โครงการ “มองจีนยุคใหม่ สิ่งที่สื่อไทยควรรู้ รุ่นที่ 5” สะพานเชื่อมโยงความสัมพันธ์ไทย-จีน

วันที่ 21 กรกฎาคม 2566 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดการปฐมนิเทศโครงการ “มองจีนยุคใหม่ สิ่งที่สื่อไทยควรรู้ รุ่นที่ 5” สำหรับผู้สื่อข่าวและช่างภาพ จากสำนักข่าวต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ 20 คน ก่อนเดินทางลงพื้นที่ในมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 24-27 กรกฎาคมนี้ โดยโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือกันระหว่าง สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย รวมทั้งหน่วยงานของทางการจีน

นายมงคล บางประภา นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดโครงการ “มองจีนยุคใหม่ สิ่งที่สื่อไทยควรรู้” มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สื่อไทยมีข้อมูลที่ได้สมดุล เนื่องจากในอดีตสื่อไทยได้รับข้อมูลด้านเดียวจากสื่อตะวันตก จึงเชื่อว่าหากสื่อมีโอกาสรับข้อมูลจากทั้ง 2 ฝั่ง จะช่วยให้เกิดความสมดุลมากขึ้น ทั้งนี้ สมาคมฯ และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย มีหลักการที่เห็นชอบและยึดมั่นร่วมกัน คือ เปิดกว้างให้ผู้เข้าร่วมโครงการ นำเสนอข้อมูลได้ทุกแง่มุม ทั้งจากการได้สัมผัสรับรู้ด้วยตนเอง และจากการเข้าถึงแหล่งข่าว โดยไม่กำหนดหรือชี้นำว่าต้องนำเสนอแต่ด้านบวกของประเทศจีนเท่านั้น  

สำหรับการนำผู้สื่อข่าวไทยลงพื้นที่จีนในปีนี้ สมาคมฯ เลือกมณฑลยูนนาน เป็นพื้นที่เป้าหมายเนื่องจากเป็นประตูของเส้นทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย ที่จะมีผลต่อความเจริญในภูมิภาคนี้ ทั้งยังจะช่วยให้สื่อไทย ได้ศึกษานโยบายของจีนในการขจัดปัญหาความยากจนในพื้นที่ห่างไกลความเจริญอย่างยูนนานด้วย

ขณะที่ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ซึ่งร่วมในพิธีเปิดการปฐมนิเทศ ชื่นชมโครงการ “มองจีนยุคใหม่ สิ่งที่สื่อไทยควรรู้” ว่า นอกจากจะเป็นสะพานเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างสื่อไทยกับสื่อจีนแล้ว ยังเปิดโอกาสให้สื่อไทยได้เข้าใจจีนลึกซึ้งยิ่งขึ้น เนื่องจากจะได้มีโอกาสเห็นสถานการณ์จริงทั้งในเรื่องดีและประเด็นที่ยังคงเป็นปัญหา

พร้อมกันนี้เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ยังได้กล่าวถึงแนวคิดการขับเคลื่อนของจีนเพื่อฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ด้วยวิธีอันทันสมัยด้วยว่า จีนมีเป้าหมายสร้างความทันสมัยแบบจีนอย่างรอบด้าน ด้วยการพัฒนาประเทศให้รุ่งเรืองอีกครั้ง, สร้างความมั่งคั่งสงบสุขให้แก่ประชาชน รวมทั้งร่วมสร้างสันติภาพในสังคมโลก โดยในปีที่แล้ว (2565) GDP ของจีนเติบโตถึง 18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่รายได้ประชากรต่อคนต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 12,610 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับเกณฑ์ประเทศรายได้ปานกลางระดับสูงตามที่สหประชาชาติกำหนด 

4 เป้าหมายต่อไปของจีน คือ การสร้างความเจริญในพื้นที่ชนบทให้รุ่งเรืองไปพร้อมกัน สมกับปณิธานของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ระบุว่า จะไม่มีใครถูกทิ้งให้อยู่ข้างหลัง นอกจากนี้ จีนจะเน้นการสืบทอดวัฒนธรรมดั้งเดิม พร้อมกับศึกษาความสำเร็จของอารยธรรมชาติอื่น, ให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษยชาติกับธรรมชาติ ตามแนวคิด “Blue Skies, Green Mountains, Lucid Waters” ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และจีน จะเลือกเดินในเส้นทางการพัฒนาของตนเองอย่างสันติ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ยังได้กล่าวถึงการทำงานของสื่อท่ามกลางสถานการณ์โลกในปัจจุบันว่า ถือเป็นภารกิจหนักของสื่อมวลชน เนื่องจากการไหลบ่าของข้อมูลทำให้ยากที่จะเข้าถึงข้อเท็จจริง ดังนั้นการที่สื่อมวลชนไทยจะได้ไปสัมผัสประสบการณ์จริงยังมณฑลยูนนานครั้งนี้ จะช่วยให้ได้เห็นสถานการณ์จริง และรายงานเรื่องราวเกี่ยวกับจีนจากสิ่งที่ได้เห็นด้วยตาของตนเอง 

สำหรับโครงการ “มองจีนยุคใหม่ สิ่งที่สื่อไทยควรรู้” รุ่นที่ 5 ถือเป็นการเยือนจีนอีกครั้งหลังเว้นว่างไปถึง 3 ปีจากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 โดยจะไปเยือนเมืองคุณหมิง ในมณฑลยูนนาน มีประเด็นหลัก ๆคือ ศึกษาแนวทางที่จีนใช้ขจัดปัญหาความยากจนในพื้นที่ห่างไกลความเจริญซึ่งยูนนานคือหนึ่งในพื้นที่ซึ่งมีปัญหาดังกล่าว การดูงานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม การค้าชายแดนและเมืองคุณหมิงยังมีตลาดประมูลดอกไม้ขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียซึ่งเป็นแหล่งส่งออกดอกกล้วยไม้สำคัญของไทยด้วยเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ 4 รุ่นที่ผ่านมาสมาคมฯได้นำคณะนักข่าวไทย ไปดูงานด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมทั้งที่มณฑลเจ้อเจียง เมืองหางโจวและนครเซี่ยงไฮ้ , เมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง ไปดูกิจการรถไฟจีน-ลาว ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว