ในรอบปีสื่อมวลชนไทย ปี 2552

สื่อกับสวัสดิภาพการงาน (คุกคาม)

16 ก.พ.  นายต่อพงษ์ เศวตามร์ บรรณาธิการข่าวบันเทิง หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน และ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ถูกคนร้ายใช้เหล็กแป๊ปตีศีรษะอย่างแรง แตกเย็บ 5 เข็ม ขณะเดินทางจัดรายการวิทยุคลื่น 97.75 เจ้าตัวบอกสงสัยพวกเสียประโยชน์ทางการเมือง-บันเทิง โดยเฉพาะคนบันเทิงเอี่ยวคดีฉาว อาจไม่พอใจการวิพากษ์วิจารณ์งานบันเทิง เพราะก่อนหน้านี้มีข่าววิ่งเต้นระดับสูงให้ลบข่าวฉาวโฉ่ออกจากหน้าเว็บ  (16 ก.พ. 52 ASTVผู้จัดการออนไลน์)

13 เม.ย. เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล นักข่าวและช่างภาพสื่อมวลชนทุกแขนง ได้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและภาพข่าว รายงานให้ประชาชนได้รับทราบ แต่ในสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น กลับมีความสุ่มเสี่ยง ต่อความปลอดภัยของชีวิตนักข่าว โดยมีนักข่าวบางสำนักได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ หลายคนถูกทำร้าย บางคนถูกตรวจค้น และขัดขวางในการปฏิบัติหน้าที่ จนได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์การปะทะที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ สมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย มีความห่วงใยในความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ของเพื่อนสื่อมวลชนทุกแขนง

(13 เม.ย. 52 แถลงการณ์สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ)

17 เม.ย.  นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย ที่ถูกคนร้ายลอบยิงเมื่อช่วงเช้า พยานที่เห็นเหตุการณ์กล่าวว่ามีกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวน ขับรถกระบะโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ไม่ทราบทะเบียน ขับตามประกบรถของนายสนธิ ก่อนจะใช้อาวุธปืนยิงล้อให้แตก ก่อนกระหน่ำยิงใส่ตัวรถจนพรุนทั้งคัน ทำให้นายสนธิถูกกระสุนถากบาดเจ็บ แต่นายอดุลย์ แดงประดับ คนขับรถอาการสาหัส ซึ่งจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุของตำรวจ สน.ชนะสงคราม พบปลอกกระสุนปืนทั้ง M16 และ อาก้าถึง 60 นัด ตกเกลื่อนบนพื้นกลางถนน  (17 เม.ย.52 สำนักข่าวไทย)

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย  และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย  ออกแถลงการณ์ เรื่อง ให้ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้ายที่ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล เนื่องจาก เห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำที่อุกอาจ โหดเหี้ยมและป่าเถื่อน เนื่องจากอาวุธที่คนร้ายใช้ลอบสังหารนายสนธิเป็นอาวุธสงครามที่มีอานุภาพใน การทำลายล้างอย่างรุนแรง

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า เป็นคดีอาชญากรรมที่สามารถเกิดขึ้นได้ แม้จะมี พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ก็ตาม เพราะยังมีลักลอบนำอาวุธสงครามมาใช้ แต่ทั้งนี้ไม่ขอประเมินหรือวิเคราะห์ว่าสาเหตุเกิดจากปัญหาอะไร โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินการ (17 เม.ย. 52 มติชนออนไลน์)

29 ก.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมแกนนำ พธม. แถลงข่าวกรณีถูกลอบสังหารอีกครั้ง ว่าผู้ที่ร่วมขบวนการสังหารตนนั้น มี 1 คนที่เป็นตำรวจ นอกนั้นเป็นทหาร มีการดักฟังโทรศัพท์ทั้งที่บ้านและตัวผม หน่วยงานที่มีศักยภาพในการดักฟังโทรศัพท์มีอยู่ 3-4 หน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดีเอสไอ (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) มีอุปกรณ์ทันสมัยที่สุด (29 ก.ค. 52  มติชนออนไลน์ )

19 พ.ค.  นายประสาน สุขไส ผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์โฟกัสภาคใต้และผู้บริหาร นำ น.ส.โสภา เดชรัตน์ อายุ 23 ปี ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์โฟกัส เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ และยื่นหนังสือร้องเรียนกับ นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย กรณีที่ถูกอิทธพลมืดข่มขู่ จากการนำเสนอข่าวตีแผ่ความไม่ชอบมาพากลในการบริหารงานของสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่

(19 พ.ค. 52  ASTVผู้จัดการออนไลน์)

26 มิ.ย.  นายสมศักดิ์  สุกใส อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 4 บ้านมะกอก – นาบัว ต.ไหล่หิน อ.เกาะคา จ.ลำปาง ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ และบางกอกโพสต์ ประจำจังหวัดลำปาง ได้ถูกทำร้ายร่างกายในศาลาอเนกประสงค์ วัดมะกอก – นาบัว

