“เส้นทางฮั้ว บล็อกโหวต เลือก สว.สูตรพิสดาร!!”

  ปราเมศ เหล็กเพ็ชร์ ผู้สื่อข่าว นสพ.ไทยรัฐ” ผู้สื่อข่าวสายการเมืองกว่า 20 ปี วิเคราะห์มุมมอง “ว่าที่ สว.ชุดใหม่กับอนาคตการเมืองไทย” ใน “รายการช่วยกันคิดทิศทางข่าว” ว่า  งง ผลเลือก สว.คะแนนภูมิใจไทยนำลิ่ว คนวาง “ค่ายกล” คิดสูตรเก่ง 

 

รู้สึกผิดคาด ไม่น่าเชื่อว่ารถไฟสายสีน้ำเงิน จะตีค่ายกลแตกกระเจิงและสามารถขน สว. ล่องแม่น้ำเจ้าพระยาเทียบขึ้นที่ท่ารัฐสภาได้เยอะ ซึ่งความจริงแล้วคนที่ตีค่ายกลแบบนี้มีคนคิด คนที่คิดเก่งมาก ตามปกติค่ายกลต้องคิดเชิงโครงสร้าง ตั้งแต่เรื่องวางตัวผู้สมัคร , กลุ่มสาขาอาชีพ , กลไกรัฐ ว่าจะดูตรงไหนบ้างเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบที่สุด รวมถึงข้อสอบบางข้อสอบที่ อยู่ในชั้นส่วนกลางด้วย เมื่อตีแตกหมดแล้ววางตามจุดต่างๆไว้  

  ทั้งนี้ตามปกติกลไพ่ทั้งหมดมีอยู่ 40,000 เกือบ 50,000 ใบ ที่สมัครทั่วประเทศเขาคิดเลยว่าทั้ง 40,000 กว่าใบ ถ้าเล่นทุกจังหวัดจะเปลืองแรงมาก ดังนั้นก็เลยคิดโจทย์ง่ายๆ ว่าแต่ละอำเภอใน 20 สาขาอาชีพ ควรวางไพ่ไว้กี่ใบ ถึงจะทำให้คนของตัวเองเข้ามาสู่ระดับประเทศได้  จึงมีที่มาบอกว่ามีทั้งโหวตเตอร์ คือ สมัครเฉยๆเพื่อเป็นโหวตเตอร์กับตัวจริง เพื่อสมัครเป็น สว. ดังนั้นผู้ที่สมัครเป็นโหวตเตอร์ อาจจะโดนวางตัวให้ตกตั้งแต่อำเภอ หรือจังหวัด หรือประเทศก็ได้รอบใดรอบหนึ่ง สามารถเกิดขึ้นได้หมด  

ข้อสอบรั่วตั้งแต่ระดับอำเภอ-บางรายยื่นสมัครหลายรอบ–กลุ่มการศึกษาปึ๊กสุด-ค่ายน้ำเงินตีแตกกระจายทำค่ายส้มร้องจ๊าก 

  ปราเมศ บอกว่า ดังนั้นการจะตีค่ายกลตรงนี้แตก วิธีการมีการร้องเรียนมาตั้งแต่ระดับอำเภอ ตั้งแต่วันสมัคร ช่วงแรกๆเลยถ้าใครเกาะติดข่าวอย่างใกล้ชิด ตามที่ผู้สมัครโวยวาย คือ ผู้สมัครที่รู้ล่วงหน้าก็จะไม่ไปสมัครกลุ่มอาชีพ ที่มีคนจำนวนมากโดยมีการเกลี่ยไปยังกลุ่มต่างๆ เพราะข้อสอบรั่ว ตามปกติผู้สมัครแต่ละกลุ่มสาขาอาชีพ จะไม่เปิดเผยเลย ต้องปิดรับสมัครแล้วถึงได้เปิดเผย จึงบอกว่าข้อสอบรั่วตั้งแต่ชั้นนี้ มีการส่งสัญญาณว่าผู้สมัครกลุ่มไหนเยอะกลุ่มไหนน้อย ดังนั้นถ้าคนไม่มีเส้นสายแล้วไปสมัครแม้ว่าจะมีคุณสมบัติตามกลุ่มก็ตาม ยังไงคุณก็ไม่ได้เพราะมีการคาดการณ์ไว้แล้ว ทำให้คุณต้องไปอยู่กลุ่มอื่นตรงนี้มีการร้องเรียนมา  

ปราเมศ บอกว่า  มีแหล่งข่าวของผมที่ไปสมัครเล่าให้ฟังว่า บางคนยื่นสมัครถึง 3 วันจึงได้ เพราะโดนตีกันออกมา โดยเฉพาะกลุ่มการศึกษาเขาบอกว่ากลุ่มนี้หินสุดเครือข่ายแข็งที่สุด ส่วนใหญ่คนหนีกลุ่มนี้มากที่สุด เพราะมีองค์กรที่เข้มแข็ง เนื่องจากมีประสบการณ์จากการเลือก สว. ครั้งที่แล้วที่มาจากกลุ่มอาชีพ ทุกคนจึงหนีหมดเลย แต่ทำให้เซ็ตระบบได้ง่ายในการหนีไปลงกลุ่มอื่น แต่จะแข็งหรือไม่แข็งไม่เป็นไร เพราะคนที่ขับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินตีโจทย์แตกหมดเจาะได้กระจาย ถึงขนาดค่ายสีส้มร้องจ๊ากเลย 

  หรือบางจังหวัดกลุ่มอาชีพทำนาเกลือ มีเจ้าหน้าที่ตีความว่า เป็นอาชีพทำนาอยู่ในกลุ่ม 5 แต่ความจริงไม่ใช่ ต้องไปอยู่กลุ่มอื่น ขณะที่บางจังหวัดตีความว่า อาชีพทำนาเกลืออยู่ในกลุ่ม 5 ได้ ความจริงแล้วกลุ่มนาเกลือ เข้าข่ายตามกฎหมายกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าข่ายอาชีพทำเหมืองแร่  แต่เนื่องจากบางปีประสบอุทกภัย ต้องการช่วยเหลือเกษตรกร ที่เป็นชาวนาเกลือ จึงตีความให้เป็นเกษตรกร เขาจึงนำข้อนี้มาอ้างเลยเข้าหมวดกลุ่ม 5  

ฮั้วชัดเจน ศิลปินเดี่ยวตกม้าตาย-ภท.คนลงสมัครเนียนสุด ทำเป็นขบวนการ 

  ปราเมศ บอกว่า  ถ้าแกะร่องรอยทั้งหมดตั้งแต่อำเภอยังไม่เห็นชัด เมื่อเข้าสู่จังหวัดเห็นชัดที่สุด ว่ากระบวนการจัดตั้งมีอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเวลาเลือกไขว้ ถ้าใครมาคนเดียวเรียบร้อยตกเลย ก็ต้องมีการวางค่ายกลทั้งหมดจากกลุ่มอาชีพ แล้วจับแบ่งกลุ่มคุณจะวางไพ่ในแต่ละกลุ่มอาชีพอย่างไร จึงต้องมีพวกในกลุ่มอาชีพอื่นๆด้วย จะมาคนเดียวโดดๆไม่ได้ เวลาหลุดจากต่างจังหวัด ทุกคนที่เป็นโหวตเตอร์ ซึ่งหมายถึงสมัครเพื่อถูกวางให้ไปโหวตคนอื่น ไม่ว่ามาจากกลุ่มไหน แต่มีกลุ่มการเมืองต่างๆล็อบบี้หมด ให้ทั้งตำแหน่ง , ผลประโยชน์ , เงิน กว่าจะถึงวันที่ 26 มิถุนายน ในการลงคะแนนผ่านจังหวัด พวกนี้สายโทรศัพท์ไหม้เลย เพราะโดนเจาะหมด 

  “รถไฟสายสีน้ำเงินวางตีค่ายกลแตก แล้ววางคนได้เนียนที่สุด กลุ่มอื่นก็วางเหมือนกันแต่สู้กลุ่มรถไฟสายสีน้ำเงินไม่ได้ พอมาถึงระดับเลือกประเทศ คนที่เป็นสายตรงเวลาคนอยู่ข้างในกับคนอยู่ข้างนอกเขาจะรู้กัน เนื่องจากว่าทุกกลุ่มการเมืองหรือทุกขบวนรถไฟจะไม่เห็นสมรภูมิทุกกระดาน ดังนั้นวิธีการส่งจึงมีทั้งโพยทั้งโผ เพราะไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เก็บหมด เพราะฉะนั้นมีวิธีส่งสัญญาณอย่างไรเวลาจะแก้ค่ายกล เพื่อให้คนของตัวเองได้รับเลือก ซึ่งผู้สมัครเล่าให้ฟังตรงกันหมด”  

