B-4-3-2553-21_เปิดโปง เขมือบป่า“สวนผึ้ง”สู่โมเดลสางปัญหา รุกที่ดินรัฐ-เดลินิวส์

รหัส B-4-3-2553-21

ชื่อเรื่อง_เปิดโปง เขมือบป่า“สวนผึ้ง”สู่โมเดลสางปัญหา รุกที่ดินรัฐ

เจ้าของ-เดลินิวส์

ปีพิมพ์ พศ. 2553

 

เปิดโปง เขมือบป่า“สวนผึ้ง”สู่โมเดลสางปัญหา รุกที่ดินรัฐ

กองบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

จุดเริ่มต้นของการตรวจสอบ

ที่มาของข่าวชิ้นนี้ เริ่มจากช่วงปลายเดือน ส.ค.53 จากเหตุการณ์วันที่ 31 ส.ค. พล.ต.วีระศักดิ์ รักษาทรัพย์ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ช่วยราชการกรมทหารช่าง ค่ายภาณุรังษี จ.ราชบุรี หอบหลักฐานชุดใหญ่เดินทางเข้ามาร้องขอความช่วยเหลือจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรณีมีกลุ่มนายทุนบุกรุกและเข้าไปครอบครองพื้นที่ราชพัสดุ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เนื้อที่เกือบ 3 หมื่นไร่ โดยมีการใช้เครื่องจักรกลหนักเข้าไปปรับพื้นที่ถึงบนเนินเขา ตัดถนนเข้าไปในป่า พร้อมเร่งปรับพื้นที่เป็นแปลงปลูกพืชแบบขั้นบันได เตรียมไว้ปลูกสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน ฯลฯ แม้ทางหน่วยงานทหารพยายามลงพื้นที่กดดันต่อเนื่องจับกุมผู้บุกรุกยึดอุปกรณ์เครื่องจักรกลหนักได้จำนวนมาก แต่กลุ่มนายทุนไม่ยำเกรงกฎหมาย ยังฉวยโอกาสแอบเข้ามารุกคืบในพื้นที่ราชพัสดุอย่างต่อเนื่องบางจุดยังรุกล้ำเข้าไปในแนวผืนป่าด้วย ทำให้ทหารช่างราชบุรี ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่บริเวณดังกล่าว จำเป็นต้องยื่นเรื่องประสานงานมาที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อขอความช่วยเหลืออีกแรงหนึ่งในการเข้าไปดำเนินการทางกฎหมาย

 

การดำเนินการ

หลังจากทางผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ ประจำกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รายงานข่าวชิ้นนี้ ส่งมายังกองบรรณาธิการเดลินิวส์ ซึ่งมีการประชุมโต๊ะข่าว เมื่อเห็นข้อมูลก็ได้ให้ความสนใจเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ธรรมดา เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ ประจำ จ.ราชบุรี เคยมีการรายงานข่าวการจับกุมนายทุนใหญ่บุกรุกพื้นที่สวนผึ้งมาแล้ว อีกทั้งทำไมหน่วยงานทหารช่าง ซึ่งดูแลพื้นที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้แบบเป็นรูปธรรม จึงเห็นควรเกาะติดเรื่องราวนี้เพื่อนำมาตีแผ่สังคม ที่สำคัญทางกองบรรณาธิการเดลินิวส์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีอาณาบริเวณใกล้ชิดกับแนวผืนป่าภาคตะวันตก ซึ่งถือเป็นเขตป่าต้นน้ำลำธาร หากยังคงมีการบุกรุกอย่างต่อเนื่องย่อมส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์อย่างแน่นอน