โดยนายสมศักดิ์เล่าว่า  นายธรรมรักษ์ เชียงพรม อดีต สมาชิก อบจ.ลำปางเขต อ.เกาะคา ที่อ้างว่าเป็นผู้ช่วยของนายจรัสฤทธิ์ จันทรสุรินทร์ ส.ส.ลำปาง เขต 2 พรรคเพื่อไทย  มาเป็นประธานการประชุม ได้อ้างต่อที่ประชุมว่า มีงบประมาณ 8 ล้านบาท ที่จะนำมาพัฒนาแหล่งน้ำในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นงบฯของกรมทรัพยากรน้ำที่นายจรัสฤทธิ์ประสานขอมาได้ ตนในฐานะประธานประชาคมหมู่บ้านและในฐานะสื่อมวลชนจึงลุกขึ้นสอบถามถึงราย ละเอียดที่มาที่ไปของงบประมาณก้อนนี้ รวมถึงความโปร่งใสในการนำเงินไปใช้จ่าย จะเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของชาวบ้านอย่างแท้จริงหรือไม่อย่างไร  เพราะในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ก็จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่น จึงเกรงว่างบฯส่วนนี้จะถูกนำไปใช้เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง  ซึ่งนายธรรมรักษ์ก็ไม่สามารถตอบคำถามได้ แต่กลับแสดงอาการไม่พอใจกับคำถามของตนด้วย

แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิด ก็เกิดขึ้นหลังจากที่ตนได้ตั้งคำถามเสร็จสิ้น โดยนายบรรเจิดกับพวกได้เข้ามาข้างหลังและต่อยตนหลายหมัดที่บริเวณท้ายทอยและ หัว ทำให้พี่ชายของตนที่เข้าร่วมประชุมอยู่ด้วย ได้ลุกขึ้นมาช่วยเหลือตน แต่ก็พลอยถูกพวกของนายบรรเจิดชกต่อยเข้าที่ปากอย่างแรงจนปากแตก ก่อนที่ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์จะช่วยกันนำพวกตนส่งโรงพยาบาล รักษาบาดแผลที่ฟกช้ำหลายแห่ง

(30 มิ.ย. 52 ศูนย์เฝ้าระวังการคุกคามสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ)

28 ก.ค. ท่าอากาศยานเชียงราย  ร่วมกับ กก.ตชด.32 พะเยา ดำเนินกิจกรรมซ้อมแผนรักษาความปลอดภัยภายในสนามบินเชียงราย  แต่เกิดอุบัติเหตุทำให้ นายกังวาล ปริมา อายุ 35 ปี ทำหน้าที่เป็นช่างกล้องโทรทัศน์ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบี สังกัดสำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.เชียงราย สภาพถูกสะเก็ดโลหะจากแรงระเบิด หน้าอกด้านขวาเป็นแผลกว้างประมาณ 2-3 ซ.ม.และลึกจนเลือดไหลโชก ผู้ที่เห็นเหตุการณ์จึงนำส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ศรีบุรินทร์เชียงรายแพทย์ได้ทำการผ่าตัดเอาวัตถุโลหะดังกล่าวออกมาแล้วจนทำให้อาการปลอดภัย (28 ก.ค. 52 จดหมายข่าวศูนย์เฝ้าระวังการคุกคามสื่อ ฯ)

13 พ.ย. ผู้สื่อข่าวไทยจำนวน 3 คน ซึ่งเดินทางไปทำข่าวการเดินทางมาประเทศกัมพูชาของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย นายสุภลักษณ์ กาญจนขุนดี จากหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น นายนภจักษ์ อัตตนนท์และนายกอบภัค พรหมเรขา จากเนชั่นทีวี ได้เดินทางไปยังเรือนจำเพรย์ซอว์ ประเทศกัมพูชา เพื่อขอเข้าเยี่ยม นายศิวรักษ์ โชติพงศ์ วิศวกรบริษัทCATS ซึ่งถูกทางการกัมพูชาควบคุมตัว ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวทั้ง 3 คนได้ถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำควบคุมตัวเพื่อสอบสวนประมาณ 1 ชั่วโมง เนื่องจากระหว่างที่ผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงบริเวณเรือนจำและกำลังเจรจากับ เจ้าหน้าที่เรือนจำ เพื่อขอเข้าเยี่ยมนายศิวรักษ์นั้น เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่บริเวณดังกล่าวได้ตรงเข้ามาห้ามช่างภาพโทรทัศน์ ซึ่งเดินทางไปในทีมเดียวกัน เพราะไม่ต้องการให้บันทึกภาพบริเวณดังกล่าว พร้อมขอยึดกล้องเพื่อตรวจสอบว่าได้บันทึกภาพหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวทั้งหมดได้ถูกปล่อยตัวหลังจากถูกควบคุมและมีการสอบสวนประมาณ 1 ชั่วโมง

