“คนจีนชอบเที่ยวแบบ Slow lifeไปเรื่อยๆ รอบๆเมือง ไม่รีบร้อน ถ้าเจอร้านขายผลไม้ก็แวะชิม เขาชอบทุเรียนและมะม่วง เจออะไรชอบก็ซื้อกินซื้อใช้ สินค้าจากคนรากหญ้าเชียงใหม่จริงๆ “ไทย” เป็นประเทศที่คนจีนชื่นชอบ และอยากมาเที่ยวเป็นอันดับต้นๆ”
สนั่น เข็มราช หัวหน้าศูนย์ข่าวเดลินิวส์ ภาคเหนือตอนบน สะท้อนมุมมองคนในพื้นที่ ผ่าน รายการ“ช่วยกันคิดทิศทางข่าว” ว่า สัญญาณการกลับมา ของนักท่องเที่ยวชาวจีนครั้งนี้ จะเป็นโอกาสให้การท่องเที่ยวภาคเหนือ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเศรษฐกิจของ จ.เชียงใหม่ เพราะปกติรายได้หลักของ จ.เชียงใหม่ มาจากการท่องเที่ยว อยู่ที่ประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาทต่อปี ตามที่คาดการณ์ด้วยสายตา ตอนนี้ทั้งโรงแรมและภาคบริการ ด้านการท่องเที่ยวเปิดได้ประมาณ 70% เพียงแค่ปัดฝุ่นใหม่แล้วเปิดบริการกันต่อ
เห็นได้จากช่วงเทศกาล ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา จ.เชียงใหม่คึกคักมาก จากนักท่องเที่ยวไทยจำนวนมาก ประกอบกับเป็นช่วงหยุดยาว แม้เพียงแค่ 4 วันทางจังหวัดสามารถทำรายได้ 1,400 กว่าล้านบาท ดังนั้นหากเปิดเต็มรูปแบบ ผสมกับมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาด้วย เชื่อว่าคงมีรายได้หลายหมื่นล้านบาท
ตอนนี้ จ.เชียงใหม่ เริ่มเคลื่อนไหว อาทิ ร้านนวดแผนโบราณ ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ร้านขายผลไม้ บางร้านเริ่มมีการปัดฝุ่น เปิดให้บริการเหมือนกับลองไฟ เพื่อเตรียมความพร้อมไว้ก่อน หรือร้านขายของข้างทาง เมื่อขายได้จึงมีส่วนช่วย ให้เศรษฐกิจของเมืองฟื้นขึ้นมา และดีขึ้นตั้งแต่ระดับรากหญ้า
“ก่อนที่สถานการณ์โควิด-19 จะระบาด นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมา จ.เชียงใหม่ บินตรงจากเมืองต่างๆของจีน มายังจ.เชียงใหม่เลย เพราะอิทธิพลของหนังเรื่อง “Lost in Thailand” ซึ่งถ่ายทำที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้คนจีนเดินทางมา ตามกระแสของหนังเรื่องนี้”
“นักท่องเที่ยวจีนที่ซื้อกรุ๊ปทัวร์ เข้ามาจะเป็นคนสูงอายุ ขณะที่คนหนุ่ม-สาวส่วนใหญ่เดินทางมาเอง พอถึงเชียงใหม่ก็หาห้องพัก เช่ารถขับ ตกบ่ายจะมาเดินชมเมือง เพราะเชียงใหม่มีวัดและสถาปัตยกรรม กลิ่นอายของเมืองเก่า เขาชอบเดินหรือเช่ารถมอเตอร์ไซค์ เช่าจักรยานปั่น ส่วนใหญ่ไม่ชอบขึ้นภูเขาและดอย แต่เที่ยวแบบ Slow lifeไปเรื่อยๆรอบเมือง ไม่รีบร้อน ถ้าเจอร้านขายผลไม้ก็แวะชิม เขาชอบทุเรียนและมะม่วง เจออะไรชอบก็ซื้อกินซื้อใช้ สินค้าจากคนรากหญ้าเชียงใหม่จริงๆ”
“รวมทั้งซื้อเครื่องสำอางของไทย ที่ทำจากสมุนไพร ตลาดที่ชอบไป คือ ตลาดวโรรส ตลาดต้นลำไย ตลาดเมืองใหม่ อีกสถานที่เขาชอบ คือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติสวยงามเขาอยากให้ลูกมาเรียน จนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ต้องทำป้ายภาษาจีนปิดไว้ เพื่อต้อนรับ”