ทางกองบรรณาธิการเดลินิวส์ ได้มอบหมายทีมข่าวเฉพาะกิจเดลินิวส์ ประสานงานกับผู้สื่อข่าวจ.ราชบุรี ซึ่งพอมีข้อมูลเบื้องต้นอยู่บ้างแล้วลงไปเก็บข้อมูลทันที เมื่อนำภาพ-ข่าวมาลงหน้า 1 เพียงแค่วันแรกทำเอาถึงกับเป็นที่ตื่นตะลึงกับสายตาผู้อ่านเป็นอย่างมาก เพราะใครบ้างจะคิดว่าในยุคปัจจุบันยังจะมีโอกาสได้พบเห็นสภาพภูเขาหัวโล้น ถูกบุกรุกแผ้วถางจนเตียนโล่ง พื้นที่บางจุดซึ่งอยู่ในบริเวณหุบเขาล้อมรอบ สูงชั้นเกิน 19 องศา ได้ถูกแปรสภาพกลายเป็นสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน และแปลงเกษตรใหญ่โตล้อมรอบไปด้วยเนินเขา ทั้งนี้บริเวณดังกล่าวนอกจากจะใกล้ชิดกับแนวผืนป่าตะวันตก โซนป่าลุ่มน้ำชั้น 1 เอ และชั้น 2 แล้ว ยังถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์เพราะอยู่ห่างชายแดนไทย-พม่า ไม่ไกลมากเท่าไรนัก ชาวบ้านธรรมดาคงไม่มีใครมีทุนทรัพย์มากพอที่จะขนเครื่องจักรกลหนักเข้าไปในพื้นที่ยกเว้นบรรดากลุ่มนายทุน

เมื่อได้พบเห็นข้อมูลสถานที่จริงแล้ว ทีมข่าวเฉพาะกิจเดลินิวส์จึงเริ่มเกาะติดข่าว และเป็นหนังสือพิมพ์เพียงฉบับเดียวเท่านั้นที่ได้รายงานข่าวอย่างต่อเนื่องมาตลอด จนส่งผลทำให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ราชพัสดุ, ทหารช่างราชบุรี,กองพลพัฒนาที่ 1 และส่วนราชการในจ.ราชบุรีผู้ใช้ประโยชน์ในที่ดินราชพัสดุ เริ่มตื่นตัวกระโดดลงมาร่วมตรวจสอบพื้นที่ปัญหาอย่างจริงจัง โดยนำแผนที่กายภาพที่เคยสำรวจรังวัดเอาไว้แล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.2538  แปลงทะเบียน รบ.553 ครอบคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ 5 ตำบล คือ ต.ตะนาวศรี ต.สวนผึ้ง ต.ป่าหวาย อ.สวนผึ้ง และต.แก้มอ้น ต.ด่านตะโก อ.จอมบึง รวมกว่า 5 แสนไร่ เพื่อนำมาเปรียบเทียบกันกับสภาพปัจจุบัน

จากการตรวจสอบเบื้องต้นจึงสามารถแยกพื้นที่ราชพัสดุในอ.สวนผึ้ง ออกได้เป็น 3 ส่วนคือ  1.พื้นที่หน่วยงานราชการครอบครองไปทำประโยชน์ 2.พื้นที่ประชาชนเช่าทำเกษตร รีสอร์ท และ3.พื้นที่ถูกบุกรุก มีมากถึง 1 แสนไร่ เมื่อทางหน่วยงานเกี่ยวข้องลงสำรวจได้เห็นสภาพปัญหาในปัจจุบัน ก่อนปัญหาจะลุกลามบานปลายเกินเยียวยา วันที่ 13 ก.ย.53 นายเทวัญ วิชิตะกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ พร้อมด้วย พล.อ.ธีระ บุญยะประดับ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง(เอ็มโอยู) ในการสำรวจรังวัดกำหนดตำแหน่งและปักเขตแดนที่ดินราชพัสดุ ตามแผนที่กายภาพที่ได้ทำการสำรวจรังวัดเอาไว้เมื่อ ปีพ.ศ.2538 (แปลงทะเบียน รบ.533) โดยกำหนดเป้าหมายว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 5 เดือน

นอกจากนี้หลังจากมีการลงนามเอ็มโอยู ระหว่างกรมธนารักษ์และกองทัพบกเพื่อร่วมกันวางแนวปักเขตแดนแล้ว ทางพล.ต.ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ รองเจ้ากรมการทหารช่าง จังหวัดราชบุรี ยังได้หยิบยกกรณีปัญหาพื้นที่ราชพัสดุ ใน อ.สวนผึ้ง ไว้ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานเพื่อเป็นตัวอย่างกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหา โดยใช้ชื่อว่า “สวนผึ้งโมเดล”

อย่างไรก็ดีการเกาะติดการทำงานของทีมข่าวเฉพาะกิจ นำข้อเท็จจริงมารายงานต่อสาธาณชนอย่างต่อเนื่องตรงไปตรงมา ปรากฎว่าได้ให้สร้างความไม่พอใจกับบรรดานายทุนบางกลุ่มที่ต้องมาสูญเสียประโยชน์ถึงกับวางแผนลวงให้ผู้สื่อข่าวลงไปในพื้นที่เพื่อเป็นการดูตัว จากนั้นปลายเดือนก.ย.53 เริ่มกดดันทั้งข่มขู่คุกคามรุนแรงถึงขั้นปล่อยข่าวจะลอบสังหารผู้สื่อข่าว ทำให้ทางกองบรรณาธิการเดลินิวส์ ต้องรีบหยิบยกเรื่องนี้เข้ารายงานสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย

กระทั่งวันที่ 1 ต.ค.53 ทั้ง 2 สมาคมฯต้องรีบออกมาปกป้องความปลอดภัยสื่อมวลชน ด้วยการยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อแจ้งข้อมูลให้รับทราบ ทำให้ทางพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ต้องมอบหมายให้ พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ผบช.ภ.7 รีบส่งตำรวจมือดีลงไปตรวจสอบในพื้นที่ จ.ราชบุรี เนื่องจากช่วงจังหวะที่มีการข่มขู่คุกคามผู้สื่อข่าวก็ได้เกิดเหตุมือปืนบุกสังหารภรรยาอัยการ ที่เข้าไปลงทุนทำสวนยางพาราในพื้นที่ อ.สวนผึ้ง ทำให้ตำรวจ-ทหารต่างก็ส่งเจ้าหน้าที่มาให้ความคุ้มกันผู้สื่อข่าวอย่างใกล้ชิด

ผลกระทบและคุณค่าข่าว

การนำเสนอข่าวนายทุนบุกรุกพื้นที่ป่าสวนผึ้ง ของทางกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ มาตั้งแต่ปลายเดือน ส.ค.-ธ.ค.53 ได้ทำหน้าที่สื่อมวลชนอย่างตรงไปตรงมา จุดประสงค์หลักเพราะเห็นคุณค่าในทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศชาติเป็นสำคัญ เนื่องจากพื้นที่ราชพัสดุบางส่วนเป็นป่าเขาที่อยู่ติดกับแนวผืนป่าตะวันตก ทำให้หน่วยงานรับผิดชอบต่างตื่นตัวสามารถทำงานได้เป็นระบบ ทั้งกรมธนารักษ์ กรมการทหารช่าง กรมทรัพยากรธรรมชาติฯ และหน่วยงานในจ.ราชบุรี ได้ลงสำรวจพื้นที่จริงจัง จนเป็นการจุดประกายแนวความคิด “สวนผึ้งโมเดล” เพื่อนำไปใช้แก้ปัญหายังสถานที่อื่น

ล่าสุดวันที่ 21 ธ.ค.53  เจ้าหน้าที่เริ่มปักหมุดวางแนวเขตเป็นปฐมฤกษ์ มั่นใจจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในระยะเวลา  5 เดือน พร้อมเริ่มจัดระเบียบเดินหน้าตรวจสอบกลุ่มอยู่อาศัย ทำเกษตร รวมไปถึงผู้เช่าทำรีสอร์ท ฯลฯว่าอยู่ในแผนที่กายภาพ ปี 2538 หรือไม่ นอกจากนี้กรมการทหารช่าง ยังสรุปผลการกวาดล้างจับกุมผู้บุกรุกได้แล้ว 18 คดี ตัดสินไปแล้ว 6 คดี ทุกคดีจำเลยรับสารภาพทั้งสิ้นทำให้ได้พื้นที่ราชพัสดุกลับคืนมาแล้ว  700 ไร่ นับเป็นผลงานการเกาะติดนำเสนอข่าวเพียงฉบับเดียวของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ถึงแม้ทีมข่าวจะถูกข่มขู่คุกคามรุนแรง แต่ก็ยอมเสี่ยงภัยนำข่าวชิ้นนี้ออกมาตีแผ่ต่อสาธาณชน จนเกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม