยกัน พร้อมข้อเสนอว่า ไม่ต้องเอาอะไรติดตัวไปเลย เดี๋ยวพาไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ โทรศัพท์มือถือใหม่ และจะมีตึกแถว 2 ห้อง รถเก๋ง 3 คัน มอเตอร์ไซค์ 2 คัน และจะเตรียมผู้หญิงรออยู่ที่ห้องด้วย
“ผมก็บอกว่าเงินไม่ได้มีความจำเป็น เพราะที่นี่มีข้าวกิน มีที่นอน มีของใช้ให้ ที่สำคัญผมได้เรียนรู้การใช้ชีวิต การเริ่มมีอาชีพเป็นของตัวเอง ผมได้เรียนในสิ่งที่ผมอยากเรียน ดนตรี ภาษาอังกฤษ เรียนเรื่องการทำเกษตร ซึ่งผมไม่เคยรู้เลยว่ามันทำยังไง หลายอย่างเพิ่งเคยมาเรียนรู้ที่นี่ มันช่วยให้ผมได้คิดกับตัวเองว่าการที่มีชีวิตแบบนี้ มันดีกว่าก่อนที่เราไปดิ้นรนหาสิ่งต่างๆที่เราต้องการ”
เป็ดกล่าวทิ้งท้ายว่า เขาแค่อยากเป็นคนใหม่ ไม่อยากวนกลับไปอยู่ในเรือนจำอีก เพราะเชื่อว่าหากติดคุกรอบหน้า คงติดคุกไม่ต่ำกว่า 20 - 30 ปี
“ซึ่งผมก็คงตายอยู่ในคุก ผมไม่อยากกลับไปอยู่วังวนแบบเดิมอีกแล้ว จริงๆสำหรับคนที่ออกจากคุก ก็แค่อยากได้โอกาส...ผมเองก็อยากได้แค่นั้น"