สรุปสถานการณ์สื่อ ประจำวันที่ 1-31 มี.ค.2563

 

สรุปสถานการณ์สื่อ ประจำวันที่ 1-31 มี.ค.2563

1.เว็ปไซต์ "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานถึงมติชนแจ้งผลประกอบการปี 2562 ขาดทุนบัญชี-กำไรจริง 35 ล้าน โดยนางสาวปานบัว บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด(มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2562 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีผลประกอบการขาดทุนสุทธิ 38 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานจริง 35 ล้านบาท แต่เนื่องจากในรอบปี 2562 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการปรับโครงสร้างเงินเดือนพนักงานเพื่อรองรับยุทธศาสตร์ใหม่ของบริษัทที่มุ่งสู่รูปแบบของสื่อดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจต่อเพื่อนพนักงานในการร่วมกันปรับตัวและฟันฝ่าอุปสรรคทางเศรษฐกิจในหลายปีที่ผ่านมา และตามมาตรฐานการบัญชีใหม่ กำหนดให้ต้องมีการคำนวณผลประโยชน์พนักงานตามหลักคณิตศาสตร์ทางบัญชีตามมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 19 เรื่องผลประโยชน์พนักงาน จึงทำให้เกิดผลขาดทุนทางบัญชีสุทธิประมาณ 73 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้ตัวเลขในงบกำไรขาดทุนออกมาติดลบตามจำนวนดังกล่าว เนื่องจากผลการดำเนินงานจริงมีกำไร บริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลผู้ถือหุ้น 0.10บาท/หุ้น โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 พ.ค.2563

2.เว็ปไซต์ "ฐานเศรษฐกิจ" รายงานว่า “ฉาย บุนนาค” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้บรรยายหัวข้อ Media disruption : How the media business must move towards Case study Nation จากการเกิดขึ้นของ 4G เมื่อปี 2014 และเกิดจุดเปลี่ยนของการประมูลทีวีดิจิทัล ทำให้คนใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้น มาถึงปี 2020 มีคนใช้อินเทอร์เน็ตประมาณ 55 ล้านคน และจะเป็นเทรนด์ของโซเชียล แพลทฟอร์มอย่างแน่นอน ต่อไปทีวีดิจิทัลจะเกิดปัญหา เพราะคนจะใช้เป็น ทีวีอินเทอร์เน็ตแทน ส่วนการเกิดของ 5G จะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมีเดีย และจะเกิดผลดีกับกลุ่มอุตสาหกรรมมากกว่า โดยสัดส่วนออนไลน์โฆษณาโต 400% บริษัททำมีเดียเดิมๆ รายได้หายไป 300% ราคาหุ้นทุกตัว ดิ่งลงหมด หากมองประชากรไทยที่มีจำนวน 70 ล้านคน มีผู้ใช้โซเชียลมีเดีย 52 ล้านคน เป็นมือถือ 93 ล้านเบอร์ โซเชียลมีเดีย 525 ล้านบัญชี อยู่บนเน็ต 9 ชม.ต่อวัน เล่นโซเชียล 3  ชม.ต่อวัน นี่คือพฤติกรรมคนไทยในปัจจุบัน

