สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยนำสื่อมวลชนเยือน สปป.ลาว ตามคำเชิญสมาคมนักข่าวแห่ง สปป.ลาว ระหว่างวันที่ 5-9 พ.ย.2566 เพื่อศึกษาดูงานเกี่ยวกับการพัฒนาด้านเศรษฐและวัฒนธรรม สปป.ลาว ระหว่างนี้มีโอกาสศึกษาแวะดูงานการพัฒนาในภาพรวมของเศรษฐกิจท้องถิ่นแขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว โดยมีนายบุญส่ง แก้วมณีวงศ์ ประธานหอการค้า และอุตสาหกรรม แขวงหลวงน้ำทา ให้การตอบรับกล่าวว่า
ความจริงแล้ว “หลวงน้ำทา” ตั้งอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือสุดของสปป.ลาว แบ่งเป็น 5 เมืองใหญ่ มีประชากร 2 แสนคน ในจำนวนนี้ 3 เมืองติดชายแดนเมียนมา และชายแดนจีน ทำให้มีเส้นทาง R3A เดินทางจากสิบสองปันนาประเทศจีน เข้าด่านบ่อเต็น สปป.ลาว ผ่านหลวงน้ำทา เวียงภูคา ไปยังด่านเชียงของประเทศไทย
คนในพื้นที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมโดยเฉพาะยาพารางมีเนื้อที่ปลูก 3.7 หมื่นเฮกต้าส่งให้โรงงานของคนจีนกระจายในพื้นที่ 10 แห่ง ทั้งยังมีการปลูกอ้อย และปลูกมันสำปะหลังป้อนให้โรงงานคนจีนเช่นกัน
แล้วในช่วง 4-5ปีมานี้แล้วยิ่งในช่วงฤดูแล้งของทุกปี กลุ่มนักลงทุนชาวจีนก็ได้เข้ามาลงทุนเช่าพื้นที่ปลูกแตงโม หรือบางส่วนก็เป็นการลงทุนร่วมกันระหว่าง 2 ฝ่าย เพราะด้วยคนลาวยังขาดความรู้ตลาดส่งออกต้องพึ่งพานักธุรกิจจีนซึ่งออกผ่าน R3A และขนส่งด้วยระบบรถไปผ่านด่านบ่อหานไปยังจีน สร้างรายได้ให้คนในพื้นที่เฉลี่ย1,000 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/เดือน ทำให้สามารถพออยู่พอกินดีขึ้นได้มีเงินหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น
นายบุญส่ง กล่าวอีกว่า ส่วนการท่องเที่ยวในเขตหลวงน้ำทานับแต่โควิด-19หลายชาติก็เริ่มประเทศส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวทยอยเข้ามาสัมผัสความวัฒนธรรมที่หลากหลาย และงามตามธรรมชาติด้วยพื้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็นป่าสงวนแห่งชาติมากกว่า 2 แสนเฮกต้า สิ่งนี้ก็เป็นปัจจัยหนึ่งห้นักธุรกิจจีนให้ไปลงทุนอุตสาหรรมในเมืองอื่นด้วย
สำหรับในปี 2567 “เป็นปีแห่งการท่องเที่ยว สปป ลาว” เรื่องนี้แขวงหลวงน้ำทาก็มีแผนบูรณะปรับปรุแหล่งท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง รวมถึงโรงแรม ร้านอาหาร รถโดยสาร เพื่ออำนวยความสะดวกดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น และจะสร้างงานที่ยั่งยืนในภาคการท่องเที่ยวได้ความสำเร็จ