  ปราเมศ บอกว่า ฝ่ายที่ไม่ได้ใช้โทรศัพท์กับฝ่ายที่ใช้โทรศัพท์และวอร์รูมที่อยู่ข้างนอก ต้องส่งสัญญาณไปยังเครือข่ายที่อยู่หน้าห้อง แล้วหน้าห้องต้องส่งสัญญาณ ผ่านวิธีไหนก็ได้เพื่อไปสู่ในห้องให้ได้ คนวางเกมเขามีใบสั่งเลย จะเห็นได้ว่าข้อมูลตรงกันแม้ว่าเขาไม่เห็นทุกสมรภูมิ แต่ก็จะเริ่มประเมินออกแล้วว่า กระดานคะแนนจะเป็นอย่างไร ขนาดวางงานแบบเนียนที่สุดแล้ว ยังต้องแก้เกมที่หน้างานด้วย ซึ่งคนที่วางเกมบอกว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ 

คนวางหมากแบไต๋เองวิธีการฮั้ว วางตัวเลข 5-7 หลัก 

  ปราเมศ บอกว่า สายตรงผู้สมัคร สว.บอกเลยว่า ใช้เงินว่าจ้างให้ตำแหน่งเข้ารอบเป็นหลักล้าน แต่ส่วนใหญ่เป็นตัวเลข 5 หลัก เวลาเลือกในกลุ่มอาชีพหลักและเวลาเลือกไขว้ ขยับเป็น 6 หลัก ตรงนี้เป็นข้อเท็จจริง เพราะคนวางมาเล่าให้ผมฟัง และบางกลุ่มเป็นคนของรถไฟสายสีน้ำเงิน อันดับ 1 -8 ใน 10 คน เขาบอกว่าจริงๆจะทำเยอะกว่านั้นก็ได้ แต่ไม่ทำดีกว่า  

  แหล่งข่าวผมบอกอีกว่า แม้จะมีการวางแผนไว้แล้ว แต่เนื่องจากมีการจัดการให้คนของตัวเองไม่เลือกตัวจริงด้วย เนื่องจากว่าสมมุติว่าวางไว้ 10 คน ก็เจาะคนแรก แล้วบอกว่าเสียงเดียวไม่เป็นไร เพราะอีก 9 คนยังเลือกพวกเราอยู่ แต่ปรากฏว่าเจาะทั้ง 10 คนเลย ไม่ใช่ให้ 5หลัก แต่เป็น 6 หลัก เลือกใครก็ได้ แต่อย่าเอาคนนี้ ซึ่งข้อมูลโหดมาก เรียกว่าวิธีนี้กำจัดจุดอ่อนออกไปเลย ใครอ่อนใครเกมแล้วออกไปเลย 

หัวใจ-เจตนา รธน.ระบุ สว.ต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ แต่วิธีการได้มาสวนทางหรือไม่ ต้องตรวจสอบ 

  “หัวใจและเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ ต้องการให้ กกต.คุมการเลือกตั้ง สว. โดยสุจริตและเที่ยงธรรม เพื่อให้ได้ผู้ทรงคุณวุฒิ 200 คน และสำรองอีก 100 คน ประเด็นคือ 200 คน เป็นผู้ทรงคุณวุฒิหรือไม่ ถ้ามองด้วยความเป็นธรรม ทุกคนทุกสาขาอาชีพใครจะบอกว่าแม่ค้ากล้วยแขก , แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวได้รับเลือกเป็น สว.ก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่าถ้าเขาทำงานนี้เกิน 10 ปี ถือว่าเป็นตัวแทนรากหญ้าเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ก็ต้องยอมรับว่าเขามีความรู้ด้านนี้ นำความรู้ตรงนั้นมาช่วยเรื่องใดเรื่องหนึ่งของชาติก็ได้ แต่ประเด็นและหัวใจใหญ่เลย คือ วิธีการได้มาสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ ตรงนี้ต้องไปตรวจสอบ” 

ผู้สมัคร ระดับจังหวัดแฉ มีหลักฐานการบล็อกโหวต 

  ปราเมศ บอกว่า ตอนนี้เห็นภาพผู้สมัคร สว.ระดับจังหวัดร้อง กกต. แล้วยังไปร้องอัยการอีก ก็ต้องรอดูว่าเลือกครบกำหนด 5 วันแล้ว กกต. จะประกาศรับรองหรือดำเนินการอย่างไร  แม้ กกต.บอกว่าการเลือก สว. เรียบร้อยดี แต่รู้ว่ามีการบล็อกโหวต รู้ว่ามีการฮั้วรู้ว่ามีการทำอะไรเป็นกระบวนการ แต่หลักฐานที่จะไปเอาผิดตรงนี้ยังไม่มีประเด็น แต่ที่สามารถตรวจสอบได้ง่าย คือ โพยใบลงคะแนนที่ลงเหมือนกันหมด ตรงนี้ถ้าตรวจสอบจริงๆ สามารถนำไปขยายผลได้ ว่าทำไมแทงบอลชุดตรงกันหมด เป็นไปได้อย่างไร 

“ที่ผ่านมาทุกฝ่ายเวลาพูดกันข้อมูลกระจัดกระจาย แต่คนที่ออกมาแล้วมีน้ำหนักทำให้สังคมได้เห็นภาพ ซึ่งไม่คิดว่าท่านก็จะออกมาพูด คือ คุณกล้าณรงค์ จันทร์ทิก ประธานคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ วุฒิสภา ทำหนังสือด่วนถึงประธานกกต.ให้ไปตรวจสอบ โดยไล่เรียงให้เห็นภาพการตั้งข้อสังเกต และเหตุอันควรสงสัยเรื่องการจ้างวาน บุคคลลงสมัครเพื่อเป็นโหวตเตอร์” 

“สูตรตัวเลขสถิติเรียงชัด ตรงกันเป๊ะ”  

  ปราเมศ บอกว่า ที่สูงผิดปกติ คือ คะแนนช่วงที่ 1-8 ซึ่งผู้สมัครที่อยู่ข้างใน จะเห็นชัดเลยเวลานับคะแนนจะรู้ว่าเป็นคะแนนจัดตั้ง ยิ่งคนที่เรียนสถิติมาจะรู้เลยว่าอย่างนี้จัดตั้งแน่ๆ 1-2-3-4 , 1-2-3-4 นานๆจะนับ 9 หรือ 10 ลุ้นกันระทึกเลย เพราะคะแนนห่างกันแค่ 10 กว่าๆ ส่วนคนที่คะแนนข้างบนได้ 60, 70, 50 ส่วนคนกลุ่มข้างล่างหน้าเหี่ยวเลย จะผ่านหรือไม่ผ่าน เขาถึงบอกว่าโผคะแนนตรงนี้ผิดสังเกต และเป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะทำให้เห็นว่ากระบวนการเลือกทั้งหมด ไม่สุจริตเที่ยงธรรมเป็นเหตุอันสงสัย แต่ก็ต้องรอดูว่า กกต.จะจัดการกับกลุ่มจัดตั้ง เพื่อลงลงสมัครโดยกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองอย่างไร ต้องดูเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ 20 กลุ่ม ที่ผู้สมัครต่างๆไปร้อง กกต. อย่าพึ่งรับรอง ต้องจับโกงให้ได้ก่อน 

สังคมตั้งคำถาม ควรมีวุฒิสภาหรือไม่ เหตุ แยกตัวจากการเมืองยาก 

  “หัวใจของ สว.ผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 200 คน และสำรอง 100 คน ต้องไม่ฝักใฝ่หรือยอมอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมือง เป็นคำที่ดูดี แต่ตรวจสอบคำนิยามได้ยาก ต้องดูที่พฤติการณ์ แต่ที่ผ่านมาเวลาเข้ามาเป็น สว.แล้ว ก็ไม่สามารถที่จะจัดการตรงนี้ได้ สังคมจึงมีคำถามว่า เราผ่าน สว. แต่งตั้งล่าสุดมาแล้ว สังคมเคยได้สัมผัสแล้ว แต่เนื่องจากว่าสังคมมี 2 ขั้ว 3 ขั้ว ฝ่ายที่เชียร์แต่งตั้งบอกว่าการแต่งตั้ง สว. ดีเลิศประเสริฐศรี ในขณะที่เราเพิ่งผ่านวิกฤติเรื่องสภาผัวเมียมา  คนเป็น สว. ที่ผ่านเลือกตั้งโดยตรง เป็นลูกเป็นผัวเป็นเมียของ สส. โดยใช้ฐานการเมืองเดียวกัน ก็ได้เห็นฤทธิ์เดชแล้ว คราวนี้เรามาสู่ สว.จัดตั้งโดยให้เลือกกันเองบ้าง ก็มีคนตั้งโจทย์ว่าควรจะมีวุฒิสภาต่อไปหรือไม่”  

  ปราเมศ บอกว่า ตอนนี้เป็นจังหวะดีที่กำลังจะมีการพิจารณา แก้ไขกฎหมายประชามติ เพื่อที่จะรื้อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตรงนี้เป็นคำถามที่ต้องช่วยกันพิจารณา เนื่องจากว่าถ้าไม่มี สว. ประเด็นปัญหา คือ โครงสร้างอำนาจ โดยเฉพาะการเลือกองค์กรอิสระและองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ควรให้องค์กรไหนเลือกหรือให้สภาผู้แทนราษฎรเลือกไปเลย แต่ก็คงมีสเปคสูงหน่อย เช่น ต้องใช้เสียงของฝ่ายค้านจำนวนเท่าไหร่ 

รูปแบบ ลต.ลงตัวยาก-มหาดไทย เคยถูกติง เหตุจัด ลต.เอื้อผลประโยชน์ - แนะ ปชช.ตื่นตัวไม่เลือกกลุ่มฮั้วเข้าสู่อำนาจ 

  ส่วนในอดีตที่กระทรวงมหาดไทยเคยจัดการเลือกตั้ง ก็มีสังคมตั้งคำถามเช่นกันนั้น  ปรเมศวร์ บอกว่า กระทรวงมหาดไทยเป็นกลไกที่ดูแลเรื่องการเลือกตั้งแต่ต้น ตรงนี้ก็โดนวิพากษ์วิจารณ์เยอะ เพราะบางพื้นที่บางส่วนทำตามคำสั่งของผู้มีอำนาจ เช่น สกัดไม่ให้คนลงกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ จึงเป็นต้นทางที่มีถูกร้องเข้ามาเป็นระยะ แต่รูปแบบการเลือกของไทยก็หาวิธีลงตัวยาก  

  “สุดท้ายก็กลับมาที่ตัวเรา คือ ประชาชนที่เป็นโหวตเตอร์ทั้งหมด ควรต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง เช่น ถ้าเห็นพฤติกรรมแบบนี้ต่ อไปเราก็ต้องไม่เลือกขึ้นรถไฟสายสีนี้อีก ต้องใช้วิธีการแบบไหนถึงจะให้ผู้ที่เข้าสู่อำนาจเปลี่ยน แต่ก็ยากเพราะวิธีการเข้าสู่อำนาจ เขาเล่นทุกรูปแบบอยู่แล้ว ทั้งใต้ดิน-บนดิน-บนฟ้า-บนอากาศ เพื่อไปสู่อำนาจ ดังนั้นการที่จะทำให้กระบวนการเหล่านี้ปรับตัว อยู่ที่อำนาจแท้จริงของประชาชนควรปรับด้วย เพราะนักการเมืองเขาไม่ปรับแน่นอน เขาบอกว่าถ้าเขาโยนอะไรให้ประชาชนก็รับอยู่แล้ว ตัวเขาไปอยู่ในอำนาจไปหาผลประโยชน์กันต่อ ก็เข้ามาสู่จุดนี้เพราะฉะนั้น  คนก็ตั้งข้อสังเกตว่าควรจะมีวุฒิสภาต่อไปหรือไม่ เป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบทางการเมือง”  

  ปราเมศ บอกว่า สุดท้ายจะมีหรือไม่มี สว.ก็อยู่ในฉากต่อไป ที่มีการร้องให้การเลือกเป็นโมฆะ เพราะตอนนี้เข้าข้อกฎหมายหมดแล้ว ต้องดูว่าถ้ามีหลักฐานที่เข้ากับข้อกฎหมายด้วยหรือไม่ แต่ถ้าไล่เรียงดูมีโอกาสที่จะแจกใบแดง แล้วเลือกรายชื่อสำรองขึ้นมาแทน หรือถ้าแจกใบแดงแล้ว สว.เหลือไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ต้องเลือกใหม่ภายใน 60 วัน มารอลุ้นตรงนี้ แต่เชื่อว่าทั้งโมฆะและแจกใบแดงเยอะ แล้วเลือกใหม่ ตรงนี้ก็เหนื่อย 

  ติดตาม “รายการช่วยกันคิดทิศทางข่าว” ทุกวันอาทิตย์ 11.00-12.00 น. โดย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และคลื่นข่าว MCOT News FM 100.5