เมื่อวันที่ 16 ส.ค.2566 นายชำนาญ ไชยศร อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการที่อนุกรรมการฝ่ายสิทธิเสรีภาพฯ ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ในการปฎิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน ด้วยหลักการคำนึงถึงผลประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ แต่กลับพบว่าในช่วงที่ผ่านมา มีสื่อมวลชนหลายสำนักถูกคุกคาม ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพการทำหน้าที่ในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการถูกกระทำต่อร่างกาย หรือการใช้วาจาที่ไม่เหมาะสมที่อาจจะมองได้ถึงการไม่เคารพ และไม่ให้เกียรติในการทำหน้าที่สื่อมวลชนมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นอนุกรรมการฝ่ายสิทธิเสรีภาพฯ ต่างมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ และขอเรียกร้องต่อทุกฝ่าย รวมถึงแหล่งข่าว และประชาชนดังนี้
1.ขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจและเคารพการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนให้สามารถนำเสนอข่าวได้อย่างอิสระ เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างครบถ้วน รอบด้าน และเป็นไปตามหลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชน
ทั้งนี้ สื่อมวลชนมีหน้าที่รายงานข่าวและข้อเท็จจริง ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร จึงไม่ควรตกเป็นเป้าหมายของการข่มขู่ คุกคาม และแทรกแซงไม่ว่าจากฝ่ายใด ซึ่งอาจส่งผลให้ไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างอิสระจะส่งผลกระทบต่อสิทธิการรับรู้ข่าวสารข้อมูล และข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วนของประชาชน
2.ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายระมัดระวังในการแสดงพฤติกรรม การใช้วาจาการให้เกียรติ และเคารพศักดิ์ศรีในการทำหน้าที่ซึ่งกันและกัน เพราะสื่อมวลชนตั้งคำถามแทนประชาชนตามหลักวิชาชีพ ตามสิทธิเสรีภาพ ซึ่งผู้ถูกตั้งคำถามมีสิทธิ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามนั้นๆได้
3.ขอให้สื่อมวลชนทุกแขนง ทำหน้าที่การรายงานข่าวสารข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากทุกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ไม่ส่งผ่านถ้อยคำความรุนแรงที่อาจจะสร้างความเกลียดชังระหว่างคนในสังคมและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ประชาชนสามารถรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้องรอบด้านมากที่สุด และต้องทำหน้าที่อย่างสุจริต ตรงไปตรงมา และให้เกียรติแหล่งข่าวด้วยเช่นกัน
4.หากผู้ใดที่ได้รับผลกระทบจากการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน กรณีเห็นว่าสื่อมวลชนใช้สิทธิเสรีภาพเกินขอบเขต สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีได้ตามกฎหมาย หรือใช้กลไกควบคุมจริยธรรมขององค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนผ่านสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติหรือองค์กรวิชาชีพอื่นที่เกี่ยวข้อง แต่ต้องไม่ใช้ความรุนแรงคุกคามการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน
สุดท้ายนี้ในสถานการณ์ที่มีความแตกต่างทางความคิด ความเชื่อเช่นนี้ ซึ่งสื่อต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษในการรายงานข่าวโดยปราศจากอคติ ที่อาจมีประเด็นความเห็นที่แตกต่าง มีความขัดแย้งในทางความคิดของคนในสังคม แต่ในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนนั้นมิใช่คู่ขัดแย้งของฝ่ายใด สื่อมวลชนมีหน้าที่เพียงรายงานข่าวตามจริยธรรมวิชาชีพเท่านั้น และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายได้เคารพบทบาทหน้าที่ซึ่งกันและกัน และแสวงหาหนทางที่จะคลี่คลายวิกฤติด้วยสันติวิธี
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ มีความห่วงใยในสวัสดิภาพของเพื่อนนักข่าว ที่กำลังรายงานข่าวอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากสถานการณ์มีความอ่อนไหว มีแนวโน้มในการใช้ความรุนแรง ดังนั้นนักข่าวพึงต้องระมัดระวังในสวัสดิภาพของตัวเองไปพร้อมกับการทำหน้าที่ตามจริยธรรมวิชาชีพอย่างเคร่งครัดต่อไป