ด้านการท่องเที่ยวของ จ.เชียงใหม่ พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวตลอดเวลา ทุกเทศกาล ทั้งโรงแรมที่พัก สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติ สภาพอากาศ บุคลากรด้านการท่องเที่ยว เอื้อทั้งหมดไม่ต้องเตรียมอะไร เท่าที่ได้สอบถามผู้ประกอบการ หลายฝ่ายไม่ถึงขั้นหวาดกลัว บางคนบอกพร้อมที่จะเสี่ยง เพราะระยะหลังโรคไม่ได้รุนแรง เป็นแล้วหายรักษาง่าย
ดีกว่าเศรษฐกิจซบเซา ทำอะไรไม่ได้เป็นหนี้สิน ถ้าได้ทำงานมีนักท่องเที่ยวเข้ามา เงินจะสะพัดทุกอย่างจะดีขึ้น ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับโรค แต่กังวลว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามา จะไม่มากเป็นแสนเป็นล้านคนเหมือนเดิม เพราะต้องนำทุนใหม่มาลงเพิ่ม เพราะเชียงใหม่มีห้องพักและโรงแรมไว้รองรับ ประมาณ 30,000 กว่าห้อง เมื่อโควิดระบาด โรงแรมพวกนี้ก็ต้องปิดตัว เพื่อประหยัดค่าน้ำ , ค่าไฟและไม่ต้องจ้าง รปภ.
จากการพูดคุยกับภาคธุรกิจ หลายคนยินดีและพร้อมที่จะเสี่ยง แม้ว่าอาจจะเสี่ยงเกิดโรคระบาดอีกครั้ง ดีกว่าทำอะไรไม่ได้เหมือนก่อนหน้านี้ แม้ชาวเชียงใหม่บางคนยัง กลัวว่าคนจีนจะนำโรคระบาดมาก็ตาม ความจริงแล้วเป็นหน้าที่ของทุกฝ่าย โดยเฉพาะภาครัฐต้องเน้นเรื่องประชาสัมพันธ์ ชี้แจงและอธิบายมากกว่านี้ ว่าการที่เราจะอยู่ร่วมกับโรคโควิดต้องทำอย่างไร ถ้ามีปัญหาเกิดเขาเข้ามาแล้วระบาด ต้องแก้ไขอย่างไร
“ตอนนี้พื้นที่ระดับท้องถิ่น รอฟังจากส่วนกลาง คือ รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ว่าจะให้แนวทางอย่างไรในการปฏิบัติที่ชัดเจน ในส่วนของ จ.เชียงใหม่ก็เตรียมการไว้ เช่น ฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรด้านการท่องเที่ยว อาทิ พนักงานโรงแรม พนักงานร้านนวด และพนักงานร้านขายของ ส่วนประชาชน ก็ให้ Walk In ฉีดเข็มกระตุ้น โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 - 29 มกราคม วันละ 3,000 โดส”
“สำหรับการช่วยเหลือจากภาครัฐ เท่าที่ฟังเสียงสะท้อนจากภาคธุรกิจ ทัวร์และภาคบริการต่างๆ เห็นว่ารัฐต้องประชาสัมพันธ์เชิงรุกมากกว่านี้ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะ 2-3 ปีที่ผ่านมา พวกเขาเจ๊งและเสียเงินไปจำนวนมาก อยากให้ภาครัฐเข้ามาสนับสนุน เรื่องการหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่าย เพื่อฟื้นฟูธุรกิจหรือลงทุนใหม่ เพราะกิจการปิดมานานหลายปี อีกทั้งมาตรการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ที่รัฐเคยออกมาช่วยเหลือช่วงโควิด ประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ เข้าไม่ถึงและมีข้อตกลงผูกมัดหยุมหยิม” สนั่น กล่าวทิ้งท้าย
ติดตาม รายการ“ช่วยกันคิดทิศทางข่าว” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.โดย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ คลื่นข่าว MCOT News FM 100.5