15 ธ.ค กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เครือข่ายกลุ่มเสื้อแดงกว่า 100 คน ปิดล้อมทางขึ้น-ลงศูนย์เกษตรที่สูง โดยอ้างว่า ขณะทีมงานเรื่องเล่าเช้านี้ ซึ่งประกอบด้วย นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา นางสู่ขวัญ บูลกุล น.ส.กฤติกา ศักดิ์มณี และนายเอกราช เก่งทุกทาง ที่ได้ยกทีมมาออกอากาศสดที่ จ.เชียงใหม่ ไม่มีความเป็นกลางในการเสนอข่าว  ทั้งนี้ นางกัญญาภัค มณีจักร หรือ ดีเจ.อ้อม แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้เข้าไปเจรจากับนายสรยุทธ เมื่อเจรจาได้ข้อยุติทางกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ก็ยอมเปิดทางให้ทีมงานเรื่องเล่าเช้านี้โดยสงบและไม่เกิดเหตุรุนแรงใดๆ พร้อมยังได้ถ่ายรายการร่วมกับนายสรยุทธด้วย

(15 ธ.ค. 52 โพสทูเดย์ )

คดีความ

18 ม.ค.   น.ส.เพชรคัมภรณ์ หรือโอ๋ งามช่อชัยพฤกษ์ อายุ 25 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะนิเทศศาสตร์ เอกประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม แจ้งความต่อ ร.ต.ท.รักเกียรติ์ ปทุมวัลย์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.สุทธิสาร ให้ดำเนินคดีกับนายเกรียงศักดิ์ เอกสกุลชัย หรือ “ต้อย แอคเนอร์” เจ้าของนิตยสารมายาแชนแนล และหนังสือข่าวบันเทิงอีกหลายเล่มในข้อหากระทำอนาจาร ถูกนายเกรียงศักดิ์ลวนลามด้วยการพยายามปลุกปล้ำโอบกอด และหอมแก้ม ขณะเข้าไปฝึกงานในนิตยสารดังกล่าว

(18 ม.ค. 52  ASTVผู้จัดการออนไลน์)

4 พ.ค. นายธวัชชัย ชำนาญหล่อ อัยการอาวุโสคดีอาญา 4 เจ้าของสำนวน กล่าวว่า คดีนี้พนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร ได้ส่งหนังสือยืนยันการถอนแจ้งความในชั้นพนักงานสอบสวนมาให้พนักงานอัยการ โดยระบุว่า น.ส.เพชรคัมภรณ์  ผู้เสียหาย ไม่ติดใจเอาความหลังจากนายเกรียงศักดิ์ ผู้ต้องหายอมขอโทษต่อหน้าสื่อมวลชน ซึ่งอัยการพิจารณาแล้วการถอนแจ้งความดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย จึงมีคำสั่งยุติการดำเนินคดี ซึ่งถือว่าคดีเป็นที่สิ้นสุดแล้ว (4 พ.ค. 52  คมชัดลึก)

22 ก.พ. สำนัก ข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายแฮร์รี นิโคลายส์ (MR.Harry Nicolaides) วัย 41 ปี ที่ถูกศาลตัดสินโทษจำคุก 3 ปี(19 ม.ค. 52) หลังจากพบว่ามีความผิดจริง ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ด้วยการเขียนหนังสือชื่อ “Verisimilitude” ที่ตีพิมพ์ในปี 2005 กล่าวหาว่าร้ายราชวงศ์ไทย ได้รับพระราชทานอภัยโทษจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และถูกปล่อยเป็นอิสระแล้ว (ASTV ผู้จัดการออนไลน์, ประชาไท, oknation.net, 22 ก.พ. 52)

10 ก.ย.  ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นโจทก์ฟ้องบริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และนายขุนทอง ลอเสรีวานิช บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.ผู้จัดการ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีเมื่อวันที่ 12 ม.ค.50 นายสนธิใส่ความโจทก์ผ่านรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ออกอากาศทางช่อง New 1 เอเอสทีวี ทำนองว่าโจทก์ล้างมลทินให้กลุ่มอำนาจเก่า ปล่อยให้มีการออกสลากบนดิน 2 ตัวขัดต่อกฎหมายและโจทก์ช่วยเหลือ นายศิโรตม์ สวัสดิพาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ที่ไม่ตรวจสอบการขายหุ้นแอมเพิลริชให้กลุ่มทุนเทมาเส็ก ประเทศสิงคโปร์ และปกป้องผู้กระทำผิดกรณีที่ปล่อยให้มีการโอนหุ้นชิน บมจ.ชินคอร์ป โดยไม่เสียภาษี

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1 ,2, 4 ทำผิดจริง ตามฟ้องหมิ่นประมาท โดยจำเลยที่ 2 กล่าวพาดพิงโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย และเคยรับโทษในคดีลักษณะนี้มาแล้ว เห็นควรกำหนดโทษ จำเลยที่ 2 นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นเวลา 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 1 บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด ให้ปรับ 200,000 บาท และนายขุนทอง ลอเสรีวานิช บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.ผู้จัดการ จำคุก 1 ปี ปรับ 30,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา พร้อมทั้งให้ลงโฆษณาคำพิพากษาใน นสพ.ไทยรัฐ, เดลินิวส์, มติชน, ผู้จัดการรายวัน เป็นเวลา 5 วัน

