เนื้อจระเข้ไทยดังถึงเมืองจีน

เนื้อจระเข้ไทยดังถึงเมืองจีน


คอลัมส์ ณ ริมคลองประปา หนังสือพิมพ์มติชน (วันที่ 25 ธันวาคม 2553)

โดย ประสงค์  เลิศรัตนวิสุทธิ์


อย่างที่บอกไว้แล้วว่า การไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนในนามสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ครั้งนี้ตระเวนไปหลายเมืองทั้งในมณฑลซานตง และมณฑลเหลียวหนิง ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหมือใกล้กับคาบสมุทรเกาหลี

นอกจากเมืองซิงเต่าซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมอันดับหนึ่งของซานตงและเป็นที่รู้จักกันดี เพราะใช้เป็นชื่อยี้ห้อเบียร์เก่าแก่อายุกว่า 100 ปีของจีน ซึ่งถือกำเนิดที่เมืองนี้ เมื่อปี ค.ศ. 1903 แล้ว

เยียนไถ (Yantai บางคนก็อ่านว่าเอียนไถ) เป็นเมืองตากอากาศและแหล่งท่องเที่ยวเพราะมีอากาศดีตลอดทั้งปีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส

คำว่า “เยียนไถ” แปลว่า หอคอยแห่งควัน ซึ่งมีการสร้างหอคอยหรือประภาคารอยู่บนแหลมริมทะเล เพื่อส่งสัญญาณเตือนภัยจากโจรสลัดญี่ปุ่นในอดีตเป็นเมืองที่มีท่าเรือประมงใหญ่ที่สุดของมณฑลและอุตสาหกรรมใหญ่อันดับสองรองจากซิงเต่า

อุตสาหกรรมที่ขึ้นหน้าชึ้นตาที่สุดคือ การผลิดไวน์ที่เป็นแหล่งผลิตที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของจีนมี อายุกว่า 100 ปี ชื่อไวน์จางอี้เป็นบริษัทที่ใหญ่ติดอันดับ 5 ของโลก

สำนักข่าวแห่งประเทศจีน อ้างด้วยว่าเมือนเยียนไถ เป็นเมืองแห่งองุ่นและไวน์ระดับสากลเพียงหนึ่งเดียวในเอเชีย อีกทั้งได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 7 ชายหาดทองแห่งองุ่นของโลก มีพื้นที่การเพาะปลูกกว่า 200,000 โหม่ว หรือประมาณ 83,000 ไร่ ผลิตไวน์ได้ปีละกว่า 8,000 ล้านหยวนหรือกว่า 40,000 ล้านบาท

ดูเหมือนว่า ทางการจีนภาคภูมิใจในบริษัทผลิตไวน์แห่งนี้มาก มีระดับผู้นำอย่างเจียง เจ๋อ หมิงมาเยือนและมีพิพิธภัณฑ์การผลิตไวน์ของบริษัทในอาคารเก่าใหญ่โตกลางเมืองซึ่งคณะของเราได้ไปเยี่ยมชมและซิมไวน์มาด้วย ทำให้ได้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตในสมัยโบราณ มีห้องใต้ดิน และถังไม้โอ๊คขนาดยักษ์สำหรับหมักไวน์ให้ผู้คนได้ชม

เนื่องจากเป็นเมืองตากอากาศ จึงมีสถานที่เที่ยวชมริมทะเลหลายแห่ง แค่ที่พักของคณะเราชื่อตงซัน เกสต์เฮาส์  ซึ่งเป็นที่พัก สำหรับแขกของทางการก็ยังตั้งอยู่ริมทะเล ในยามเช้าเดินหน้าออกมาด้านหน้าก็เห็นท่าเรือที่สร้างยื่นออกไปสำหรับประชาชน ใช้พักผ่อนทอดสงบนิ่งอยู่อย่างสวยงาม

นอกจากนั้น ยังมีเผิงไหลซึ่งเป็นเมืองท่าย่อยของเยียนไถ เคยเป็นฐานทัพเรือสมัยราชวงศ์หมิงมีป้อมโบราณ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและเป็นสัญลักษณ์ของเผิงไหลด้วย

ที่นี่ยังเป็นเมืองท่าแห่งแรกในมณฑลซานตงที่เปิดให้ต่างชาติเข้ามาค้าขายได้ในช่วง 150-200 ปีก่อน และยังเป็นเมืองตำนานเรื่อง 8 เซียนข้ามสมุทรอันโด่งดัง

มีการสร้าง “อุทยานวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์จีน” ขึ้นมาอย่างใหญ่โต และรวบรวมศิลปะที่ทำจากหยก ไม้ดึกดำบรรพ์ที่กลายเป็นหิน ภาพวาด ฯลฯ ไว้มากมาย แม้เวลาจำกัด แต่คณะของเราก็ทึ่งกับฝีมือทางด้านศิลปะโดยเฉพาะการแกะสลักไม้ขนาดใหญ่

ในช่วงกลางวันคณะของเราไปรับประทานอาหาร ณ ภัตตาคารแห่งหนึ่งเต็มไปด้วยอาหารทะเลสดๆ และอาหารพื้นเมืองที่กินกันจนเกิดพิกัดทุกมื้อ ซึ่งเป็นธรรมเนียมการต้อนรับของจีน

หลังรับประทานเสร็จ คณะของเราสายตาเหลือบไปเห็นโฆษณา ขายเนื้อจระเข้จากฟาร์มจระเข้สมุทร ปราการของไทยที่เสากลางภัตตาคาร แต่มีรูปหญิงสาวที่ดูเหมือนใส่ชุดนางรำ แต่ไม่มีเสื้อผ้าปกปิดร่างกาย ทำให้พูดกันเล่นๆว่า โฆษณาชิ้นนี้ต้องการขายเนื้อจระเข้หรือ เนื้อนมไข้กันแน่

การท่องเที่ยวแห่งเมืองเยียนไถให้ข้อมูลว่า ทางการเยียนไถพยายามทุ่มเทในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ มีการสร้างเมืองขนาดใหญ่ชื่อ หนานซัน มีทั้งนิคมอุตสาหกรรม ที่อยู่อาศัย มหาวิทยาลัยโรงแรมขนาดใหญ่ แหล่งท่องเที่ยว สามารถรองรับประชากรได้ถึง 100,000 คน

ที่โดดเด่นที่สุดคือ อุทยานศาสนาวัฒนธรรมหนานซัน ที่มีพระพุทธรูปสร้างด้วยบรอนซ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สูง 38.66 เมตร หลัก 380 ตัน ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง และพระพุทธรูปหยกขาวสูง 13.66 เมตร หลัก 660 ตันประดิษฐานอยู่ในวิหาร

ในแต่ละปี มีพุทธศาสนิกชนไปนมัสการนับแสนคนซึ่งแหล่งท่องเที่ยวประเภทนี้ถูกจริตนักท่องเที่ยวไทยมาก

แต่น่าเสียดาย แม้มีบริษัททัวร์ไทยจัดนำเที่ยวไปที่มณฑลซานตงบ้านแต่ก็น้อยมานักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่จึงเป็นชาวเกาหลีและญี่ปุ่น

ประสงค์  วิสุทธิ์