ด้าน Branding เนชั่น อายุ 49 ปี โดยมีฐานเศรษฐกิจ 39 ปี กรุงเทพธุรกิจ 33ปี เนชั่นทีวี 20 ปี คมชัดลึก 19 ปี ทีนิวส์ 13 ปีและสปริงส์นิวส์ 10ปี แต่ละแบรนด์มีคอนเทนต์ต่างกัน ตามแต่ละเซ็กเมนต์ มีปริ้นซ์ ออนไลน์ ทีวี สื่อนอกบ้าน อวาคาบรอดเวย์ที่ เป็นพาร์ทเนอร์ โดยยุทธศาสตร์ 2020-2010 สิ่งที่ต้องทำ Set Mindset ที่ไม่ใช่บริษัทมีเดีย แต่เป็น Data Driven Organizationอนาคตจะพัฒนาไปสู่การใช้ดาต้าขับเคลื่อนธุรกิจ โมเดลธุรกิจเดิม B2B จะปรับเปลี่ยน ซื้อโฆษณาจะต้องวัด IRR ได้  อย่างทัวร์ หรือบริษัท แฮปปี้ ที่ขายโฮมช้อปปิ้ง วัดผลได้เลย  หากซื้อสล็อตเวลาจากเรา ยุทธศาสตร์ ต้องเพิ่มรายได้ จึงเป็น  B2C กลับสู่กลุ่มเป้าหมาย คอมมูนิตี้ อนาคตอาจจะติดตาม แต่ไทยชอบของฟรี ตั๋วอีเวนต์  สินค้า เป็นจุดมุ่งหมาย B2C ที่อยากเดินไป องค์กรข่าวเราไม่คาดหวัง งบรัฐ คนเข้าใจเนชั่น เข้าใจว่าได้งบรัฐมากน่าจะคิดอย่างนั้น แต่เนชั่นทีวี 45 ล้านบาทต่อเดือน งบรัฐไม่ถึง 1.5 ล้านบาท ดังนั้นธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยคอนเซ็ปต์การตลาดจริงๆ ไม่ใช่มาจากส่วนใดส่วนหนึ่ง เป้าหมายจะเหลือรายได้จากโฆษณาแค่ 40% แต่จะเป็น Non ad 60% และพัฒนาแพลทฟอร์มใหม่ๆเพิ่ม


3.เว็ปไซต์ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้รายงานถึงแถลงการณ์ร่วม 6 องค์กรวิชาชีพกรณีโคโรนาระบาด โดยมีเนื้อหาแถลงการณ์ จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ทำให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2563 ให้การแพร่ระบาดจากโรคระบาด (Epidemic) เป็นโรคระบาดครั้งใหญ่ของโลก (Pandemic) อย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกันรัฐบาลได้จัดตั้ง “ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19)” โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ประกอบด้วย 1.สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ 2.สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย 3.สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย 4.สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย 5.สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ และ 6.สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวด้วยความห่วงใย จึงเสนอแนะและเรียกร้องมายังฝ่ายต่างๆ ดังต่อไปนี้

1.ขอให้สื่อมวลชนทุกสำนักยึดมั่นจริยธรรม โดยนำเสนอข้อมูลช่าวสารตาม "แนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชนในภาวะวิกฤต" ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานในสถานการณ์โรคและภัยสุขภาพ ที่อันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพและชีวิตของประชาชน ซึ่งระบุว่า “พึงระมัดระวังการสร้างความตื่นตระหนก จากการนำเสนอโดยการคาดเดา หรือไม่ได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หรือหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับสาเหตุการแพร่ระบาดของโรคหรือสถานการณ์ภัยสุขภาพ รวมถึงวิธีการป้องกัน แก้ไข และรักษา” เพื่อนำไปสู่การบรรเทาความเสียหายและคลี่คลายวิกฤตการณ์ นอกจากนี้ ต้องศึกษากฎหมาย ข้อกําหนด หรือข้อตกลงที่บังคับใช้ในภาวะวิกฤต เพื่อมิให้การปฏิบัติงานข่าวกระทบต่อประโยชน์หรือความปลอดภัยสาธารณะ

2.ขอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญและระมัดระวังเป็นพิเศษในการสื่อสารในภาวะวิกฤติ ในสถานการณ์ที่สังคมต้องการข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน เชื่อถือได้ ไม่เกิดความสับสน และสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินชีวิตและปฏิบัติตัว

3. ขอให้ผู้บริหารสำนักข่าวทุกสำนักให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของกองบรรณาธิการ ผู้สื่อข่าวที่จะต้องปฏิบัติงานข่าว ลงพื้นที่ทำข่าว รายงานข่าวในสถานการณ์โรคระบาด ด้วยการวางมาตรการตามกฎควบคุมโรค ประเมินความเสี่ยงของสถานที่ และต้องจัดหาอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยง ไม่ให้ต้องตกเป็นผู้ป่วยติดเชื้อเสียเอง

4.เว็ปไซต์ "เนชั่นสุดสัปดาห์" รายงานถึงกรณีเพจเนชั่นทีวี 22 ได้เผยแพร่แถลงการณ์ เนชั่นทีวี 22 กรณีพนักงานทำงานสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 สืบเนื่องจากการอัดคลิปเผยแพร่ข่าวผ่านอินสตาแกรมของ แมทธิว ดีน อดีตนักร้อง นักแสดง และพิธีกรชื่อดัง ว่าตนเองติดเชื้อ โควิด-19 โดยยืนยันจากผลตรวจของแพทย์อย่างเป็นทางการแล้วนั้น บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ "เนชั่นทีวี" ตรวจสอบพบว่า มีพนักงานฝ่ายข่าวของบริษัทร่วมทำงานใกล้ชิดกับบุคคลที่สัมผัส แมทธิว ดีน มาโดยตรง เมื่อได้ทราบข้อมูลเช่นนั้น ทางบริษัทก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งให้พนักงานฝ่ายข่าวและผู้เกี่ยวข้องหยุดงานไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อทันที พร้อมให้กักตัวสังเกตอาการที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน โดยได้มอบคู่มือการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องในช่วงสังเกตอาการ ซึ่งจัดทำโดยกระทรวงสาธารณสุข ส่งให้พนักงานที่หยุดงานได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และให้รายงานความคืบหน้าผลการตรวจของแพทย์ ตลอดจนอาการต่างๆ ให้ผู้บังคับบัญชารับทราบทุกวัน

นอกจากนั้น เนชั่นทีวี ยังได้เพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ด้วยการให้มีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และทำความสะอาดสำนักงานทั้งชั้น รวมทั้งห้องสตูดิโอที่ใช้ออกอากาศ ตลอดจนให้ปิดทางเข้าออกสถานีเหลือเพียงช่องทางเดียว เพื่อคัดกรองอาการป่วยของพนักงานและผู้มาติดต่อเบื้องต้นทุกคนด้วยการวัดไข้ และล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ทุกครั้งก่อนเข้าสถานี

5.เว็ปไซต์ "เนชั่นสุดสัปดาห์" รายงานกทม.ออกหลักเกณฑ์สัมภาษณ์ ผู้บริหาร กทม. ยืนห่าง 2 เมตร สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง ภายหลัง กทม.ได้แจ้งสื่อมวลชนถึงแนวทางขอความร่วมมือในการสัมภาษณ์ผู้บริหาร กทม.นอกเหนือจากการแถลงข่าวปกติ ดังนี้ 1.ขอให้ผู้บริหาร กทม. สัมภาษณ์ผ่านไมค์ที่สำนักงานประชาสัมพันธ์เตรียมไว้เท่านั้น  2.ขอให้มีระยะห่างระหว่างผู้ให้สัมภาษณ์ และผู้สื่อข่าวประมาณ 1-2 เมตร ตามหลักการปฏิบัติฯในช่วงนี้ 3.ขอความร่วมมือผู้สื่อข่าว สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลทุกครั้งก่อนการสัมภาษณ์ โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์จะจัดเตรียมเจลล้างมือไว้ให้

6.เว็ปไซต์ "ฐานเศรษฐกิจ" รายงานถึงมาตรการที่ทำเนียบรัฐบาลปรับรูปแบบการแถลงข่าวทั้งหมด เพื่อลดความเสี่ยงและลดระยะห่างในการแพร่เชื้อตามมาตรการของรัฐบาลที่ขอความร่วมมือกับคนไทยทั้งประเทศ โดยในส่วนของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ภายหลังการประชุมครม. จะแถลงที่ใต้ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เหมือนเดิม โดยจำกัดสื่อมวลชนและช่างภาพเข้าไปทำข่าวเพื่อลดความแออัด และใช้การถ่ายทอดสดทาง Facebook live อำนวยความสะดวกให้สื่อมวลชนที่ไม่ได้เข้าไป แต่ก็ยังสามารถฝากคำถามกับเจ้าหน้าที่ได้ตามปกติ

ส่วนการแถลงของศูนย์แถลงข่าวโควิดในเวลา 14.00 น. ก็เช่นเดียวกันทางช่อง NBT 2HD จะปรับเป็นสถานีแม่ข่าย COVID Channel จะเป็นแม่ข่ายในการแถลงข่าวจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิค ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจะมีการแถลงเพียงแห่งเดียว  และเพื่อลดการแออัด การรวมตัวของผู้ของผู้สื่อข่าวและช่างภาพ ตามมาตรการรัฐบาล จึงขอความร่วมมือสื่อแต่ละสำนักไม่ต้องส่งผู้สื่อข่าว ช่างภาพไปทำข่าวเกี่ยวกับโควิคที่ทำเนียบรัฐบาล แต่สามารถ ดึงภาพจาก NBT ไปใช้ได้เลย  ส่วนภาพนิ่ง ทางกรมประชาสัมพันธ์และสำนักโฆษกจะแชร์ภาพและ infographic ในการแถลง ส่งให้ โดยจะส่ง link  ให้ทางนี้ หรือ ติดตามข้อมูลได้ที่ www.thaigov.go.th  หรือ FB ศูนย์ข้อมูล COVID19

โดยวางข้อกำหนดในการแถลงข่าวในตึกสันติไม่ตรีไว้ชัดเจนจึงขอปฏิบัติดังนี้ 1.ห้ามกล้องทีวีเข้าไปถ่าย เพื่อชีวิตของท่านเอง 2.สื่อเข้าไปนั่งฟังได้ เว้นระยะห่าง ตามเก้าอี้ที่จัดไว้ 3.ได้ตั้งไลน์ส่งคำถามไว้ หากใครมีคำถาม ให้ส่งมาในไลน์นั้น เจ้าหน้าที่จะดึงมาถามให้  4 สำนักโฆษกจะ Live ให้ และไม่ติดโลโก้ไทยคู่ฟ้า บนภาพ เพื่อความสบายใจทุกท่าน 5 ช่างภาพนิ่งจะถ่ายภาพให้ และนำลงเว็ปและเพจ  นอกจากนี้ สํานักโฆษก สํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ออกประกาศมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19)

สําหรับสื่อมวลชนที่เข้ามาปฏิบัติงานในทําเนียบรัฐบาล จำนวน 6 ข้อ 1.กําหนดจุดสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และผู้บริหาร จํานวน 3 จุด คือ 1.บริเวณหน้าตึกบัญชาการ 1 2.ตึกนารีสโมสร 3.ตึกสันติไมตรี 2.ห้ามสื่อมวลชน เดินตาม วิ่งตาม หรือรุมล้อม นายกรัฐมนตรีและ คณะรัฐมนตรี เพื่อขอสัมภาษณ์ 3.ห้ามสื่อมวลชนเข้าตึกบัญชาการ ตึกสันติไมตรี ยกเว้นกรณีที่มีการเชิญ เข้าไปทําข่าวเป็นครั้งคราวไป 4.ขอความร่วมมือสื่อมวลชนให้ประจําอยู่ในสถานที่ทํางานของสื่อมวลชน ที่จัดไว้ให้ทั้ง 3 แห่ง เป็นหลัก 5.สํานักโฆษกจะกําหนดจุดสําหรับการบันทึกภาพ และให้สื่อมวลชน บันทึกภาพในจุดที่กําหนดเท่านั้น

7.เว็ปไซต์ "ส่องสื่อ" รายงานถึงสถานการณ์โควิด-19 กับผลกระทบต่อวงการสื่อที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยในหลายธุรกิจวงการสื่อมวลชนได้รับผลกระทบ อาทิ วิทยุ อสมท ประกาศพักการออกอากาศ FM99 เนื่องจากมีผู้จัดรายการวิทยุ FM99 Active Radio ของ อสมท ติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลทำให้วันต่อมาทาง อสมท ต้องฉีดยาฆ่าเชื้อทั้งชั้นที่เป็นห้องจัดรายการวิทยุ และหลังจากนั้น อสมท จึงได้ออกมาตรการให้พนักงานที่อยู่ในภาวะเสี่ยง เฝ้าระวังการติดเชื้อด้วยการกักตัวที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน  และส่งผลต่อนื่องถึงการจัดรายการวิทยุ ทำให้มีความจำเป็นต้องพักการออกอากาศทุกรายการในสถานีวิทยุ FM99 เป็นเวลา 14 วัน และจะสามารถออกอากาศได้ปกติในวันที่ 30 มีนาคม 2563 เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป

ขณะที่ช่อง 3 ยกเลิกงานบอล – งดต้อนรับแขกวันเกิดช่องครบรอบปีที่ 50 ภายหลังในช่วงแรกช่อง 3 ได้มีการเตรียมงานเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งงาน "ตลาดนัดดารา พาเหรด" รวมไปถึงงานฟุตบอลประเพณีประจำปีอีกด้วย แต่จนแล้วจนรอด สถานการณ์เจ้าไวรัสร้ายตัวนี้ก็ไม่มีท่าทีที่เบาบางลง ช่อง 3 จึงจำใจต้องเลื่อนการจัดงานบอลประจำปีแบบไม่มีกำหนด และยกเลิกการจัดงานตลาดนัดดารา พาเหรด ที่เซ็นทรัล พลาซา ปิ่นเกล้าออกไปไม่มีกำหนด นอกจากนี้อมรินทร์ทีวี ถึงแม้จะยังไม่มีใครในสถานีที่ติดโควิด-19 แต่รายการต่างคนต่างคิดได้ยุติการออกอากาศชั่วคราว เนื่องจากเป็นการป้องกันแขกรับเชิญไม่ให้ติดไวรัสโควิด-19 จากการสัมผัสเชื้อ รวมไปถึงป้องกันพนักงานในสถานีเอง

นอกจากนี้ ช่อง 3 กำหนดนโยบายเพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงาน จากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ประกาศ Work From Home โดยช่อง 3 ขอให้พนักงานที่ไม่มีความจำเป็นต้องทำงานที่สถานี ได้ทำงานที่บ้านเพื่อเป็นการลดการเดินทางออกนอกเคหสถาน โดยมีการนำเทคโนโลยีมาช่วยให้ระบบการทำงานที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ระหว่างบ้านและที่ทำงาน เพื่อให้ทุกส่วนงานยังคงปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถที่จะประชุมและติดต่อกันได้ตลอด มาตรการ Work from Home นี้ทำให้ลดการเดินทางไปในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้เกิด Social Distance ที่ดี และลดความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อในระหว่างการเดินทางไปกลับที่ทำงาน รวมถึงช่อง 3 ยังได้จัดทำประกันสุขภาพโควิท-19 ขึ้นให้กับพนักงานและนักแสดงในกลุ่ม บีอีซีเวิลด์ โดยมีระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปี

ด้าน Workpoint News ร่วมกับนิเทศ จุฬาฯ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และ Cleverse ร่วมพัฒนาเว็บไซต์ติดตามสถานการณ์โควิด-19 สำหรับติดตามสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่กำลังทวีความรุนแรงในขณะนี้ โดยภายในเว็บไซต์ประกอบไปด้วยความรู้เกี่ยวกับการป้องกันไวรัสร้ายตัวนี้ สถานการณ์ของไวรัสทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ คำเตือนต่าง ๆ สำหรับการเดินทางไปประเทศอื่น และความคืบหน้าเหตุการณ์ในรูปแบบไทม์ไลน์ โดยทุกท่านสามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ https://covid19.workpointnews.com/

8.เว็ปไซต์ "คมชัดลึก" รายงานว่า กระทรวงต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ แจ้งว่านักข่าวนิวยอร์กไทมส์  วอลล์สตรีทเจอร์นัล และวอชิงตันโพสต์ ที่ใบอนุญาตสื่อมวลชนจะหมดอายุในปีนี้ 2563 จะมีเวลา 10 วันในการส่งมอบบัตรสื่อคืน และจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในจีนแผ่นดินใหญ่ มาเก๊าหรือฮ่องกงอีกต่อไป  นอกจากนี้ สื่อทั้งสามสำนัก ตลอดจน วอยซ์ออฟอเมริกา และนิตยสารไทม์ ยังจะต้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับทีมงาน การเงิน การปฏิบัติงาน และอสังหาริมทรัพย์ในจีน

กระทรวงต่างประเทศจีนระบุว่า นี่คือการตอบโต้ที่รัฐบาลวอชิงตัน ลดจำนวนบุคลากรที่อนุญาตให้ทำงานในสื่อของทางการจีนในสหรัฐได้ และตอบโต้ต่อการออกแบบสำนักข่าวเหล่านี้ใหม่ เป็น “foreign missions". ทีมงานในต่างประเทศหรือทูตของสหัรฐ ก่อนหน้านี้ สหรัฐตีตราสำนักข่าวจีน 5 แห่ง ได้แก่ ซินหัว ไชนา โกลบอล เทเลวิชัน เน็ตเวิร์ค  ไชนา เดลีย์ พีเพิลส์ เดลีย์ และไชนา เรดิโอ อินเตอร์เนชันแนล เป็นตัวแทนในต่างประเทศของจีนดังนั้น พนักงานของสื่อเหล่านี้ จะต้องอยู่ภายใต้กฎเดียวกับนักการทูตที่ประจำในสหรัฐ

นับจากวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐอนุญาตให้สื่อทางการจีน คงจำนวนทีมงานลงได้สูงสุด 100 คน จาก160 คนในปัจจุบัน  แม้สหรัฐไม่ได้เนรเทศ 60 คนที่จะถูกตัดออก และหางานอื่นทำได้ แต่ก็คาดว่าพวกเขาคงจะต้องออกจากสหรัฐ ส่วนจีนสั่งตะเพิดนักข่าว 3 คนของ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล เมื่อเดือนที่แล้ว เป็นชาวอเมริกัน 2 คน ออสเตรเลีย 1 คน เป็นมาตรการที่ใช้กับสื่อต่างประเทศรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี โดยปกติ บัตรสื่อในจีนจะมีอายุ 1 ปี และต้องอายุเป็นรายปี รัฐบาลปักกิ่งระบุว่าเพราะวอลล์สตรีเจอร์นัลไม่ยอมขอโทษกรณีพาดหัวบทแสดงทัศนะชิ้นหนึ่งออกแนวเหยียดชาติ ในช่วงที่จีนกำลังพยายามควบคุมไวรัสระบาดหนัก ว่าเป็นคนป่วยของเอเชีย

9.เว็ปไซต์ "tvdigitalwatch" รายงานว่าช่อง 7 ได้ประกาศว่าจัดทำประกันคุ้มครองการติดเชื้อไวรัส COVID-19 สำหรับผู้บริหารและพนักงานของช่อง 7 ทุกคน โดยเป็นการทำประกันทำความคุ้มครองในระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่ 18 มี.ค.63 – 17 มี.ค. 64 โดยได้รับความคุ้มครองในกรณีเจ็บป่วยร้ายแรง และ /หรือ เป็นเหตุให้เสียชีวิต 5 แสนบาท และมีวงเงินค่ารักษาพยาบาล 5 หมื่นบาท นอกจากนี้ยังได้สิทธิพิเศษเพิ่มจากประกันอีกค่าย ที่ให้ความคุ้มครองถึง 15 เม.ย. 63 อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ เฉพาะพนักงานที่ได้บรรจุแล้ว ไม่รวมลูกจ้างประจำ

10.เพจ "จุลสารราชดำเนิน" รายงานถึงปรากฏการณ์หนังสือพิมพ์รายวัน 20 ฉบับในสหราชอาณาจักร วันศุกร์ที่ 20 มี.ค.2563 นัดพาดหัวเดียวกัน "When you are on your own, we are there with you" เรียกร้องให้ชุมชนรวมตัวกันเพื่อเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโคโรนาไวรัส ในการเปิดตัวแคมเปญ #ThereWithYou สร้างความมั่นใจแก่สาธารณชน โดยหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับได้เล่าถึงสถานการณ์เป็นอย่างไร รวมถึงบอกว่าถ้าต้องการความช่วยเหลือต้องไปที่ไหน พร้อมช่วยให้ข้อมูลที่เท็จจริงไม่ให้ประชาชนแตกตื่น และสู้ไปด้วยกัน

เว็ปไซต์ oxfordmail.co.uk รายงานว่า สำหรับแคมเปญ #ThereWithYou ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยข่าวอุตสาหกรรมสมาคมสื่อนิวส์ค็อคและสมาคมบรรณาธิการ โดย "โทบี แกรนวิลล์" ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากองบรรณาธิการข่าวนิวส์เควสท์ กล่าวว่า ในวันเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนที่ยากลำบากนี้ บทบาทของเราในการให้ข่าวสารข้อมูลที่สำคัญและเชื่อถือได้ เราต้องการทำส่วนของเราเพื่อสนับสนุนสมาชิกในชุมชนของเรา ขณะที่ "เจเรมี คลิฟฟอร์ด" หัวหน้าบรรณาธิการของ JPI Media กล่าวว่า ความต้องการข่าวสารและข้อมูลมีความสำคัญมากในช่วงวิกฤตครั้งนี้ ดังนั้นสื่อข่าวในท้องถิ่นคือกาวที่ผูกกับชุมชน และเราจะยังคงมีบทบาทในช่วงเวลาที่ท้าทายเหล่านี้ต่อไป

11.เว็ปไซต์ "rainmaker" รายงานว่า จากสถานการณ์ข่าวปลอมที่แพร่กระจายเร็วพอๆ กับไวรัส เฟซบุ๊กจึงเตรียมจะเพิ่มฟีเจอร์ COVID-19 Information Center หรือศูนย์บริการข่าวโควิด- 19 ที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันผู้ใช้สับสนจากข่าวปลอม โดยฟีเจอร์ดังกล่าวจะเป็นการรวบรวมข้อมูลจากองค์การอนามันโลก ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค และข้อมูลด้านสุขภาพที่ถูกต้องจากสำนักข่าวหรือคนดังมานำเสนอ ผ่านการทำงานหลักๆ คือ เพิ่มการแจ้งข้อมูลเมื่อพบว่าผู้ใช้กำลังอ่านข่าวปลอม เฟซบุ๊กจะขึ้นข้อมูลที่ถูกต้องพร้อมลิ้งค์ต้นฉบับ ขยายการแจ้งเตือนไปยังท้องถิ่น เพื่อให้ชุมชนได้อัปเดตข้อมูลที่สำคัญ   ซึ่งจะเปิดใช้งานที่สหรัฐฯ ก่อนและตามด้วยประเทศอื่นๆ ในลำดับถัดไป

12.เว็ปไซต์ "เดลินิวส์" รายงานหนังสือพิมพ์เดลินิวส์งดจัดงานครบรอบ 56 ปี เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19  มีการยกระดับมาตรการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น  เพื่อป้องกันการแพร่กระจายไวรัสโควิด-19 หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ จึงของดจัดงานครบรอบ  56  ปี  ในวันที่  28  มีนาคม พ.ศ.2563

13.เพจ "จุลสารราชดำเนิน" รายงาน Business Today พักหลบไวรัส โดยในเพจ Business Today ได้แจ้งถึงผู้อ่านและผู้สนับสนุน จากสถานการณ์ปัจจุบันทำให้เราต้องตัดสินใจ และเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก ด้วยช่องทางการจัดจำหน่ายที่ถูกปิด และเงื่อนไขการทำงานที่ทุกๆ คนต้องปรับตัว ทำให้เราต้อง "พัก" การตีพิมพ์ Business Today เป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือนทฉบับที่จะวางแผงที่ 28 มี.ค.2563 เป็นฉบับสุดท้ายก่อนจะพัก รายละเอียดต่างๆ อยู่ในภาพแล้ว แม้ส่วนสิ่งพิมพ์ต้องพัก แต่ส่วนอื่นๆ ยังคงทำงานอย่างขะมักเขม้น และเตรียมพบกัน Content ในรูปแบบใหม่ๆ และแตกต่างของ Business Today ต่อไป

14.เว็ปไซต์ "businesstoday" รายงานหัวข้อ ผู้ประกาศ Work from Home จากที่ แชนนอน บรีม ผู้ดำเนินรายการข่าวทางสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์ นิวส์ (Fox New) โพสต์ภาพเบื้องหลังการทำงาน Work from Home ทางทวิตเตอร์ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อชาวอเมริกันเพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลกไปแล้ว โดยแชนนอน บรีม ได้ดำเนินรายการข่าว Fox News @ Night ซึ่งเป็นรายการช่วงไพร์มไทม์ ภายในห้องนอนของเธอ พร้อมช่างภาพ ช่างแสง รวมเธอด้วยก็เป็น 3 คน

ขณะที่เบน คอลลินส์ อดีตนาวิกโยธินสหรัฐ ปัจจุบันเป็นคอมเมนเตเตอร์ นโยบายต่างประเทศและความมั่นคง รวมถึงเป็นนักธุรกิจสายเทคโนโลยี ได้ทวีตตอบกลับแชนนอน บรีม ด้วยภาพให้สัมภาษณ์อยู่กับที่บ้านด้วยเช่นเดียวกัน ขณะที่ผู้ดำเนินรายการ แอนโทนี่ เมสัน ของสถานีโทรทัศน์ข่าว CSB ก็ต้องจัดรายการ “CBS This Morning” จากบ้าน เพราะเป็นผู้ที่เข้าข่ายได้รับเชื้อโควิด-19 จากคนในบ้าน ส่วนซาวาห์นาห์ กูธรี้ ผู้ประกาศข่าวรายการ TODAY ทางสถานีโทรทัศน์ NBC ต้องจัดรายการอยู่กับบ้าน เนื่องจากมีอาการเจ็บคอและจาม ดังนั้น เพื่อไม่ประมาทเธอก็เลยจัดรายการอยู่กับบ้านแทน

15. ล่าสุด เนชั่นกรุ๊ป ประกาศ มาตรการรองรับผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่อาจคาดหมายได้ว่า สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อใด เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศและการดําเนินธุรกิจของบริษัทฯ อย่างรุนแรงโดยที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทําให้บริษัทฯ ไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ ดังนั้น เพื่อให้บริษัทฯ สามารถอยู่รอดต่อไปได้ ภายใต้สภาวะวิกฤติเช่นนี้ บริษัทฯ มีความจําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกําหนดมาตรการเพื่อลดผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัส COVID-19 ในครั้งนี้โดยเร่งด่วน โดยได้มอบหมายให้ผู้บริหารสูงสุดของแต่ละหน่วยธุรกิจนํามาตรการต่างๆ ไปปรับใช้ ตามความจําเป็นและเหมาะสม ดังต่อไปนี้

1. พิจารณาปรับลดเงินเดือนพนักงานทุกคนของแต่ละหน่วยธุรกิจ

2. ให้พนักงานลางานโดยไม่รับเงินค่าจ้าง (leave without pay) เป็นการชั่วคราว โดยพิจารณาค่าจ้างตามวันที่ปฏิบัติงานจริง

3. ให้ทุกหน่วยธุรกิจบริหารจัดการกําลังคนและปฏิบัติงานในเวลาทํางานปกติให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ให้มีการทํางานล่วงเวลา

4. ยกเลิกสวัสดิการต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและการปฏิบัติงานโดยตรง เช่น ค่ารักษาพยาบาลของสมาชิกในครอบครัวของพนักงาน ค่าทันตกรรม ของขวัญบุตร ของขวัญสมรส ทุนช่วยเหลือการศึกษาบุตรของพนักงาน เป็นต้น 5. ยกเลิกค่าตอบแทนอื่นที่นอกเหนือจากเงินเดือนประจํา เช่น ค่าพาหนะ ค่าโทรศัพท์ ค่าตําแหน่ง ค่าประสบการณ์ เป็นต้น

ทั้งนี้ ให้ผู้บริหารสูงสุดของแต่ละหน่วยธุรกิจนํามาตรการในข้อ 1-3 ไปปรับใช้กับหน่วยธุรกิจที่ตนเองรับผิดชอบตามความจําเป็น และเหมาะสม ส่วนมาตรการในข้อ 4-5 นั้น ให้มีผลบังคับใช้กับทุกหน่วยธุรกิจ อนึ่ง หากมีความจําเป็นอันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ให้ผู้บริหารสูงสุดของแต่ละหน่วยธุรกิจสามารถใช้ดุลยพินิจเลิกจ้างพนักงานได้ โดยมอบหมายให้ผู้บริหารสูงสุดของแต่ละหน่วยธุรกิจ จัดทําแผนการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวสําหรับหน่วยธุรกิจที่ตนเองรับผิดชอบและนําเสนอต่อประธานกรรมการบริหารเพื่อพิจารณา อนุมัติโดยเร็วที่สุด เพื่อให้มาตรการเหล่านี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 เป็นต้นไป

อนึ่ง ในระหว่างที่พนักงานทุกคนร่วมเสียสละผลประโยชน์ส่วนตนเพื่อความอยู่รอดของบริษัทฯ ในครั้งนี้ ผม ในฐานะประธาน กรรมการบริหาร ยินดีที่จะไม่รับเงินเดือนและผลประโยชน์ตอบแทนใดๆ จากบริษัทฯ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถจัดสรรผลประโยชน์ดังกล่าว ให้แก่พนักงานที่มีความจําเป็นต่อไป

บริษัทฯ ขอเรียนแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 คลี่คลายลง บริษัทฯ อาจจะ พิจารณายกเลิกหรือผ่อนคลายมาตรการข้างต้นเป็นลําดับ โดยจะประกาศให้ทราบต่อไป ลงชื่อนายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร  ประกาศ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563