(10 ก.ย. 52 มติชนออนไลน์)

11 ก.ย. ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย  เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง บริษัทไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล นายพชร สมุทวณิช นายขุนทอง ลอเสรีวณิช นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริษัทแมแนเจอร์ มีเดียร์ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) นายสุวัฒน์ ทองธนากุล นายมรุชัช รัตนปรารมย์ นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ นายวิรัตน์ แสงทองคำ เป็นจำเลยที่ 1 - 10 ตามลำดับในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

กรณีเมื่อที่ 25 พ.ย.2548 เวลากลางคืน นายสนธิ จำเลยที่ 5 และน.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์  ร่วมกันจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 10 มีเนื้อหาหมิ่นประมาทโจทก์ทำนองว่าเป็นอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ไม่เคารพสถาบันกษัตริย์และระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งเกี่ยวข้องกับการจัดทำเว็บไซต์ ที่มีเนื้อหาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง โดยถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี ของจำเลยที่ 1 และยังบันทึกเป็นวีซีดี และดีวีดี ออกเผยแพร่ รวมทั้งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับเสาร์ - อาทิตย์ 26 -27 และ 28 พ.ย.2548 มีเว็บไซด์ www.manager.co.th

โดยคดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาให้จำคุก นายสนธิ จำเลยที่ 5 เป็นเวลา 2 ปี ลั่งปรับ บริษัท ไทยเดย์ฯ จำเลยที่ 1 จำนวน 200,000 บาท ส่วนจำเลยอื่นพิพากษายกฟ้อง ต่อมานายสนธิ จำเลยที่ 5 ยื่นอุทธรณ์โดยจำเลย อุทธรณ์ขอให้ศาลลดโทษและค่าปรับด้วย ศาลจึงพิพากษาแก้โทษจำเลยที่ 5 เป็นจำคุก 6 เดือน ส่วนจำเลยอื่นให้เป็นไปตามที่ศาลชั้นต้น พิพากษา (11 ก.ย. 52 กรุงเทพธุรกิจออนไลน์)

 

24 ก.ย. บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ โปรเทคโนโลยี จำกัดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) นายสุวพงศ์ จั่นฝั่งเพ็ชร บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.มติชน และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา  กรณีที่โจทก์ถูกกล่าวหาว่า ขายตู้หยอดน้ำและแผงโซลาร์เซลล์คุณภาพต่ำและมีราคาสูงเกินจริงมาขายให้โครงการชุมชนพอเพียง

(25 ก.ย. 52 มติชนออนไลน์)

25 ก.ย.  พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ รอง ผกก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และเว็บไซต์ “เมเนเจอร์ออนไลน์” ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ,15 และ16 กรณีนำเอาภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปตัดต่อและเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ และเว็บไซต์ เพื่อประกอบเนื้อหาในหัวข้อชื่อ “แม้วงัดต่อมลูกหมากโชว์ ในทวิตเตอร์” ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้รับความเสียหาย

(25 ก.ย. 52 ไทยรัฐออนไลน์)

2 ต.ค. ศาลอาญา สั่งปรับ 2 หมื่นบาท บริษัท ไทยเดย์ ดอดคอม จำกัด ผู้ผลิตรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ และบริษัท เมเนเจอร์ จำกัด ผู้ดูแลเวปไซด์ผู้จัดการ (www.manager.co.th) และนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในฐานะผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ASTV ถูกสั่งจำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา จากกรณีที่ร่วมกันหมิ่นประมาทนายนพดล ปัทมะ ทรยศต่อทุนมูลนิธิมหิดล ซึ่งบริษัทไทยเดย์ฯ ได้บันทึกภาพและเสียงลงในวีซีดีเผยแพร่และบริษัทเมเนเจอร์ได้นำข้อความดังกล่าวลงในเว็บไซต์ ส่วนผู้บริหารบริษัทไทยเดย์ และบริษัท เมเนเจอร์ อีก 5 คน ศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยดังกล่าวร่วมทำผิดกับนายสนธิแต่อย่างใด ทั้งนี้ในส่วนของนายสนธิได้อุทธรณ์ฎีกาต่อไป (2 ต.ค. 52 มติชนออนไลน์)

30 พ.ย. ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่อัยการ เป็นโจทก์ฟ้อง นายคำตา แคนบุญจันทร์ สมัชชาเกษตรรายย่อย , นายอรรถฤทธิ์ สิงห์ลอ เลขาธิการคาราวานคนจน , นายชูพงษ์ ถี่ถ้วน , นายธนวิชญ์ ปาละกะวงศ์ ณ อยุธยา แกนนำคาราวานคนจน , นายชิวัฒน์ หาบุญพาด แนวร่วม นปช. และ นายสำเริง อดิษะ แกนนำคาราวานคนจน เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐาน ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้เกิดความหวาดกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย, กักขัง หน่วงเหนี่ยว และ พรบ.ควบคุมการโฆษณาด้วยเครื่องขยายเสียง พ.ศ.2493

กรณีเมื่อวันที่ 30 มี.ค.49 จำเลยทั้ง 6 นำกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนกว่า 1,000 คน ไปปิดล้อมอาคารเนชั่น ทาวเวอร์ เพื่อเรียกร้องให้ผู้บริหารนำตัวผู้สื่อข่าวที่เขียนบทความใน นสพ.คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ 24 มี.ค.49 มาชี้แจ้งเมื่อเห็นว่ามีเนื้อหาที่เป็นการหมิ่นเบื้องสูง จนผู้บริหารต้องนำผู้สื่อข่าวมาพบและทำข้อตกลงร่วมกัน จนกลุ่มผู้ชุมนุมพอใจและสลายตัวไปนั้น

(30 พ.ย. 52 ไทยรัฐออนไลน์)

สื่อออนไลน์

5 ม.ค.  ร้อยตรีหญิงหญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงไอซีทีได้ปิดเว็บไซต์หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ไปแล้วกว่า 2,000 เว็บไซต์ และยังประกาศจะเดินหน้าปราบปรามอย่างเข้มข้นกว่าเดิม เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ว่า จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยหลังจากนี้จะเพิ่มอำนาจให้แก่เจ้าหน้าที่กระทรวงไอซีที  ด้วยการผลักดันกฎหมายเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้รับบทลงโทษจำคุก นอกเหนือจากการปรับและปิดเว็บไซต์ ขณะเดียวกันจะเร่งสร้างจิตสำนึกแก่เยาวชนไทยให้รู้ว่าการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสมและผิดกฎหมาย

(6 ม.ค. 52 ไทยรัฐออนไลน์ , 5 ม.ค. 52 mcot.net)

6 มี.ค. พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) พ.ต.อ.สาธิต ต ชยภพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รองผบก.ป.) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม นำหมายค้น ศาลอาญา เลขที่ 183/ 2552 ลงวันที่ 5 มี.ค.51 เข้าตรวจค้นภายในสำนักงานเว็บไซต์ประชาไท เลขที่ 409 ชั้น 1 อาคาร มอส. ซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 5 แขวงและเขตห้วยขวาง โดยให้เหตุผลว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการร้องเรียนจากทางกระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ว่าเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ประชาไทออนไลน์ (www.prachatai.com) มีการโพสต์ข้อความลักษณะหมิ่นเบื้องสูง  เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เหตุผลในการเข้าทำการตรวจค้นและทำการจับกุมในครั้งนี้ ว่าเป็นการใช้อำนาจตามมาตรา 15 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์  และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่มีการจับกุมเว็บไซด์ข่าวออนไลน์อย่างเป็นทางการของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ

(17 มี.ค. 52 จดหมายข่าวศูนย์เฝ้าระวังการคุกคามสื่อ สมาคมนักข่าวฯ)

25 ส.ค. ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ICT ยืนยันได้สั่งปิดเว็บไซต์ ที่เผยแพร่คลิปเสียงปริศนาคล้ายเสียงนายกฯ ที่ออกคำสั่งให้สลายม็อบเสื้อแดงแล้ว และขณะนี้

คณะกรรมการชุดพิเศษที่ตนเองตั้งขึ้น กำลังอยู่ระหว่างการติดตามหาต้นตอ เผยแพร่คลิปดังกล่าวอยู่ ส่วนคลิปดังกล่าวเป็นการตัดต่อหรือไม่นั้น เบื้องต้น คงต้องให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ ในการตรวจพิสูจน์ ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ผลการตรวจสอบ ในอีก 1 หรือ 2 วันนี้

(25 ส.ค. 52 กรุงเทพธุรกิจออนไลน์)

22 ต.ค. มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2552 ของชมรมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ที่ได้ร่วมกันลงนามในคำประกาศเจตนารมณ์จัดตั้ง ชมรมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2552 ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ของประชาชน ตามระบอบประชาธิปไตย โดยปราศจากการปิดกั้นจากอำนาจใดๆ ให้ประชาชนผู้รับข้อมูลข่าวสารออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ตระหนักในคุณค่าของงานสร้างสรรค์ที่ผ่านกระบวนการทางวารสารศาสตร์ โดยที่ประชุมใหญ่มีมติเป็นเอกฉันท์เลือกนายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ที่ปรึกษาบริษัท เทรนด์ วีจี 3 จำกัด ในเครือบริษัทวัชรพล (www.thairath.co.th) เป็นประธานชมรมฯ คนแรก

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเลือกกรรมการบริหารชมรม ประกอบด้วย นายนิรันดร์ เยาวภาว์ ASTV ผู้จัดการ เป็นรองประธานคนที่ 1 (http://www.manager.co.th) นางสาวเย็นจิตร์ สถิรมงคลสุข บรรณาธิการข่าวเว็บไซต์ หนังสือพิมพ์มติชน (http://www.matichon.co.th) เป็นรองประธานคนที่ 2 นางสาวชุตินธรา วัฒนกุล บริษัทเนชั่นบรอดคาสติ้งคอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) (www.nationmultimedia.com) เป็นเลขานุการ นางสาวสุธิดา มาไลยพันธุ์ บริษัท โพสต์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) (http://www.bangkokpost.co.th) เป็นผู้ช่วยเลขานุการ นางสาวกนกนภัส บุญแนบ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ (www.dailynews.co.th) เป็นเหรัญญิก นายกิตติ พฤกษ์แก้วกาญจนา หนังสือพิมพ์ดาราเดลี่ (www.daradaily.com) เป็นนายทะเบียน นายก้าวโรจน์ สุตาภักดี หนังสือพิมพ์สยามกีฬา (www.siamsport.co.th) เป็นประชาสัมพันธ์ นายสวิชย์ บำรุงสุข หนังสือพิมพ์สยามรัฐ (http://www.siamrath.co.th) เป็นกรรมการ นายชุมชัย แก้วแดง สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น (http://www.innnews.co.th) เป็นกรรมการ นางประหยัด เวศนารัตน์ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ (http://www.thannews.th.com) เป็นกรรมการ และนายเฉลิมชัย ยอดมาลัย หนังสือพิมพ์แนวหน้า (http://www.naewna.co.th) เป็นกรรมการ

(22 ต.ค. 52 ไอเอ็นเอ็น)

 

ธุรกิจสื่อมวลชน

28 ก.พ. นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีจีนิวส์ เน็ตเวิร์ค จำกัด ผู้บริหารคลื่นข่าว "บิซิเนส เรดิโอ" เอฟเอ็ม 98.0 ได้ยกเลิกสัญญาเช่าคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 98.0 กับกองทัพบก โดยให้เหตุผลว่าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตั้งแต่กลางปี 2552 เป็นต้นมา  ซึ่งคำสั่งปิดคลื่นดังกล่าวเป็นเหตุให้มีพนักงานตกงานเป็นจำนวนมาก (2 มี.ค. 52 ศูนย์เฝ้าระวังการคุกคามสื่อ  สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย)

10 มี.ค.          บริษัท นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด รายงานตัวเลขงบโฆษณาเดือน ก.พ.2552 เปรียบเทียบช่วงเดียวกันปี  2551  พบว่า การใช้งบโฆษณาผ่านสื่อ มีมูลค่า 6,323 ล้านบาท  ลดลง 6.26%   โดยทุกสื่ออยู่ในภาวะติดลบ  ยกเว้นสื่อเคลื่อนที่  (Transit) เติบโต 27.25% (10 มี.ค. 52 กรุงเทพธุรกิจออนไลน์)

16 มี.ค.  หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ได้เปิดพื้นที่โฆษณาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ปาฐกถาในหัวข้อ “วิกฤตเศรษฐกิจโลก ทำไมจึงไม่ใช่เป็นเพียงแค่วิกฤตการเงิน แต่เป็นวิกฤตทางปัญญา” โดย ดร.ทักษิณ ชินวัตร ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ สถานีประชาธิปไตย หรือ ดีสเตช

ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังคงเป็นบุคคลที่รัฐบาลต้องการนำตัวมาดำเนินคดี ซึ่ง ขณะนี้ยังอยู่ในฐานะนักโทษหนีคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ถือเป็นการเหมาะสมหรือไม่ที่สื่อจะเปิดพื้นที่ให้โฆษณาได้(16 มี.ค. 52  ASTVผู้จัดการออนไลน์)

12 มิ.ย. บริษัทหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ มีคำสั่งเลิกจ้างพนักงานเมื่อวันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านมาจำนวน 60 คน โดยนายไชยวัฒน์ วนิชวัฒนะ บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ให้ข้อมูลว่า บริษัทได้บอกเลิกจ้างพนักงาน 60 คนจริง ซึ่งไม่ใช่นักข่าวทั้งหมด มีพนักงานของแผนกอื่นรวมอยู่ด้วย สำหรับสาเหตุที่ต้องเลิกจ้างเพราะปัญหาสภาวะทางการเงินของบริษัทที่มีรายจ่ายมากกว่ารายได้จำนวนมาก จึงจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยปรับลดขนาดองค์กรเพื่อให้อยู่ได้ และการปรับลดพนักงานครั้งนี้มีทางบริษัทได้จ่ายค่าชดเชยตามกฏหมายแรงงาน ซึ่งต้องดูตามอายุงานพนักงานแต่ละคน แต่การจ่ายค่าชดเชยให้พนักงานนั้น ทางบริษัทไม่สามารถจ่ายครั้งเดียวได้ จึงจำเป็นต้องขอผ่อนจ่ายเป็นรายงวด

(17 มิ.ย. 52 ศูนย์เฝ้าระวังการคุกคามสื่อ  สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย)

วิทยุชุมชน

5 มี.ค.    คณะอนุกรรมการวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์เตรียมเคาะร่างหลักเกณฑ์ออกใบอนุญาตวิทยุชุมชน ตั้งธงจัดประชาพิจารณ์อีกรอบ มี.ค. ประกาศใช้ เม.ย. ลุยจัดระเบียบ 4-5 พันสถานีทันที ระบุชัดหารายได้จากโฆษณาไม่ได้ ห้าม "นักการเมืองท้องถิ่น-ข้าราชการ" นั่งเก้าอี้ผู้บริหารสถานี เปิดทางคนในท้องถิ่นวางผังรายการ-ตั้งทีมคุมกันเองในพื้นที่ ทั้งกำหนดรัศมีกระจายเสียงเมืองใหญ่ไม่เกิน 3 ตร.ก.ม.-ชุมชนเมือง 5 ตร.ก.ม.-นอกเมือง 15 ตร.ก.ม. พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะทำงานด้านวิทยุชุมชน เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า คณะทำงานได้จัดทำร่างหลักเกณฑ์ และวิธีการอนุญาตประกอบกิจการบริการชุมชนชั่วคราว (วิทยุกระจายเสียงชุมชน) พร้อมทั้งจัดโฟกัสกรุ๊ปในกลุ่มนักวิชาการ และตัวแทนผู้ประกอบการไปแล้วบางส่วน

และเตรียมเสนอให้คณะอนุกรรมการวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ รวมถึงคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เพื่อขอความเห็นชอบภายในต้นเดือน มี.ค.นี้ ก่อนจัดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะอีกครั้ง และคาดว่าจะประกาศใช้ได้ในเดือน เม.ย.2552 ทั้งนี้ รายละเอียดในร่างประกาศ ดังกล่าวได้กำหนดคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาต ขอบเขตการให้บริการ สัดส่วนผังรายการ และเงื่อนไขต่างๆ ได้แก่ ผู้ขอใบอนุญาตต้องเป็นสมาคม มูลนิธิ และนิติบุคคลที่จัดตั้งโดยไม่แสวงหาผลกำไร หรือเป็นกลุ่มคนหรือสมาชิกในท้องถิ่นที่ไม่เป็นนิติบุคคล ซึ่งรวมตัวกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปและต้องมีกรรมการที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ให้บริการสถานีวิทยุไม่น้อยกว่า 5 คน มีผู้อำนวยการสถานี 1 คน เจ้าหน้าที่รายการ เทคนิค และธุรการ ประเภทละอย่างน้อย (5 มี.ค. 52 ประชาชาติธุรกิจ)

28 มิ.ย. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนเป็นประธานเปิดศูนย์วิทยุเฉพาะกิจ ตรังเกมส์ หรือ เรดิโอ พูล ที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.ตรัง ว่า ขณะนี้กฎหมายประกอบกิจการวิทยุโทรทัศน์ มีผลบังคับใช้แล้ว ในบทเฉพาะกาลได้เปิดโอกาสให้ขอใบอนุญาต ประเภทบริการชุมชนได้ ขณะนี้ อนุกรรมการของ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ได้เปิดให้ลงทะเบียนวิทยุชุมชนทั่วประเทศ ขณะนี้เปิดลงทะเบียน ขอนแก่น และในสัปดาห์หน้าจะเป็นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทั่วประเทศ น่าจะมีวิทยุชุมชนที่มาลงทะเบียนอยู่ที่ประมาณ 5,000 สถานี

นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า ในส่วนประเภทเชิงพาณิชย์ กับประเภทบริการวิทยุสาธารณะ จะต้องรอ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ขณะนี้ได้พิจารณาไปแล้วเกินครึ่ง คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปีหน้า แต่วิทยุชุมชน ซึ่งขณะนี้ ยังผิดกฎหมายอยู่ จะต้องมาลงทะเบียนไว้ก่อน ใครที่ขอจดทะเบียนวิทยุชุมชน ต้องอยู่ในฐานะทดลองออกอากาศก่อน 90 วัน แต่ใครที่ไม่มาดำเนินการ ขออนุญาตให้ถูกระเบียบจากนี้จะถูกดำเนินการ ในลักษณะสถานีวิทยุเถื่อน

(29 มิ.ย. 52 ไทยรัฐออนไลน์)

21 ก.ค.  นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่มีการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ เพื่อติดตามสื่อที่ปลุกระดมให้เกิดความแตกแยกในสังคม ว่า ความจริงไม่ถึงกับมีการตั้งคณะกรรมการชุดเฉพาะกิจ แต่ประเด็นคือขณะนี้เรื่องวิทยุชุมชน ได้ทำผิดลู่ทางการจัดตั้งวิทยุชุมชนตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยใช้เป็นประโยชน์ทางการเมือง มีการขยายตัวเหมือนกับช่วงก่อนเกิดเหตุในเดือนเม.ย.เพราะฉะนั้นฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงต้องติดตาม ล่าสุดทราบว่าอนุกรรมการกทช.ได้จัดให้ลงทะเบียนวิทยุชมชนทั่วประเทศ มีวิทยุชุมชนมาลงทะเบียนกว่า 4,000 คลื่น ขั้นตอนต่อไปคือ กทช.จะออกประกาศให้ทั้ง 4,000 คลื่นเข้ามาอยู่ในหลักเกณฑ์และกฎระเบียบของกทช.ที่ใช้อำนาจตามกฎหมายประกอบกิจการวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งจะมีการคุมในส่วนของเทคนิคว่าจะต้องไม่มีเครื่องส่งไปรบกวนคนอื่น และเนื้อหาต้องไม่เป็นไปในลักษณะเชิงล้มล้างสถาบัน การปกครองระบอบประชาธิปไตย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมีวิทยุชุมชนจำนวนหนึ่งที่ไม่ลงทะเบียน และเท่าที่ตรวจสอบเป็นวิทยุชุมชนที่มีปัญหาเชิงการเคลื่อนไหวทางการเมือง ประกอบกับนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ไปดูแล ตนจึงต้องมาดูแลในเรื่องนี้ ซึ่งขณะนี้ประกาศของกทช.รอมา 2 สัปดาห์แล้ว ไม่ทราบว่ารอเพื่ออะไร

(21 ก.ค. 52 คมชัดลึก)

24 ก.ค. ประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ  เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตประกอบกิจการบริการชุมชนชั่วคราว (วิทยุกระจายเสียงชุมชน) ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 126 ตอนพิเศษ 104 ง 24 กรกฏาคม 2552

ในการนี้ เปิดรับลงทะเบียนหลังประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเป็นเวลา 30 วัน  ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม - 24 สิงหาคม 2552 ระหว่างเวลา 08.30-16.30 น. วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม 2552 ลงทะเบียนได้ที่ อาคารอำนวยการ ชั้น 7  ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม - 24 สิงหาคม 2552 ลงทะเบียนได้ที่ อาคารหอประชุม ชั้น 1  ณ สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ 87 ถนนพหลโยธิน 8 (ซอยสายลม) แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. 10400

หรือตามศูนย์และสถานีตรวจสอบการใช้ความถี่วิทยุของสำนักงาน กทช. จำนวน 14 แห่ง ดังนี้ นนทบุรี, จันทบุรี, อุบลราชธานี, นครราชสีมา, ขอนแก่น, อุดรธานี, ลำปาง, เชียงใหม่, พิษณุโลก, สงขลา, นครศรีธรรมราช, ภูเก็ต, ระนอง, ชุมพร

(http://www.ntc.or.th/index.php?option=com_content&task=view&id=5116&Itemid=31)

10 ก.พ. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ รักษาการเลขานุการ สำนักงานกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. กล่าวว่า ทางกทช. ได้ประชุมอนุกระจายเสียง โดยมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ที่ กทช. ใช้ทดลองออกอากาศไปชั่วคราว คือ การให้ผู้ที่มายื่นขอออกอากาศชั่วคราว จำนวน 6,000 กว่าสถานี บันทึกเทปการออกอากาศภายใน 30 วัน แล้วส่งกลับมาที่ กทช. หากพบเนื้อหา ที่เข้าข่ายหมิ่นประมาทบุคคลอื่น เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ หรือเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ จุดนี้ กทช. ต้องดำเนินการ ดังนี้ 1.ทำหนังสือตักเตือน 2.ยึดใบอนุญาตที่ให้เป็นผู้ทดลองออกอากาศชั่วคราวไป

นายฐากร กล่าวอีกว่า วิทยุชุมชนอยู่ระหว่างช่วงทดลองออกอากาศ 300 วัน โดยจะครบกำหนดในวันที่ 20 พ.ค. 2553 ทั้งนี้ กทช. มีศูนย์ตรวจสอบ และเฝ้าระวังของวิทยุชุมชนตลอดเวลาส่วนระยะเวลาในการดำเนินการจัดการจะทำโดย เร็วที่สุด เริ่มตั้งแต่การทำหนังสือ 3-5 วัน เมื่อได้รับเรื่องเข้ามา ขณะเดียวกัน ก็ทำหนังสือออกอยู่อย่างต่อเนื่อง

รักษาการเลขาฯ กทช. กล่าวด้วยว่า กรณีที่ระบุว่า วิทยุชุมชน เป็นต้นเหตุของความวุ่นวาย และแตกแยกในสังคมไทยที่มีผลต่อความมั่นคงของชาติ นั้น กทช.ยืนยันว่า วิทยุชุมชนเกิดขึ้นมาตั้งแต่ยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำให้ปัจจุบัน กทช. ต้องรับหน้าที่แทน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ หรือ กสช. แต่ กสช. ยังไม่เกิด กฎหมายจึงให้ กทช. เข้ามาดำเนินการแทนชั่วคราวก่อน โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 4 มี.ค.2551 แต่เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะสถานีที่ลงทะเบียนกว่า 6,000 กว่าสถานีนั้น ผิดกฎหมายเกือบทั้งหมด และทุกคนก็ออกอากาศอยู่ ดังนั้น กทช. จึงดำเนินการได้แค่กำกับดูแลเท่านั้น

(10 ก.พ. 53 ไทยรัฐออนไลน์)